ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1297 ขอคำสั่งจากฝ่าบาท
เชื่อฟัง เชื่อฟังนายท่านแน่นอน!
ถึงแม้ว่าคำว่าเชื่อฟังคำนี้จะเป็นการทำลายล้างตระกูลของพวกเขา แต่พวกเขาก็จะไม่พูดอะไรสักคำ
นิรันดร์อบรบฝึกฝนให้พวกเขาได้ดี แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นคน เป็นคนก็ย่อมมีความรู้สึกอยู่แล้ว
เซียวเหยากล่าว “หากหัวหน้าตำหนักเป่ยหานรู้ว่านายท่านครอบครองหม้อเทพนิรันดร์อยู่ นายท่านอาจจะเป็นอันตรายได้”
เซียวเหยาไม่รู้ว่าในขณะที่เขารู้ว่ามู่เฉียนซีครอบครองหม้อเทพนิรันดร์ กู้ไป๋อีเองก็รู้เช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าว “แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะทำเรื่องอะไรมา แต่ข้าเชื่อว่าเขาในตอนนี้น่าเชื่อถือมาก เจ้าไม่ต้องคิดมาก”
เซียวเหยาก้มหน้าพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว”
“แต่ตาเฒ่าอาวุโสสูงสุดผู้นั้น ข้าจะคิดหาวิธีจัดการ เจ้ารอฟังคำสั่ง อย่าได้วู่วามเป็นอันขาด”
“ขอรับ!”
หลังจากที่ได้พูดคุยกับเซียวเหยาเสร็จ มู่เฉียนซีก็อยู่คนเดียว
นางไม่รู้อดีตของเสี่ยวไป๋ แต่นางรู้นิสัยของเสี่ยวไป๋ดี
เพื่อความปรารถนาอย่างเห็นแก่ตัวจนถึงขั้นต้องทำลายล้างตระกูล เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด เพราะเขาคือผู้แข็งแกร่งที่บริสุทธิ์
เกรงว่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นแน่นอนที่เป็นคนควบคุมเสี่ยวไป๋ เขาจึงถูกบีบบังคับให้ต้องทำเช่นนั้น
หากเสี่ยวไป๋อยู่ในกำมือของเจ้าหมอนั่นจริง ๆ ไปไถ่ถามก็มีแต่จะทำให้เสี่ยวไป๋ลำบากใจเปล่า ๆ ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่ได้ไปถามความจริงจากเสี่ยวไป๋แต่อย่างใด
ที่ช่วยเหลือเซียวเหยาก็เพราะว่าเขามีประโยชน์ จะทำให้เสี่ยวไป๋มีความขุ่นเคืองใจกันเพราะตระกูลเซียวทำไม
คนที่นางใส่ใจก็คือคนเหล่านี้ต่างหาก!
เซียวเหยาเป็นลูกน้องที่เพิ่งรับมาใหม่ กลับไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะโหดร้ายต่อเขามากก็ตาม
ตอนนี้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทั้งตำหนักเป่ยหานแล้วว่าประมุขน้อยเฉียนเยี่ยมีชายคนโปรดพิเศษอยู่คนหนึ่ง และเรื่องนี้ทำให้กู้ไป๋อีไม่อาจทนได้
ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งเดินเข้ามา มู่เฉียนซีหันไปมองชายผู้เย็นชาในชุดขาวผู้นั้นและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้าจัดการตาเฒ่าเหล่านั้นแล้วเหรอ”
กู้ไป๋อีกล่าว “ซีเอ๋อร์ เจ้านั่นบอกว่าเขาเป็นชายคนโปรดของเจ้า เจ้าไม่ควรให้เขาพูดจาซี้ซั้วเช่นนั้นนะ”
“หากไม่กลัวว่าจะถูกจับได้ ข้าคงจะฆ่าเขาให้ตายไปแล้ว” จากนั้น น้ำเสียงอันโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“อารอง!”
หลิงเดินมาตรงหน้ามู่เฉียนซีและกล่าวว่า “หากซีเอ๋อร์ของข้าต้องการชายคนโปรด เจ้าคนเช่นนั้นก็ไม่แม้แต่จะคู่ควร! รนหาที่ตายชัด ๆ!”
เซียวเหยาเองไม่รู้เลยว่าการที่ตนเองพูดจาส่ง ๆ ไปเช่นนั้นจะทำให้คนสองคนนี้อยากจะฆ่าสับเนื้อเขาเป็นหมื่น ๆ ชิ้นได้ถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “อารอง ก็แค่ทำให้ตาเฒ่าเหล่านั้นเกิดโทสะขึ้นก็เท่านั้นเอง แต่หากว่าอารองทนไม่ไหวก็ไปยืดเส้นยืดสายกับเขาได้นะ”
ครั้นแล้ว เซียวเหยาก็ถูกเจ้านายผู้ใจดำผู้นี้ขายเสียแล้ว
กู้ไป๋อีกล่าว “ส่วนสิ่งต้องห้ามที่อยู่ในตัวหลิง ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบตำราโบราณในตำหนักเป่ยหานทุกที่แล้ว แต่ไม่มีสิ่งต้องห้ามที่คล้ายกัน ส่วนในจวนของเขาก็ไม่พบเบาะแสใดเลย”
“ดูท่า ตาเฒ่านั่นจะแอบซ่อนได้ลึกลับมาก!” แววตาของมู่เฉียนซีเย็นชาขึ้น
“เซียวเหยาผู้นั้น จะให้ส่งตัวออกไปหรือไม่ ส่งไปที่หอหมอปีศาจก็ได้” กู้ไป๋อีกล่าว
หากเห็นเจ้าปีศาจผู้นี้ยั่วยวนซีเอ๋อร์ทุกวัน คาดว่าเจ้านั่นต้องอายุสั้นเป็นแน่
“รอให้พลังของเขาฟื้นตัวกลับมาได้เมื่อไหร่ ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นค่อยให้เขาไปประจำอยู่ที่หอหมอปีศาจ หอหมอปีศาจของข้าควรต้องเปลี่ยนหัวหน้านักพิษแล้ว คนตระกูลเซียว ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือความจงรักภักดี ก็เพียงพอที่จะรับผิดชอบหน้าที่นี้”
“อืม!”
เนื่องจากมู่เฉียนซีต้องการให้เซียวเหยาฟื้นตัวเร็ว ๆ ดังนั้นจึงใช้ยาที่ดีที่สุดรักษาเขา
ในตอนนี้แค่เซียวเหยาเห็นหม้อหลุนหุยเขาก็รู้สึกกลัวแล้ว แค่เห็นยาลูกกลอนก็แทบอยากจะอาเจียนออกมาแล้ว!
“อ๊า อ๊า อ๊า! ข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว” เซียวเหยาร้องอย่างบ้าคลั่ง
“แม่นางเซียว วันนี้เจ้ายังกินไม่ครบเลยนะ รีบกินต่อเถอะ สู้ ๆ!”
ฮือ ๆ ๆ! เซียวเหยาร้องไห้จนจะเป็นลมแล้ว
หลังจากที่ผ่านความทรมานจากการทดสอบของนรกมา ในที่สุดเซียวเหยาก็สามารถวิ่งไปแจ้งข่าวดีกับมู่เฉียนซีได้แล้ว
“นายท่าน ข้าหายดีแล้ว แถมพลังของข้ายังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย บางทีใช้เวลาอีกแค่ไม่นานข้าก็ทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงสุดได้ก็ได้ แต่นายท่านให้ข้าพักผ่อนสักหน่อยจะได้หรือไม่ ข้าไม่อยากกินยาพิษแล้วจริง ๆ”
มู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็รีบ ๆ ฟื้นตัวดีกว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าต้องเพิ่มยาเป็นสี่เท่า!”
“ไม่ ไม่จริง!” เซียวเหยากรอกตามองบน อยากจะเป็นลมล้มพับไปเสียเดี๋ยวนั้น
“นายท่าน นายท่านไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ ฮือ ๆ ๆ!”
ครั้งนี้เซียวเหยาร้องไห้ออกมาจริง ๆ แล้ว แถมยังไม่ใช่การเสแสร้งอีกด้วย เขาร้องไห้จริง ๆ!
“เรื่องนี้เจ้าไม่อาจต่อรองได้” ผู้นำตระกูลมู่ไร้ความปรานีจริง ๆ
“นายท่าน ข้ากินเยอะเช่นนี้ นายท่านไม่กลัวจนรึไง?”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “วางใจได้ นายท่านของเจ้าร่ำรวยมั่งคั่งที่สุดแล้ว”
ในตอนนี้เซียวเหยายังไม่รู้ว่าเจ้านายของตัวเองนั้นเป็นเจ้าของหอหมอปีศาจ
อยากจะกินให้คนอย่างมู่เฉียนซีจนอย่างนั้นเหรอ ต่อให้กระเพาะของเขาใหญ่กว่านี้เป็นพันเท่าก็ไม่มีทางทำให้คนอย่างนางจนได้
ใบหน้าของเซียวเหยาเหี่ยวเฉาลงทันที
และในตอนนี้เอง คนส่งข่าวหลายคนได้กลับมาถึงตำหนักเป่ยหานแล้ว และพวกเขาก็แยกย้ายไปกันคนละทิศคนละทาง
หนึ่งในนั้นได้มาที่มู่เฉียนซี
“ท่านประมุขน้อยเฉียนเยี่ย พวกเราติดตามคนของท่านผู้อาวุโสสูงสุดไป และได้ข่าวมาว่าสถานที่ของตระกูลเซียวมีกลิ่นอายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพขอรับ”
ส่วนทางด้านของผู้อาวุโสสูงสุดก็มีคนไปรายงานข่าวเช่นกัน
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ ที่ตระกูลเซียวมีกลิ่นอายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพขอรับ! ตอนนั้นเกรงว่าพวกเราจะเกิดความผิดพลาด เป็นไปได้หรือไม่ขอรับว่ามันจะเป็นหม้อเทพนิรันดร์!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่ปรากฏอยู่ที่ตระกูลเซียว พวกเราจำต้องไปเยือนสักครั้ง ส่วนเรื่องเบาะแสของหม้อเทพนิรันดร์ มันเป็นเบาะแสสำคัญของสามตระกูลยาโบราณแน่นอน”
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้รับรายงานนางก็กล่าวว่า “เจ้าออกไปได้!”
มู่เฉียนซีกล่าวถามเซียวเหยา “ตระกูลเซียวมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอย่างนั้นเหรอ?”
เซียวเหยากล่าว “เป็นหม้อยาเลียนแบบหม้อที่สอง หม้อยาหยินหยางระดับสอง หม้อยานี้ตระกูลเซียวของพวกเราไม่สามารถทำพันธสัญญาได้ เพราะมันหลับใหลมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าตระกูลเซียวของพวกเราจะถูกทำลาย แต่คนของตำหนักเป่ยหานก็ไม่มีทางพบมัน”
“แต่นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะตื่นขึ้นมาในเวลานี้ แต่ถ้าหากฝ่าบาทตื่นขึ้นมาแล้วมันก็ตื่นเหมือนกัน มันก็เป็นเรื่องปกติ แล้วต่อไปเราจะทำเช่นไรดี หากหม้อหยินหยางสองขั้วไปตกอยู่ในมือของตำหนักเป่ยหานแล้วละก็ แย่แน่” เซียวเหยากล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจ
มู่เฉียนซีกล่าว “ใช่! หากคนพวกนั้นได้หม้อยาเลียนแบบไป พวกนั้นก็อาจจะได้เบาะแสของหม้อเทพนิรันดร์ไปด้วย หากพวกนั้นมีวิธีควบคุมหม้อเทพแล้วละก็ มันก็จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”
ตระกูลเซียวที่เต็มไปด้วยพิษ เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก
ผู้อาวุโสสูงสุดนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้รับคำสั่งให้ไปที่ตระกูลเซียว ครานั้นเขาเกือบจะทิ้งชีวิตไว้อยู่ที่นั่นเสียแล้ว!
แต่สุดท้าย หากไม่ใช่เพราะ…
พวกเขาไม่มีทางทำลายล้างตระกูลเซียวได้แน่นอน
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ครั้งนี้ ต้องเอาตัวเจ้านั่นมาจากมู่หรงเฉียนเยี่ยให้ได้ มีคนตระกูลเซียวนำทาง มันจะง่ายขึ้นมาก”
“แต่ดูเหมือนประมุขน้อยเฉียนเยี่ยกับท่านหัวหน้าตำหนักไม่มีท่าทีที่จะยอมปล่อยเขามาง่าย ๆ เลยนะขอรับ”
“ในเมื่อท่านหัวหน้าตำหนักไม่ยอม เราก็ทำได้เพียงแค่ขอคำสั่งจากฝ่าบาทแล้ว หากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้จะต้องดีใจมากเป็นแน่” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
เดิมทีหลังจากที่รู้ข่าวนี้ กู้ไป๋อีก็คิดจะไปถามความเห็นของมู่เฉียนซี แต่จู่ ๆ เขาก็สะดุ้งขึ้น ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นเหม่อลอยขึ้น ชั่วพริบตาเดียวร่างของเขาก็อันตรธานหายไปจากในห้อง
ใต้ตำหนักเป่ยหานมีเมืองน้ำแข็งหิมะอยู่ใต้ดิน ร่างในชุดขาวเคลื่อนไหวไปในเมืองน้ำแข็งหิมะนี้อย่างรวดเร็วราวกับเทพแห่งน้ำแข็งก็มิปาน
.