ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1429 ใช้เป่ยกงจั๋วเป็นเครื่องมือ
“ข้าเป็นคนขุดมันออกมา เหตุใดต้องเอาให้พวกเจ้าด้วย!” มู่เฉียนซีกล่าว
“เจ้ามันอวดดียิ่งนัก เช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง จัดการ!”
“พวกเจ้ามันบ้าคลั่งไปแล้ว ข้าจะจัดการกับพวกเจ้าเอง” กู่ถานโกรธเกรี้ยวมาก เขาพุ่งตัวเข้าไปรับมือกับคนเหล่านี้
ความอาฆาตแค้นที่คนเหล่านี้ฆ่าล้างเผ่าของเขานั้น ไม่อาจให้อภัยได้
หอฉงโหลวบนเมฆาที่แอบซ่อนตัวอยู่ในปุยเมฆตอนนี้เป็นห่วงมู่เฉียนซีที่กำลังโดนโจมตีอยู่ยิ่งนัก
ในตอนนี้ มู่เฉียนซีถูกห้อมล้อม ไม่มีทางหนีได้เลย
“ท่านหัวหน้าเผ่า!”
“ท่านหมอปีศาจ!”
สถานการณ์การต่อสู้ด้านล่างนั้น คนที่อยู่ในหอฉงโหลวบนเมฆาต่างมองเห็นได้อย่างชัดเจน
พวกเขารู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง อยากจะลงไปช่วยทั้งสองจริง ๆ
“ท่านมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ ให้พวกเราลงไปสู้กับพวกเผ่าวิญญาณร้ายนั่นเถอะ!”
“ใช่! พวกเราจะสู้กับพวกมันด้วยชีวิต!”
หอฉงโหลวบนเมฆากล่าวว่า “พอได้แล้ว ๆ! ร่างกายของพวกเจ้าเป็นเช่นนี้แล้วยังดื้นรั้นจะลงไปอีกเหรอ ขืนลงไปก็เท่ากับพวกเจ้ารนหาที่ตายมากกว่า”
“ทุกคนรออยู่ที่นี่นี่แหละ นายท่านจะไม่เป็นอะไร!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! การต่อสู้ด้านล่างดุเดือดอย่างไม่อาจแยกตัวออกมาได้
มู่เฉียนซีกล่าว “กู่ถาน เจ้ารีบขึ้นไปก่อน ตรงนี้ข้าจัดการเอง”
กู่ถานได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจนิ่งอึ้งไป “ไม่ได้เด็ดขาด! ข้าไม่มีทางทิ้งท่านให้รับมือกับคนพวกนี้คนเดียวเด็ดขาด”
“ข้าคนเดียวเอาตัวรอดสะดวกกว่า หากเจ้าไม่ขึ้นไป ข้าก็จะไม่สนใจคนในเผ่าเจ้าแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่ลังเล
นางถึงกับกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาแล้ว หัวหน้าเผ่าโบราณคนใหม่อย่างกู่ถานจึงจำเป็นต้องเชื่อฟังแต่โดยดี
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีโจมตีออกไปอย่างสุดกำลัง จนกระทั่งหาโอกาสหลุดออกมาจากวงล้อมได้
“ข้าจะบอกอะไรให้พวกเจ้ารู้เอาไว้นะ! ไม่เพียงแค่ไข่มุกวิญญาณทมิฬเท่านั้นที่อยู่กับข้า แม้แต่ผลึกวิญญาณราชาทมิฬที่พวกเจ้าอยากได้นักอยากได้หนา ก็อยู่กับข้าเช่นกัน! หากพวกเจ้ามีความสามารถก็มาแย่งสิ!”
“อะไรนะ?”
สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก!
นึกไม่ถึงเลยว่าผลึกวิญญาณราชาทมิฬจะไม่ได้อยู่กับโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน แต่กลับมาอยู่ในมือนาง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ตามไปเร็วเข้า!”
ร่างคนชุดดำหลายร่างพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีทันที ส่วนกู่ถานนั้น ไม่มีคนของเผ่าวิญญาณร้ายลงมือกับเขาแม้แต่คนเดียว
เขาไม่ได้มีของล้ำค่าอยู่ในครอบครอง ลงมือกับกู่ถานไปก็เสียแรงเปล่า
เผ่าโบราณพวกเขาสามารถถอนรากถอนโคนได้อย่างช้า ๆ แต่ไข่มุกวิญญาณทมิฬกับผลึกวิญญาณราชาทมิฬจำเป็นต้องแย่งชิงเอามาให้ได้ เพราะของสองสิ่งนี้มีความสำคัญต่อเผ่าวิญญาณร้ายของพวกเขามาก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“……”
เมื่อเห็นทุกคนตามมู่เฉียนซีไปเช่นนี้ กู่ถานก็ทำอะไรไม่ถูก
ทำได้เพียงแค่ทำตามที่มู่เฉียนซีบอก ครั้นแล้วเขาจึงกระโดดขึ้นไปบนหอฉงโหลวบนเมฆา
คนของเผ่าวิญญาณร้ายพุ่งเป้าไปที่มู่เฉียนซีคนเดียว จึงไม่ได้สังเกตเห็นหอฉงโหลวบนเมฆาแต่อย่างใด
ทว่า เป่ยกงจั๋วที่กำลังตามหาตัวมู่เฉียนซีอยู่นั้นสังเกตเห็นแล้ว “มู่เฉียนซีอยู่ทางนั้น รีบตามไป! ครั้งนี้อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้เป็นอันขาด”
ขวับ ขวับ ขวับ! คนของเป่ยกงจั๋วมุ่งหน้าไปที่เผ่าโบราณอย่างรวดเร็ว
วิ้ง! ลำแสงอันเย็นยะเยือกส่องประกายขึ้น จากนั้นก็พุ่งไปที่ร่างของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีของพวกเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด คนเหล่านี้รับมือได้ยากมาก
แม้ว่าจะมีอู๋ตี้กับเสี่ยวหงคอยกดดันพวกเขาอยู่ แต่มู่เฉียนซีก็รับมือกับคนพวกนี้ได้ยากอยู่ดี
“หากเจ้าอยากตายศพสวย ๆ หน่อย ก็รีบส่งของมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวพัดกระโชกไปที่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีตะโกนด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ฉ่า ๆ ๆ!
พื้นดินบริเวณรอบ ๆ แตกระแหงขึ้น กำแพงน้ำแข็งพลันพังทลายลง
พรวด! มู่เฉียนซีกระอักเลือดคำโตออกมา อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บสาหัส
อู๋ตี้กับเสี่ยวหงเป็นกังวลใจมาก “นายท่าน!”
ตอนนี้พลังจิตอันแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลายร่างที่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย มาได้เวลาพอดีเลย!
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ป้องกันเอาไว้ให้ข้า!”
“ขอรับ!”
“พวกเจ้า ตายซะเถอะ!” อู๋ตี้คำรามออกมา
“บัวอัคคีเผาสวรรค์!”
เปลวไฟสีแดงฉานลุกลามไปทั่วบริเวณ ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็หาช่องว่างได้
มู่เฉียนซีโคจรพลังวิญญาณขึ้นอย่างบ้าคลั่ง กินยาลูกกลอนเข้าไปเป็นจำนวนมาก และพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากพุ่งออกไปได้ระยะหนึ่ง มู่เฉียนซีก็ได้เจอกับเป่ยกงจั๋วที่กำลังตามหานางอยู่พอดี
“มู่เฉียนซี ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอจนได้” เป่ยกงจั๋วยิ้มเยาะ
มู่เฉียนซีตะโกนกล่าว “หัวหน้าตำหนัก ช่วยด้วย!”
และในขณะที่เป่ยกงจั๋วกำลังลงมือจะจับนาง ลำแสงสีฟ้าอ่อนลำแสงหนึ่งก็ได้ขวางการโจมตีของเขาไว้
มู่เฉียนซีพุ่งตัวออกไปยืนด้านหลังกลุ่มกองกำลังของพวกเขา ชั่วพริบตาเดียวกองกำลังที่เป่ยกงจั๋วพามานี้ก็ได้กลายเป็นเกราะกำบังของมู่เฉียนซีแล้ว
คนของเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางกล่าว “มิน่าล่ะว่าเหตุใดสาวน้อยผู้นี้ถึงไม่กลัวตาย ที่แท้ก็มีคนช่วยนี่เอง!”
“มีคนช่วยแล้วอย่างไร ก็ฆ่าพวกมันซะให้หมดนี่นี่แหละ!”
สีหน้าของเป่ยกงจั๋วพลันเปลี่ยนไป เขาถูกมู่เฉียนซีใช้เป็นเกราะกำบังเสียแล้ว
หากอยู่ในแดนซวนเทียน คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย ทว่า ตอนนี้อยู่ในดินแดนสี่ทิศ นับว่าเป็นปัญหาซะแล้ว
“ข้ากับมู่เฉียนซีไม่ได้…”
“ฆ่ามัน!” คนของเผ่าวิญญาณร้ายไม่ให้โอกาสเป่ยกงจั๋วได้อธิบายเลย อีกทั้งยังโจมตีอย่างรุนแรงอีกด้วย
สีหน้าของเป่ยกงจั๋วพลันโหดร้ายขึ้น “ขวางคนพวกนี้ไว้ ข้าจะไปตามจับตัวมู่เฉียนซี”
และในขณะที่เขาจะพุ่งไปที่มู่เฉียนซี ทันใดนั้นเองร่างในชุดสีเขียวร่างหนึ่งก็เข้ามาขวางการโจมตีของเขาเอาไว้ และอุ้มมู่เฉียนซีพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ
“หุ่นเชิด!”
“บัดซบ!”
เป่ยกงจั๋วตามขึ้นไปกลางอากาศ แต่ความเร็วของเขาช้ากว่าชิงอิ่งเล็กน้อย
ประตูหอฉงโหลวบนเมฆาเปิดอ้าต้อนรับมู่เฉียนซี ชิงอิ่งอุ้มมู่เฉียนซีเข้าไปด้านใน
มู่เฉียนซีหันไปยิ้มกับเป่ยกงจั๋วและกล่าวว่า “เป่ยกงจั๋ว ไว้ค่อยเจอกันใหม่นะ! คิดจะจับข้า หึ! เจ้ากลับไปอาบน้ำนอนซะเถอะ!”
กล่าวจบ หอฉงโหลวบนเมฆาก็เคลื่อนตัวเข้าสู่ปุยเมฆและหายลับไป เป่ยกงจั๋วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับคำพูดนี้ของมู่เฉียนซีนัก
ตูม! การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นกลางอากาศ
ทว่า ในตอนนั้น หอฉงโหลวบนเมฆาได้อันตรธานหายลับไปแล้ว การโจมตีของเขาจึงไร้ประโยชน์
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทันทีที่เขากรุ่นโกรธ เขาจึงลืมควบคุมพลัง ทำให้สายฟ้าปกป้องดินแดนลงทัณฑ์เขา
สีหน้าของเป่ยกงจั๋วดำคล้ำเสียยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก จากนั้นเขาก็ข่มกำลังไว้และลงไปยังพื้นดิน
คนของเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโกรธเกรี้ยวขึ้น “บัดซบ! นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะปกป้องเจ้านั่นจนหนีไปได้”
“ไข่มุกวิญญาณทมิฬและผลึกวิญญาณราชาทมิฬของพวกเราหลุดมือไปจนได้!”
“บัดซบยิ่งนัก! พวกเจ้าตายซะเถอะ!”
ลูกไก่อยู่ในกำมือแล้วแท้ ๆ แต่ก็หนีรอดไปจนได้ สิ่งนี้ทำให้คนของเผ่าวิญญาณร้ายโกรธแค้นราวกับเปลวไฟลุกโหม จึงได้ลงมือโจมตีเป่ยกงจั๋วอย่างบ้าคลั่ง
เป่ยกงจั๋วเองก็โกรธไม่แพ้กัน “หากไม่ใช่เพราะมดปลวกอย่างพวกเจ้าเข้ามาขวาง มู่เฉียนซีก็คงจะหนีไปไม่ได้ พวกเจ้ารนหาที่ตายชัด ๆ!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ชั่วครู่หนึ่ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้ต่อสู้กันอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้
น่าเสียดายที่หอฉงโหลวบนเมฆาได้อันตรธานหายไปแล้ว มู่เฉียนซีจึงอดดูพวกสุนัขทั้งสองฝ่ายนี้กัดกัน
หอฉงโหลวกล่าว “นายท่าน เราจะไปที่ใดกันขอรับ?”
“ฉวยโอกาสตอนที่เป่ยกงจั๋วถูกคนของเผ่าวิญญาณร้ายขวางอยู่ตอนนี้ไปหาเสี่ยวไป๋ที่ตำหนักเป่ยหานก่อน แต่จะว่าไป ข้าก็ต้องขอบใจคนของเผ่าวิญญาณร้ายมากเลยทีเดียว ที่เปิดโอกาสนี้ให้กับข้า” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
หอฉงโหลวกล่าว “ตำแหน่งแดนเหนือ ตำหนักเป่ย ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
.
.