ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1434 ความโกรธของท่านจื่อโยว
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่มีวิธีเหรอ?” เยวี่ยเจ๋อมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นเต้น
ส่วนคนอื่น ๆ ก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยสายตาลุกวาว พวกเขาช่างเข้าใจนางมากเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! ข้ามีวิธี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุ้มกันที่นี่เอาไว้ก่อน แต่หากต้านไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องถอยกลับไปที่เซี่ยโจว”
นี่คือทางเลือกที่แย่ที่สุดแล้ว และนางก็ไม่คิดว่าจะไปถึงขั้นนั้น
“มู่อี เสี่ยวชี!”
การจัดวางอาวุธลับและการป้องกันการโจมตีได้เริ่มขึ้นจัดเตรียมขึ้นแล้ว
อีกทางด้านหนึ่ง เป่ยกงจั๋วได้รับรายงานว่า “องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ คนของเราที่ส่งไปที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่เหล่านั้นล้วนล้มตายกันหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ จากการตรวจสอบดูแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเป็นฝีมือของมู่เฉียนซีพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฐานที่มั่นของหอหมอปีศาจ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะอยู่ที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ในแดนตะวันออก ฝ่าบาท เราจะทำเช่นไรกันต่อดีพ่ะย่ะค่ะ?”
เป่ยกงจั๋วกล่าว “รวบรวมกองกำลังทั้งหมดแล้วบุกไปโจมตีทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ ต่อให้มู่เฉียนซีไม่ได้อยู่ที่นั่น ข้าก็จะทำลายทุกอย่างของนาง และนี่ก็คือจุดจบของนาง โทษฐานที่นางไม่เชื่อฟังข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“จับตาดูพวกมันเอาไว้ให้ดี แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็อย่าให้หนีออกไปได้เด็ดขาด”
ส่วนมู่เฉียนซีในตอนนี้ก็กำลังเตรียมการสู้รบอยู่เหมือนกัน
อาวุธลับต่าง ๆ กำลังอยู่ในการหล่อหลอม!
เหล่าบรรดานักปรุงยาก็กำลังหลอมยาลูกกลอนและยาพิษอยู่!
ต่อมาก็คือการฝึกสัตว์ เป็นการเพิ่มกำลังในการต่อสู้ที่ใช้เวลาน้อยที่สุดแล้ว
ศัตรูประชิดเมือง สถานการณ์อยู่ในช่วงคับขันมาก!
เดิมทีตำหนักเป่ยหานก็เป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ตอนนี้ตำหนักเป่ยหานได้ยึดครองตำหนักตงจี๋แล้ว กองกำลังจึงยิ่งใหญ่และยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก!
อีกทั้งยังมีกองกำลังจากเบื้องบนที่เป่ยกงจั๋วพามาอีก สถานการณ์ตอนนี้จึงรับมือได้ยากมาก
บัดนี้ ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ จะมีผู้ใดที่ขวางเป่ยกงจั๋วได้อีกเล่า
โม่จิ่นมารายงานความคืบหน้าว่า “นายท่าน องค์รัชทยาทเป่ยกงนำกองกำลังทหารมาแล้ว กองกำลังทหารที่ยกทัพมามีมากมายเหลือเกิน”
เย่เฉินกล่าว “หลังจากตะวันตกดินเวลาสิบก้านธูป คาดว่าคงมาถึงที่นี่! เซียวเหยาได้นำกำลังคนไปโจมตีแล้ว”
มู่เฉียนซีเหลือบมองพวกเขาพลางกล่าวว่า “ก่อนศึกครั้งใหญ่จะเริ่มขึ้น ข้าต้องบอกพวกเจ้าก่อน! ว่าเป้าหมายของเป่ยกงจั๋วก็คือข้า หากรับมือไม่ไหว หอฉงโหลวบนเมฆาจะพาพวกเจ้าหนีไป”
พวกเขาแต่ละคนเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ “นี่เจ้าหมายความว่า จะให้พวกข้าทิ้งเจ้าแล้วหนีไปอย่างนั้นเหรอ!”
“ข้าจะไม่เป็นอะไร นี่คือคำสั่ง!”
สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียดขึ้น มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องทำหน้าเคร่งเครียดเช่นนั้นหรอก หากเจ้าหมอนั่นไม่หลอกข้า เราก็อาจจะเอาชนะได้ก็ได้”
“แต่หากเจ้าหมอนั่นหลอกข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะจับเผาผมให้หัวโล้นไปจริง ๆ เลย!”
หลังจากตะวันตกดินและเวลาผ่านไปสิบก้านธูป กองทัพของตำหนักเป่ยหานก็เข้ามาใกล้เมืองหมอแล้ว
เป่ยกงจั๋วเห็นชื่อเมืองสองคำ ‘เมืองหมอ’ ตระหง่านอยู่ไกล ๆ สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้น
“นึกไม่ถึงเลยว่าสถานที่กันดารนี้ยังมีเมืองเช่นนี้อยู่ด้วย!”
ตอนนี้ด้านนอกเมืองหมอได้มืดลงแล้ว
แต่ในเมืองแห่งนี้กลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาด
เป่ยกงจั๋วกล่าว “มู่เฉียนซี หากเจ้าอยู่ข้างในก็รีบออกมายอมจำนนซะ แล้วตกลงกันดี ๆ!”
“แต่หากมู่เฉียนซีไม่อยู่ที่นี่ คนของหอหมอปีศาจที่อยู่ในเมืองทุกคน ทางที่ดีพวกเจ้ารีบฆ่าตัวตายซะ พวกเจ้าถูก…”
เขายังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ บนท้องฟ้าก็เกิดความเคลื่อนไหวขึ้น!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาจำนวนมากปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
คมศรนับไม่ถ้วนพุ่งลงมา และคมศรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคมศรอาบยาพิษทั้งสิ้น
ร่างในชุดม่วงยืนอยู่บนกำแพงเมืองด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจ นางมองไปที่กองทัพใหญ่ชุดดำนั้นและตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ออกรบ!”
“อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
ร่างอันเพรียวบางที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งไปที่กองทัพของศัตรู
และร่างในชุดสีเขียวร่างหนึ่งก็พุ่งตามนางไปติด
อีกทางด้านหนึ่ง หญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงผู้หนึ่ง พลังความแข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าพุ่งออกไปที่ศัตรู
ยอดฝีมือระดับสูงสุดทางฝ่ายของพวกเขามีเพียงแค่สองคนเท่านั้น!
มีสองคนแล้วเช่นไร ส่วนคนอื่น ๆ ก็ได้จัดกระบวนทัพและเริ่มตอบโต้ทันที!
เป่ยกงจั๋วหลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซี เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เหตุใดซีเอ๋อร์ต้องดิ้นรนทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ด้วย! เจ้าคิดว่าอาศัยพวกมดปลวกเหล่านี้แล้วจะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นเหรอ?”
ทันทีที่กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งขึ้น มู่เฉียนซีก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฆ่าเจ้าได้แน่นอน เป่ยกงจั๋ว!”
“ฮ่า ๆ ๆ! ฆ่าข้า!” เป่ยกงจั๋วรู้สึกว่าคำพูดนี้ช่างน่าขันยิ่งนัก
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมา และเขาก็เรียกสัตว์พันธสัญญาของเขาออกมาแล้ว
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ขวางเจ้านั่นไว้!”
อู๋ตี้ถูกรงเล็บพลางกล่าว “ข้าอดทนกันเจ้าอสรพิษนี้มานานมากแล้ว อยากจะควักผนึกวิญญาณของมันออกมาลิ้มรสจริง ๆ!”
เสี่ยวหงใช้เปลวไฟสีแดงฉานห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ “เจ้าก็เห็นแก่กินอยู่ได้! ข้าว่าเผามันไปให้สิ้นซากก็สิ้นเรื่อง!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
สัตว์พันธสัญญาทั้งสามพัลวันกัน ต่อสู้กันอย่างรุนแรงราวกับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย
กำลังในการต่อสู้ระดับกลางของทั้งสองฝ่ายนั้นสูสีกันมาก แต่กำลังในการต่อสู้ระดับสูงนั้นยังห่างชั้นกันเหลือเกิน
แม้ว่าจะมีตัวช่วยนับไม่ถ้วน แต่ฝ่ายของหอหมอปีศาจก็ยังคงเสียเปรียบอยู่ดี!
เหลิ่งหนิงจือในฐานะที่เป็นกำลังหลักในการต่อสู้ ตอนนี้ก็เหนื่อยมากเช่นกัน
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
มู่เฉียนซีกับชิงอิ่งร่วมมือกันต่อสู้กับเป่ยกงจั๋ว ทั้งสองโจมตีอย่างดุเดือด แต่พลังของเป่ยกงจั๋วก็ไม่ได้อ่อนแอเลยจริง ๆ
ภายในชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ได้ต่อสู้ประมือกันไปมาหลายต่อหลายกระบวนท่าแล้ว
เป่ยกงจั๋วกล่าว “ซีเอ๋อร์ เจ้าพึ่งหุ่นเชิดตัวนี้ได้อีกไม่นานหรอก”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ต้องรีบจัดการเป่ยกงจั๋วให้ได้ ยิ่งเวลายืดยาวไปนานมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น!
“คนงาม ขอโทษด้วย ข้ามาช้าแล้ว!”
กลิ่นอายของยอดฝีมือระดับสูงสุดมากมายนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ พวกเขาเข้าร่วมการสู้รบ จึงช่วยลดความกดดันให้คนอื่นไปไม่น้อย
ร่างในชุดสีเขียวนั้นมีเสน่ห์มาก เป่ยกงจั๋วเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้นเล็กน้อย “ท่านจื่อโยว นี่ท่านมาสอดแทรกเรื่องของคนชั้นล่างนี้ตั้งแต่เมื่อใดแล้ว”
จื่อโยวยืนข้างกายมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “เจ้าเป็นใคร! ช่างบังอาจยิ่งนัก กล้ามารังแกคนงามเช่นนี้ วันนี้เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เป่ยกงจั๋วโกรธเกรี้ยวจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาเป็นถึงองค์รัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนซวนเทียน นึกไม่ถึงเลยว่าจื่อโยวจะไม่รู้จักเขาเช่นนี้
จื่อโยวกล่าว “เจ้าหมอนี่มอบให้เป็นหน้าที่ข้าจัดการเอง คนงามไปจัดการเรื่องอื่นเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “จื่อโยว ไม่ต้องให้ถึงตายล่ะ!”
จื่อโยวยิ้มพลางกล่าวว่า “เห็นแก่ที่คนงามกำชับไว้เป็นพิเศษ ข้าจะไม่ให้ถึงตายแน่นอน!”
เป่ยกงจั๋วได้ยินมู่เฉียนซีกับจื่อโยวกล่าววาจาเช่นนี้ต่อกันแล้ว เขาก็โกรธเกรี้ยวจนหน้าเขียวคล้ำขึ้น
“ท่านจื่อโยว ข้ายอมรับว่าหากอยู่ในดินแดนอื่นท่านแข็งแกร่งกว่าข้าแน่นอน! แต่อยู่ที่นี่ พลังของเราสองคนเท่ากัน ใครจะเป็นคนตาย อย่าเพิ่งมั่นใจไปก่อนเลย!”
“เจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากที่ใดกันนะ!” จื่อโยวกล่าวเย้ยหยัน
“ได้ยินมาว่าท่านจื่อโยวเป็นคนชื่นชอบในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มาโดยตลอด มีสตรีคู่หูนับไม่ถ้วน เหตุใดถึงต้องมาแย่งหญิงสาวผู้นี้คนเดียวกับข้าด้วย หากท่านไม่เข้ามาสอดแทรกเรื่องในวันนี้ วันหน้าข้าจะส่งสาวงามจากแดนซวนเทียนไปให้ท่านเลือกสักโขยงเป็นเช่นไร!”
ท่านจื่อโยวเป็นถึงมือขวาขององค์ชายจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิตแดนนรก พลังความแข็งแกร่งนั้นยากที่จะหยั่งรู้ได้ เขาเป็นคนที่ชอบสาวงาม มีนิสัยเจ้าชู้ประตูดินเกี้ยวพาราสีไปเรื่อย!
ท่านจื่อโยวลงมือช่วยมู่เฉียนซีเช่นนี้ ก็ต้องเป็นเพราะหลงใหลในความงามของนางเป็นแน่
และทันใดนั้นเอง พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็พัดกระโชกเข้ามา
จื่อโยวกล่าวเตือนเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ดูท่าเจ้าจะอยากตายแล้วจริง ๆ!”
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้นกลางสนามรบ
.