ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1444 ปล่อยใจไปตามอารมณ์
“ทักษะโยวหลัว!”
“บัวแดงพิฆาต!”
การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าพัดกระโชกไปที่พวกเขาราวกับลมพายุในฤดูใบไม้ร่วง
ตูม ตูม! พวกเขาจมลงไปในก้นทะเลทีละคน ๆ
“ห้ะ! ไม่เพียงแค่กำลังในการต่อสู้ทางด้านทักษะวิญญาณพลังธาตุวารีเท่านั้นที่วิปริต ทักษะวิญญาณอื่น ๆ ของสาวน้อยผู้นี้ก็น่ากลัวมากเช่นกัน”
“ถอย!” ผู้เฒ่าผู้นั้นรีบตะโกนขึ้น
วันนี้เจอผู้แข็งแกร่งของจริงเข้าแล้ว
มู่เฉียนซีกระโจนขึ้นกลางอากาศ ทันทีที่กระบี่มังกรเพลิงขยับ ภายในชั่วพริบตาเดียวคมกระบี่ก็ได้ทาบลงบนคอของเขาเสียแล้ว
“อย่าขยับ!”
“เจ้า นี่เจ้าจะทำอะไร?”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “กล้าท้าทายข้า กล้าแย่งของของข้า ของล้ำค่าของเจ้าก็คงจะมีไม่น้อยกระมัง! เอาออกมาให้หมด”
“เจ้า นี่เจ้าจะปล้นข้าอย่างนั้นเหรอ?”
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว เอาออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่หากไม่เอาออกมาแล้วละก็ รอดูหัวของเจ้าหลุดออกจากบ่าแล้วจมลงใต้ทะเลได้เลย!”
กระบี่มังกรพลิงขยับเล็กน้อย คมกระบี่กรีดเนื้อเขาจนปรากฏรอยเลือด
“ตกลง! ข้าให้ ข้าให้เดี๋ยวนี้!” ผู้เฒ่ารีบตอบตกลง
หลังจากที่รีดไถจนเขาสิ้นเนื้อประดาตัว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ซัวเฉียง เก็บของ!”
“ขอรับ!”
หลังจากปล้นเสร็จ มู่เฉียนซีและพวกก็เดินทางต่อ
ตลอดทางลั่วเหมี่ยวมองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าท่าทางที่เคารพเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าว “พี่สาวมู่เก่งกาจยิ่งนัก นอกจากท่านพ่อของข้าแล้ว พี่สาวมู่เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาเลย”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เจ้าเคยเห็นแค่ข้ากับท่านพ่อของเจ้าแค่สองคนอย่างนั้นเหรอที่ต่อสู้กับคนอื่น”
ลั่วเหมี่ยวกล่าวด้วยความรู้สึกขอโทษ “คงเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”
ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาถึงโรงเตี๊ยม มู่เฉียนซีเปิดห้องห้องหนึ่งในโรงเตี๊ยมให้ลั่วเหมี่ยวพัก
ถึงแม้ว่าลั่วเหมี่ยวจะไม่คุ้นชิน แต่นางก็เชื่อฟังมู่เฉียนซีทุกอย่างเป็นอย่างดี
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง จิ่วเยี่ยก็เข้าไปกอดมู่เฉียนซีทันที
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก “จิ่วเยี่ย ข้ามีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว เจ้าเลิกรังแกซีเอ๋อร์ได้แล้ว!”
“สุ่ยจิงอิ๋ง แล้วลั่วเหมี่ยวล่ะ?”
“ซีเอ๋อร์ระวังตัวด้วย นางต้องมีความลับบางอย่างอยู่แน่นอน แต่ซีเอ๋อร์อย่าได้เสี่ยงอันตรายเพราะเรื่องนี้เป็นอันขาด”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
“ตั้งใจหน่อย!” จิ่วเยี่ยกัดหูมู่เฉียนซีเบา ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าจิ่วเยี่ยไม่ได้สนใจในคำเตือนของสุ่ยจิงอิ๋งเลย เขาไม่เพียงแค่จะรังแกนางเท่านั้น แต่ยังรังแกนางอย่างโหดร้ายอีกด้วย
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นพลันลึกล้ำขึ้นราวกับก้นทะเลลึก สายตาคู่นั้นที่จ้องมองมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีคิดว่าคำสาปของจิ่วเยี่ยจะกำเริบขึ้นแล้ว
ทว่า แววตาที่อันตรายนั้นค่อย ๆ จางหายไป จิ่วเยี่ยยับยั้งเอาไว้ได้แล้ว
แต่ความอันตรายนั้นทำให้พวกเขาต้องให้ความสนใจ
ดังนั้นทั้งสองจึงปล่อยใจไปตามอารมณ์
เช้าวันต่อมา มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
ความบ้าคลั่งนั้นของจิ่วเยี่ย บ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าตอนที่คำสาปกำเริบเสียอีก!
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ สุ่ยจิงอิ๋งรวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ส่งเขากลับไป และนางก็เข้าสู่การหลับใหล
มู่เฉียนซีหมดเรี่ยวแรง นางจึงผล็อยหลับไปอีกครั้ง
เป็นผลให้ไม่มีใครดูแลลั่วเหมี่ยว แต่โชคดีที่ซัวเฉียงมาดูแลนางให้แทน
ของล้ำค่าที่มู่เฉียนซีปล้นมาได้ ของที่นางไม่ถูกใจนางมอบให้กับซัวเฉียงทั้งหมด ตอนนี้หากจะบอกว่าเขาเป็นเศรษฐีในเมืองแห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เขาจึงมาดูแลเด็กน้อยผู้นี้ด้วยความตั้งใจและเต็มใจมาก
ลั่วเหมี่ยวกล่าวถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านพี่ซัว! เหตุใดพี่สาวมู่ถึงได้หลับไปนานนักล่ะ ตอนนี้แล้วยังไม่ตื่นอีก หรือว่าพี่สาวมู่จะไม่สบายเจ้าคะ”
ซัวเฉียงเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง สถานการณ์เช่นนี้เกรงว่าจะเป็นเพราะ…
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก คนอย่างท่านมู่จะป่วยได้อย่างไรกันล่ะ เจ้ารออยู่ที่นี่ เชื่อฟัง เข้าใจหรือไม่”
ลั่วเหมี่ยวเชื่อฟังมาก ไม่ร้องไห้ ไม่ก่อเรื่องวุ่นวายแต่อย่างใด พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
พอถึงยามรัตติกาล ร่างของผู้แข็งแกร่งหลายร่างก็มาที่นี่
“ท่านหัวหน้าเกาะ พวกเราสืบมาแล้ว คนที่พาคุณหนูน้อยมาผู้นั้นเข้าไปในเมืองแล้วขอรับ!”
“ยังไม่รีบไปตามหาอีก! ต้องตามหาเหมี่ยวเอ๋อร์ให้เจอให้ได้!”
“ขอรับ!”
เมื่อมู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่มีพลังระดับสูงสุดหลายร่างกำลังเข้ามาใกล้โรงเตี๊ยมที่นางพัก
นางรีบลุกพรวดขึ้นมา ส่วนซัวเฉียงที่อยู่ด้านนอกมองดูคนเหล่านั้นอย่างระแวดระวังพลางกล่าวว่า “พวกท่านเป็นใคร?”
“คนชั้นต่ำเช่นเจ้ามีสิทธิ์อันใดมายืนขวางหน้าคุณหนูน้อยเช่นนี้” คนผู้นั้นกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“พวกเจ้า พวกเจ้าคือคนที่ท่านพ่อส่งมาตามหาข้าอย่างนั้นเหรอ ท่านพี่ซัวเป็นสหายของข้า พวกเจ้าจะกล่าววาจาเช่นนี้กับเขาไม่ได้!”
เด็กน้อยผู้อ่อนต่อโลกผู้นี้มายืนขวางหน้าปกป้องซัวเฉียง
เมื่อเห็นลั่วเหมี่ยว พวกเขาก็ไม่กล้าทำตัวแข็งกร้าวแล้ว!
“คุณหนูน้อย ท่านหัวหน้าเกาะกำลังมาแล้ว ต้องขอโทษด้วยขอรับที่ทำให้ตกใจ”
ไม่นานนักชายชุดขาวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าลั่วเหมี่ยว ชายผู้นี้ดูเหมือนจะมีอายุประมาณสามสิบกว่าปี
ใบหน้าคมมีมิติ รูปร่างหน้าตางดงาม เพียงแต่ว่าหน้าตาของเขากลับไม่เหมือนกับลั่วเหมี่ยวเลยสักนิด
เมื่อลั่วเหมี่ยวเห็นเขาก็รีบโผเข้าไปกอดด้วยความดีใจ “ท่านพ่อ!”
สาวน้อยผู้นี้ไม่เคยห่างจากครอบครัวมาก่อน อีกอย่างก็ไม่เคยประสบพบเจอเรื่องที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อนด้วย ตอนนี้เมื่อได้เจอพ่อตัวเอง น้ำตาก็เอ่อล้นและร้องไห้ออกมา
ลั่วอี้โจวเอามือลูบหัวลั่วเหมี่ยวอย่างอ่อนโยน พลางกล่าวว่า “พ่อมาช้า ทำให้เหมี่ยวเอ๋อร์ต้องลำบาก พ่อผิดเอง พ่อจะพาเจ้ากลับบ้าน ดีหรือไม่?”
น้ำเสียงอันอ่อนโยนของท่านพ่อทำให้ลั่วเหมี่ยวยิ้มได้ นางกล่าว “อืม! กลับบ้านกันเถอะ แต่ว่า พี่สาวมู่ยังไม่ตื่นเลย รอให้พี่สาวมู่ตื่น ให้ข้าได้บอกลาพี่สาวมู่เสียก่อนแล้วค่อยกลับได้หรือไม่ท่านพ่อ?”
“ตกลง! เอาตามที่เหมี่ยวเอ๋อร์ว่าก็แล้วกัน” ลั่วอี้โจวหรี่ตายิ้ม
ซัวเฉียงเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีพ่อแม่ที่รักเขาเช่นนี้ เมื่อเห็นลั่วเหมี่ยวมีท่านพ่อที่อ่อนโยนและรักนางมากเช่นนี้ เขาก็รู้สึกดีใจและมีความสุขกับเด็กน้อยผู้นี้จริง ๆ
เพียงแต่ว่า ท่านมู่ทุ่มยาลูกกลอนไปมากมายถึงเพียงนั้นเพื่อประมูลนางมา จะปล่อยให้นางจากไปง่าย ๆ เช่นนี้อย่างนั้นเหรอ
มู่เฉียนซีเปิดประตูเดินออกไป ลั่วเหมี่ยวเห็นมู่เฉียนซีเดินออกมานางก็รีบวิ่งไปที่มู่เฉียนซีทันที
“พี่สาวมู่ตื่นแล้ว”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองคนเหล่านี้พลางกล่าว “ท่านพ่อของเจ้ามารับเจ้าแล้วเหรอ?”
ลั่วเหมี่ยวพยักหน้าตอบรับ “เจ้าค่ะ!”
ลั่วอี้โจวมองหญิงสาวชุดม่วงรูปร่างหน้าตางดงามเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้อย่างพิจารณา ท่าทางดูนิ่งสงบ งดงาม อีกทั้งยังดูสูงศักดิ์อีกด้วย แม้แต่บุตรสาวของเขา เขาก็ไม่มีทางเลี้ยงดูออกมาให้เป็นเช่นนี้ได้แน่นอน
เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าแม่นางมู่ช่วยชีวิตเหมี่ยวเอ๋อร์ด้วยยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าถึงหนึ่งร้อยเม็ด เด็ก ๆ! เอายาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าสองร้อยเม็ดมอบให้แม่นางมู่เดี๋ยวนี้”
ซัวเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น พระเจ้าช่วย! ที่แท้ท่านพ่อของเด็กน้อยผู้นี้ก็เป็นเศรษฐีมีเงินเหมือนกัน
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “ไม่ต้อง เจ้าก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าหากข้าทุ่มยาลูกกลอนไปมากมายตามใจชอบเช่นนั้นได้ นั่นหมายความว่าข้าไม่ได้ขาดแคลนสิ่งเหล่านั้น”
“แล้วเจ้าขาดแคลนสิ่งใด ขอเพียงแค่ข้ามี ข้าจะทำให้แม่นางมู่ได้สมปรารถนาแน่นอน”
มู่เฉียนซีเอานิ้วจิ้มแก้มของลั่วเหมี่ยวอย่างหยอกล้อพลางกล่าวว่า “เสี่ยวเหมี่ยวอย่างไรล่ะ! ร่างของนางมีความพิเศษ ข้าสนใจเป็นอย่างมาก! ข้าประมูลนางมาอยู่ข้างกายข้าก็เพื่อจะศึกษานางสักหน่อย”
ลั่วเหมี่ยวกระพริบตาปริบ ๆ นางไม่เข้าใจในสิ่งที่มู่เฉียนซีกล่าว แต่ความรู้สึกและสัญชาตญาณของนางไม่ผิดแน่นอน พี่สาวมู่ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อนาง
“สาวน้อย เจ้าบังอาจยิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านหัวหน้าเกาะของพวกข้าเป็นใคร นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าคิดทำอะไรกับคุณหนูน้อย!” ลูกน้องของลั่วอี้โจวโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว
ลั่วเหมี่ยวกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ พี่สาวมู่ต้องการให้ข้าอยู่กับพี่สาวมู่ ท่านพ่อให้ข้าอยู่กับพี่สาวมู่ได้หรือไม่ ข้าอยู่ที่เกาะคนเดียวน่าเบื่อจะแย่”
“ท่านพ่อวางใจ ข้าไม่มีทางสร้างปัญหาเป็นอันขาด”
.