ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1368 สิงโตทองลวงตา
หลังจากที่เปิดปราการป้องกันได้แล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เราเข้าไปกันเถอะ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีเข้าไปก็พบว่าประตูปราการนั้นไม่ได้ปิดลง แต่กลับเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ลมร้อนอันน่าสะพรึงกลัวได้ก่อตัวเป็นพายุพัดกระโชกไป ทำให้ผู้คนจำนวนมากสังเกตเห็นถึงสถานที่ตรงนี้
“เจอแล้ว! อยู่ทางนั้น!”
“ตรงนั้น!”
“เร็ว…”
ตำแหน่งยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ คนจำนวนมากต่างพากันมาที่ประตูปราการนี้
ส่วนมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีในตอนนี้ก็ได้เดินเข้าไปในมิติที่มืดสนิทมิติหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่พวกเขาเข้าไปได้ไม่นานก็เห็นกับเปลวไฟสีทองลูกหนึ่งลอยที่อยู่กลางอากาศราวกับเป็นตะเกียงไฟก็มิปาน
เปลวไฟนี้แตกต่างไปจากเปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงไปโดยสิ้นเชิง
วิ้ง! ในขณะที่เปลวไฟนี้ปรากฏขึ้น กระบี่มังกรเพลิงก็เกิดการตอบสนองความเป็นศัตรูกับเปลวไฟนี้
“กลิ่นอายนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก!” เสี่ยวหงตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ จากนั้นมันก็มองไปที่เปลวไฟสีทองที่ปรากฏอยู่กลางอากาศนั้น
“นายท่าน ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ฝักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เท่านั้น นายท่านระวังตัวด้วย”
ทันทีที่เสี่ยวหงกล่าวจบ เปลวไฟสีทองที่อยู่กลางอากาศนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นค่ายกลขึ้นมา
ชั่วพริบตาเดียวมิติก็เปลี่ยนไปแล้ว
“ซีเอ๋อร์!”
“ท่านหัวหน้าตำหนัก!”
“ประมุขน้อย!”
ทุกคนถูกแยกออกจากกัน สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น
“เสี่ยวไป๋!”
เสี่ยวหงกล่าว “เป็นมันจริง ๆ ด้วย นายท่าน เรารีบออกจากที่นี่เร็วเข้า ปีศาจร้ายนั่นมันจะฆ่านายท่าน! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนั่นจะแอบซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
อู๋ตี้กล่าว “เจ้าหมูขี้เกียจ มันเป็นใครกันแน่?”
อู๋ตี้เองก็ได้กลิ่นอายที่อันตรายนั้นแล้ว!
เสี่ยวหงกล่าว “สิงโตทองลวงตา มันเป็นหนึ่งในสัตว์ร้ายโบราณที่เจ้าเล่ห์ที่สุด เจ้าหมอนี่ชั่วร้ายมาก ไม่เพียงแค่เปลวไฟของมันเท่านั้นที่ร้ายกาจ แต่มันยังสามารถสร้างภาพลวงตาล่อเหยื่อให้ติดกับได้อีกด้วย ตอนนี้นายท่านได้อยู่ในแดนลวงตาของมันแล้ว”
“หากยังไม่รีบออกไป ก็จะยิ่งถลำลึกอยู่ในกับดักนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ! ข้าหลับใหลไปตั้งนาน คิดว่าเจ้านี่ตายไปแล้วซะอีก นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะมาอยู่ในสถานที่บ้า ๆ นี่”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เสี่ยวหง ในเมื่อเจ้ารู้จักมักคุ้นกับเจ้านี่มากเพียงนี้ แล้วเจ้ารู้วิธีแก้ไขหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ของมู่เฉียนซี เสี่ยวหงก็รู้สึกละอายใจขึ้นแล้ว
“เอ่อ นายท่าน…”
“เอ่อ ตอนนั้นข้าขี้เกียจมาก ข้าจึงไม่ได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก แต่ข้ารู้ว่าด้วยสติปัญญาอันฉลาดหลักแหลมของนายท่านจะต้องแก้ไขปัญหานี้ได้แน่นอน”
อู๋ตี้อดที่จะซ้ำเติมเสี่ยวหงไม่ได้ “หมูขี้เกียจเช่นเจ้ามันขี้เกียจจนไร้หนทางรักษาแล้วล่ะ”
“ถอยก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่เดินหน้าแล้ว”
มู่เฉียนซีเดินผ่านสถานที่อันแห้งแล้งไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาเจอเข้ากับตำหนักหนึ่ง
ตำหนักนี้มีสีทองอร่าม แสดงให้เห็นว่าสิงโตทองลวงตานี้เหมือนกับเผ่ามังกร ชื่นชอบสิ่งของที่เป็นสีทองอร่ามมากเป็นพิเศษ
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ประตูตำหนักนี้ มู่เฉียนซีลองหลายกระบวนท่าแล้วแต่ยังคงเปิดไม่ออก
ตอนนี้มู่เฉียนซีรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่กำลังใกล้เข้ามา นางคิดว่าเป็นเสี่ยวไป๋ แต่กลับได้เจอกับคนที่นางไม่อยากเจอมากที่สุด
“ไป๋อู๋ห่าย!”
เห็นได้ชัดว่าไป๋อู๋ห่ายและพวกได้พลัดแยกจากกันแล้ว มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ไป๋อู๋ห่ายมองมู่เฉียนซี ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด พวกเจ้ามาถึงก่อน แต่ก็ยังหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่เจอเหมือนกัน กู้ไป๋อีพลัดแยกไปจากเจ้าแล้ว เจ้า…”
“ทักษะโยวหลัว!”
ระดับพลังวิญญาณของไป๋อู๋ห่ายสูงกว่านางมาก ดังนั้นนางจึงชิงลงมือก่อน
ภายใต้การโจมตีอันรุนแรง พลังการทำลายล้างได้พัดกระโชกไปอย่างท่วมท้น
เผชิญหน้ากับทักษะวิญญาณนี้ ไป๋อู๋ห่ายก็หลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
“มู่เฉียนซี พลังอันน้อยนิดเช่นนี้ มันใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอกนะ”
ไป๋อู๋ห่ายแผ่ซ่านพลังขั้นสูงสุดออกมา พุ่งโจมตีไปที่มู่เฉียนซี และในตอนนี้เองเสียงสวดก็ดังขึ้น
“อมิตาพุทธ!”
แสงแห่งธรรมสีทองอร่ามปกคลุมลงมา ยับยั้งพลังขั้นสูงสุดของไป๋อู๋ห่ายจนจางหายไป
ร่างในชุดสีเหลืองร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี มู่เฉียนซีตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “อินรั่วเฉิน!”
สีหน้าของไป๋อู๋ห่ายย่ำแย่ลงมาก “โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน!”
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างข้ากับมู่เฉียนซี ท่านอยากเกี่ยวข้องด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
กู้ไป๋อีไม่อยู่ เดิมทีนี่เป็นโอกาสที่ดีมากที่เขาจะฆ่ามู่เฉียนซี
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอินรั่วเฉินจะโผล่มาขวางทางเช่นนี้ ไป๋อู๋ห่ายกลัดกลุ้มใจมาก
“หัวหน้าตำหนักไป๋เป็นถึงยอดฝีมือขั้นสูงสุด จะมารังแกผู้น้อยเช่นนี้ได้อย่างไรกันล่ะ” อินรั่วเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“มู่เฉียนซีฆ่าคนตำหนักตงจี๋ไปมากมาย ทำร้ายให้บุตรสาวข้าทรมานอย่างตายทั้งเป็นมานับครั้งไม่ถ้วน แค้นนี้ จะให้ข้าอดทนได้อย่างไร?” ไป๋อู๋ห่ายกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ความแค้นไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการเข่นฆ่าเสมอไป หัวหน้าตำหนักไป๋เป็นอาวุโส แต่มารังแกผู้น้อยเช่นนี้ ช่างไร้คุณธรรมยิ่งนัก”
“นี่ท่านตัดสินใจจะตั้งตนเป็นศัตรูกับข้า จะช่วยสาวน้อยนี่แล้วใช่หรือไม่”
มู่เฉียนซีมองไป๋อู๋ห่ายและกล่าวว่า “ก็ใช่น่ะสิ! ข้ากับโอรสศักดิ์สิทธิ์เราสนิทกันมาก กิน ดื่ม สุขสำราญด้วยกันก็เคยทำมาแล้ว เขาเลือกข้างเดียวกับข้าแน่นอนอยู่แล้ว”
ไป๋อู๋ห่ายกล่าวเย้ยหยันว่า “พวกเจ้าคิดว่าพลังความแข็งแกร่งของพวกเจ้าจะขวางข้าได้อย่างนั้นเหรอ?”
พลังความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินนั้นห่างชั้นกับไป๋อู๋ห่ายมาก ไป๋อู๋ห่ายคิดและมั่นใจเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังของพวกข้าสองคนรวมกันเทียบเจ้าไม่ได้ แล้วหากว่าเพิ่มเจ้านี่มาอีกตัวล่ะ”
“อู๋ตี้!”
ไป๋อู๋ห่ายมองไปที่แมวตัวสีขาวขนปุยตัวนั้น รูม่านตาของเขาก็หดลงทันที “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!”
“มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกแล้วอย่างไร ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้!”
สีหน้าของไป๋อู๋ห่ายดุร้ายขึ้น และโจมตีมู่เฉียนซีอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีกการโจมตีของไป๋อู๋ห่าย ส่วนอู๋ตี้ก็พุ่งเข้าไปโจมตีไป๋อู๋ห่ายในทันที
ตูม!
ตอนนี้พลังของอู๋ตี้แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ทำให้เสี่ยวหงรู้สึกอิจฉาจนคันไม้คันมือขึ้นมาทันที
ร่างในชุดสีเหลืองเคลื่อนไหวผ่านไป และตอนนี้สิ่งที่เหนือความคาดหมายของไป๋อู๋ห่ายก็คือ พลังวิญญาณของอินรั่วเฉิน นึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าพลังของอินรั่วเฉินจะถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดแล้ว!
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!
อินรั่วเฉินเพิ่งจะอายุเท่าไร เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้!
พรวด!
ความแข็งแกร่งของอินรั่วเฉินนั้นเหนือความคาดหมายของไป๋อู๋ห่ายมาก ไป๋อู๋ห่ายถูกโจมตีจนกระอักเลือดคำโตออกมา
สีหน้าไป๋อู๋ห่ายเผยความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของอินรั่วเฉินไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
อีกทั้งยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกของมู่เฉียนซีอีก สถานการณ์ในตอนนี้ย่ำแย่มาก
บัดซบ! กว่าจะมีโอกาสที่มู่เฉียนซีแยกกับกู้ไป๋อีพลัดแยกจากกันนั้นมันไม่ง่ายเลย ไม่นึกเลยว่าเจ้าอินรั่วเฉินบ้านี่จะเข้ามาขวางทางจนได้
ไป๋อู๋ห่ายจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่ดุร้ายครู่หนึ่ง ก่อนจะหนีไปด้วยความอัปยศอดสู!
ใช่! ไป๋อู๋ห่ายหนีไปแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ไป๋อู๋ห่าย ตาเฒ่าขี้ขลาด ทำได้แค่หนีอย่างนั้นเหรอ ขี้ขลาดจริง ๆ เลย!”
ไป๋อู๋ห่ายกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น สบถด่าว่า “สักวันเถอะ ข้าจะจับเจ้ามาหั่นเนื้อเป็นหมื่น ๆ ชิ้น มู่เฉียนซี!”
ไป๋อู๋ห่ายจะหนี พวกเขาก็ไม่คิดเสียเวลาไล่ตาม อย่างไรเสีย ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดผู้หนึ่งจะหนีเช่นนี้ ก็ยากที่จะตามทัน
ยิ่งไปกว่านั้น มิติแห่งนี้ก็ไม่ปกติเลย!
อินรั่วเฉินมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เฉียนซี ที่นี่อันตรายมาก เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เถอะ”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดของโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน ไม่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่ากระบี่มังกรเพลิงอยู่ในมือข้า เหตุใดถึงได้มาร่วมสนุกสุขสันต์ที่นี่อีกล่ะ?”
อินรั่วเฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ความปรารถนาของข้าในครั้งนี้ก็เหมือนความปรารถนาของเจ้า เพียงแต่ว่า ที่นี่เต็มไปด้วยภัยอันตราย และมันอันตรายเกินกว่าที่ข้าจะจินตนาการได้ เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เสียเถอะ”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “หากข้าออกไปจากที่นี่ แล้วเจ้าล่ะ!”
.
.