ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1431 ผู้ที่น่าอิจฉาริษยา
มู่เฉียนซีผลักประตูน้ำแข็งบานนี้ออก
ทว่า มันกลับเปิดไม่ออก
นางโคจรพลังวิญญาณเพื่อที่จะเปิดมัน จู่ ๆ ประตูบานนี้กลับฝ่าฝืนคำต้องห้าม
พลังอันน่าสะพรึงกลัวพัดกระโชกพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี ชิงอิ่งสีหน้าพลันเปลี่ยนไปด้วยความตกใจและรีบพรวดออกไป
คนผู้นั้นก็พรวดออกไปอย่างไม่คิดเสียดายชีวิตเช่นกัน เขาหัวเราะขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ! ตายไปพร้อม ๆ กับข้าเสียเถอะ! ตรงนี้มีพลังต้องห้ามที่ฝ่าบาททำเอาไว้ นอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเปิดได้ ผู้ใดเปิด คนผู้นั้นจะต้องตาย!”
พรวด!
ร่างของเขาถูกพลังนั้นฉีกกระชากจนแตกสลายเป็นชิ้น ๆ เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาอย่างน่าสังเวช
ความตายก็เป็นการหลุดพ้นเช่นกัน และยังดีกว่าการทรมานอย่างตายทั้งเป็นด้วยพิษอีกด้วย
ส่วนชิงอิ่งนั้นช้าไปก้าวหนึ่ง แต่ก็ยังมีสุ่ยจิงอิ๋งคอยช่วยอยู่
การโจมตีที่อันตรายถึงแก่ชีวิตนี้ถูกลำแสงสีฟ้าอ่อนของสุ่ยจิงอิ๋งต้านทานเอาไว้ได้ มู่เฉียนซีรีบถอยหลังออกห่างจากประตูนั้น
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น และวังใต้ดินก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หลังจากที่การสั่นสะเทือนอันน่าสะพรึงกลัวนี้สงบลง มู่เฉียนซีก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นทันใด
“นึกไม่ถึงเลยว่าเป่ยกงจั๋วจะระมัดระวังถึงเพียงนี้!”
หากไม่ใช่เพราะว่านางมีผู้พิทักษ์นิรันดร์อยู่แล้วละก็ นางไม่อาจรู้ได้เลยว่าตนเองจะต้องตายเช่นไร
“พลังนี้ต้องเป็นพลังของเป่ยกงจั๋วแน่นอน และเสี่ยวไป๋ก็ต้องอยู่ในนี้เป็นแน่”
กว่าจะมาถึงที่นี่ได้มันไม่ง่ายเลย ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน
นางชักกระบี่มังกรเพลิงออกมาเพื่อจะลองดูอีกครั้ง!
ร่างของชิงอิ่งพุ่งออกไปขวางหน้ามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว เขากล่าว “เฉียน ข้าเอง ให้ข้าลอง ข้าไม่บาดเจ็บแน่นอน”
“พลังในการป้องกันของเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่พลังต้องห้ามนี้ของเป่ยกงจั๋วก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ข้าไม่กล้ารับประกันว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ข้าจะลองเอง”
ชิงอิ่งยังคงขวางหน้ามู่เฉียนซีอยู่เฉกเช่นเดิม ไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด!
“เช่นนั้นเฉียนก็จะลองไม่ได้เหมือนกัน!”
ไม่รู้ว่าคนของเผ่าวิญญาณร้ายจะขวางเป่ยกงจั๋วเอาไว้ได้นานเพียงใด อีกอย่างมีความเป็นไปได้สูงมากว่าสองกลุ่มนั้นจะร่วมมือกัน นางจึงไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง งั้นเรามาร่วมมือกัน หากพลังเกิดย้อนกลับ ข้าจะเป็นคนขวางให้เจ้าเอง”
ชิงอิ่งเอามือวางบนไหล่มู่เฉียนซี เขากล่าวเสียงต่ำว่า “เฉียนลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นหุ่นเชิด!”
เขาเป็นหุ่นเชิดผู้ที่คอยปกป้องนาง หากเกิดอันตรายใดขึ้น ก็ควรจะเป็นเขาที่ต้องรับแทนนาง ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมให้นางเสี่ยงอันตรายเพื่อเขาเป็นอันขาด
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ใช่! ข้าลืมไปแล้ว และต่อให้เจ้าเตือนข้า ข้าก็จำไม่ได้อยู่ดี! รีบลงมือเถอะ! นี่คือคำสั่ง!”
มู่เฉียนซีถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไปในกระบี่มังกรเพลิง ดวงตาของชิงอิ่งเคร่งเครียดขึ้น จากนั้นเขาก็รวบรวมพลังทั้งหมดของเขาเช่นกัน
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งไปที่ประตูสีขาวราวหิมะบานนั้น
ลำแสงสีเขียวกับเปลวไฟอันสุกสกาวนั้นพัลวันเข้าด้วยกัน
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดขึ้น และทันใดนั้นพลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าก็สะท้อนกลับมา พร้อมกับพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีและชิงอิ่งทันที
“ชิงอิ่ง!”
มู่เฉียนซีจะพุ่งตัวไปขวางหน้าชิงอิ่ง แต่ชิงอิ่งกลับขวางหน้านางปกป้องนางเอาไว้เสียก่อน!
ตูม!
ร่างของทั้งสองล้มลงไปกองกับพื้นและรอจนกว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้จะสงบลง
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“เฉียน ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น!” ชิงอิ่งพยุงตัวมู่เฉียนซีขึ้นมา
ดู ๆ แล้วนอกจากเสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยเล็กน้อยแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก!
“งั้นมาลองอีกครั้ง!”
ในตอนนี้เอง น้ำเสียงเคร่งขรึมเสียงหนึ่งดังขึ้น “ลองอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ! นึกไม่ถึงเลยความรู้สึกที่ซีมีต่อหานจะลึกซึ้งถึงเพียงนี้! อันที่จริงแล้วเจ้ามีความสามารถที่จะหนีไปไกล ๆ ได้ แต่กลับเอาตัวเองมาติดกับดักซะอย่างนั้น”
ขวับ ๆ ๆ! ในตอนนี้เองเป่ยกงจั๋วกลับมาแล้ว
มู่เฉียนซีมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรอดพ้นมาจากคนของเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นได้ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!”
เมื่อมู่เฉียนซีพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของเป่ยกงจั๋วก็แย่ลงมาก
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขามีแต่ไปคิดบัญชีจัดการคนอื่น ไม่นึกเลยว่าจะถูกหญิงสาวผู้หนึ่งเล่นงานเขาด้วยวิธีเช่นนี้ได้
เขายิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวว่า “พวกมดปลวกเหล่านั้นมันไม่ใช่ผู้ที่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าด้วยซ้ำ ขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว”
“ผิดหวังมากจริง ๆ!”
“ประตูบานนั้นมีเพียงแค่ข้าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปิดได้ หากเจ้ารับปากยอมเป็นว่าที่ภรรยาข้า และมอบหม้อเทพนิรันดร์ให้กับข้า ทุกอย่างก็จะคุยกันง่ายขึ้น!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ออกมาจัดการ!”
ฟึ่บ ๆ ๆ! เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปราวกับสายฝน
อู๋ตี้กับเสี่ยวหงเปิดทาง ชิงอิ่งพามู่เฉียนซีออกจากวงล้อมและออกไปจากวังใต้ดิน
ทว่า ด้านนอกตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งรออยู่นับไม่ถ้วน กลางอากาศถูกยอดฝีมือขวางทางเอาไว้แล้ว ไม่สามารถเข้าใกล้หอฉงโหลวบนเมฆาได้เลย
เป่ยกงจั๋วพุ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว บริเวณรอบ ๆ ในตอนนี้มีแต่คนของเขาทั้งสิ้น
เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ในเมื่อวันนี้เจ้าย่างกรายมาถึงที่นี่แล้ว ข้าจะไม่มีทางยอมให้เจ้าหนีไปได้เหมือนครั้งก่อนแน่นอน มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ แต่ก็เข้าไปใกล้ไม่ได้ เจ้าก็ไร้ทางหนีอยู่ดี”
กลางอากาศก็ถูกขวางไว้แล้ว บนพื้นดินก็ถูกห้อมล้อมเอาไว้
การห้อมล้อมโจมตีอันสมบูรณ์แบบนี้ ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะไม่มีโอกาสหนีได้เลย
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อองค์รัชทายาทเป่ยกงไม่ยอมให้ข้าไป เช่นนั้นข้าก็คงทำได้แค่สู้แล้ว!”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นน่าทึ่งมาก นางพุ่งไปที่เป่ยกงจั๋ว และนี่จึงเรียกว่าเป็นการจัดการผู้เป็นหัวหน้าศึกเสียก่อนอย่างแท้จริง
เป่ยกงจั๋วยิ้มพลางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ อยากเอาชนะข้าอย่างนั้นเหรอ ความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ของเจ้ามันยังไม่พอหรอกนะ!”
หน้าตาเหมือนกับกู้ไป๋อี ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่นัยน์ตากลับเยือกเย็นยิ่งนัก
หญิงสาวที่ไม่รู้จักปฏิบัติตัวผู้นี้ จะต้องถูกสั่งสอนให้เห็นดีสักหน่อยแล้ว
มีดเล่มหนึ่งพุ่งไปที่มู่เฉียนซี พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้บรรยากาศบริเวณโดยรอบพลันหนาวเหน็บ
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
พลังของทั้งสองฝ่ายนั้นห่างชั้นกันมาก มู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงแค่ป้องกันเท่านั้น
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ฉ่า ๆ ๆ! ภายในชั่วพริบตาเดียวโล่วิญญาณน้ำแข็งก็ได้แตกกระจายลง ร่างของมู่เฉียนซีกระเด็นลอยออกไป
นางรู้สึกราวกับมีของคาวอยู่ในลำคอ และเลือดสีแดงสดก็ไหลออกจากมุมปากของนาง
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เป่ยกงจั๋วก็กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจว่า “ซีเอ๋อร์ เหตุใดถึงต้องยอมเจ็บตัวเช่นนี้ด้วยนะ! เพียงแค่เจ้าตอบตกลงยอมเป็นสนมขององค์รัชทายาทอย่างข้า ต่อไปไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือปรารถนาสิ่งใดเจ้าก็จะได้ เหตุใดต้องดื้อรั้นตั้งตนเป็นศัตรูกับข้าด้วย!”
“ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้าจริง ๆ นะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความรังเกียจว่า “เป่ยกงจั๋ว เจ้าอย่าได้ทำตัวน่ารังเกียจไปมากกว่านี้เลย”
“บัวแดงพิฆาต!”
ทันทีที่กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งไป พลังธาตุอัคคีอันมหาศาลก็ระเบิดออกมาทันที และบัวอัคคีดอกหนึ่งก็พุ่งไปที่เป่ยกงจั๋ว
โฮ่ก!
เสียงคำรามของมังกรดังลั่นขึ้นได้ยินไปทั่วทั้งเมืองเป่ยหาน
มังกรเพลิงเองก็รู้ว่ามู่เฉียนซีตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก ดังนั้นครั้งนี้จึงต้องพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถ!
มังกรทะยานหมุนรอบบัวอัคคี และเมื่อเป่ยกงจั๋วรับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งนั้นก็ตกตะลึงขึ้น
“นี่มันพลังของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี่ แข็งแกร่งมากจริง ๆ มิน่าล่ะว่าเหตุใดมู่หลินหลางถึงปรารถนาอยากได้มันไปครอบครองนักหนา” เขามองไปที่ดวงตาที่สุกสกาวคู่นั้นของมู่เฉียนซีและพึมพำเสียงเบา
ทว่า ต่อไปนี้ของเหล่านี้จะต้องเป็นของของเขาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ศักดิสิทธิ์นิรันดร์หรือจะเป็นหม้อเทพนิรันดร์ จำต้องบอกเลยว่านี่เป็นความโชคดีขององค์หญิงน้อยแห่งตระกูลมู่ผู้นี้มาก ช่างทำให้คนอิจฉาริษยาเหลือเกิน นึกไม่ถึงเลยว่านางจะครอบครองมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ถึงสองชิ้น คนเช่นนี้ หากไม่เก็บเอาไว้ใช้งานก็ต้องฆ่าปิดปากเสียให้สิ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง!
.