ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1451 เจอสองพี่น้องตระกูลลั่วอีกครั้ง
“นายท่าน นี่ท่านไม่รู้หรอกเหรอ?” เสี่ยวฮุยกล่าวถามด้วยความแปลกใจ
“ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ที่เจ้าพูดมาก็ถูก หากทำลายวิญญาณไปก็เป็นการเสียของเปล่า ๆ!”
แม้หัวหน้าเกาะลั่วจะไม่ได้บอกวิธีการอันใดกับพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าวิญญาณเหล่านี้จะเกิดมาเพื่อให้ผู้ฝึกตนได้กลืนกินเพื่อฝึกบำเพ็ญ
มู่เฉียนซีไม่รอช้าโคจรพลังจิตขึ้นทันใด และเริ่มกลืนกินวิญญาณของพวกเขา จากนั้นก็เปลี่ยนมาให้เป็นพลังจิตของนางเอง
เพียงแต่ว่า พลังของวิญญาณเหล่านี้ช่างอ่อนแอยิ่งนัก กลืนกินพลังจิตของพวกเขาไปก็เปรียบได้ดั่งหยดน้ำหยดเล็ก ๆ ที่หยดลงในมหาสมุทร มีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากเก็บเล็กผสมน้อยบางทีก็อาจจะทะลวงพลังได้ก็ไม่แน่ ทว่า ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเก็บสมุนไพรวิญญาณ เก็บสมุนไพรวิญญาณก่อน!
เสี่ยวฮุยรู้สึกว่านายท่านผู้นี้แปลกประหลาดมาก มนุษย์คนอื่น ๆ ต่างเร่งรีบกลืนกินวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง แต่นางกลับให้ความสนใจกับต้นไม้ใบหญ้าเหล่านี้มากกว่า
สมุนไพรในที่แห่งนี้มู่เฉียนซีชื่นชอบมากจริง ๆ ดังนั้นนางจึงเก็บสมุนไพรเหล่านี้เอาไปไว้ที่เกาะทะเลสาบวิญญาณที่อาถิงให้นางใช้จนเต็มเกาะ
ครั้งหน้าขอให้อาถิงมอบที่ดินเพิ่มให้อีกสักหน่อยคงจะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนั่นจะยอมแบ่งให้บ้างหรือไม่?
มู่เฉียนซีพาลั่วเหมี่ยวไปเก็บสมุนไพรอยู่ในนี้เป็นเวลาครึ่งปี แต่เวลาด้านนอกผันผ่านไปเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงยังพอมีเวลาอยู่
หากพบกับเหล่าวิญญาณที่เกะกะขวางตาเหล่านั้นอีก มู่เฉียนซีก็จัดการเฉกเช่นเดิม ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นมาก
แม้ว่าจะยังหาของล้ำค่าที่เปลี่ยนแปลงร่างกายของลั่วเหมี่ยวไม่เจอ แต่ลั่วเหมี่ยวก็ได้รู้จักสมุนไพรจากมู่เฉียนซีไปไม่น้อยเลย อีกทั้งนางยังสนใจในสมุนไพรเหล่านี้อีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เสี่ยวเหมี่ยว เจ้าอยากเป็นนักปรุงยาหรือไม่?”
“เป็นเหมือนพี่สาวมู่ ที่สามารถรักษาอาการป่วยของคนอื่นได้อย่างนั้นเหรอ?” ลั่วเหมี่ยวกล่าวถามอย่างไร้เดียงสา
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้นนะ นักปรุงยายังสามารถทำเรื่องอื่นได้อีกหลายเรื่องเลยล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าว
“ข้าอยากเป็น ๆ!” ดวงตาสีฟ้าอ่อนดุจดั่งวารีนั้นเปล่งประกายขณะมองไปที่มู่เฉียนซี
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องตั้งใจเรียนขั้นพื้นฐานจากข้าไปก่อน!”
ลั่วเหมี่ยวมีพรสวรรค์เกี่ยวกับสมุนไพรมาก อีกทั้งยังมีใจรักอีกด้วย ดังนั้นหลังจากนางรักษาร่างกายและปรับสมดุลได้แล้ว นางก็จะสามารถฝึกบำเพ็ญได้ และยังเป็นนักปรุงยาได้อีกด้วย
เก็บสมุนไพร จัดการเหล่าวิญญาณที่เข้ามาเกะกะขวางตา เวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างจืดชืด แต่ลั่วเหมี่ยวกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย อีกทั้งยังรู้สึกพึงพอใจมากอีกด้วย
ณ สถานที่อันเงียบสงบแห่งนี้ จู่ ๆ ลมเย็นก็พัดกระโชกมา
“นายท่าน แย่แล้ว มีวิญญาณเกาะกลุ่มกัน เป็นปัญหาแล้ว พวกนั้นมีจำนวนเยอะมาก เราจะทำเช่นไรดีขอรับ?” เสี่ยวฮุยมารายงานให้มู่เฉียนซีทราบ
เรื่องที่มู่เฉียนซีกำเริบเสิบสานในที่แห่งนี้ ดวงวิญญาณอื่นต่างรับรู้แล้ว
วิญญาณที่แข็งแกร่งและหอมหวานถึงเพียงนี้ ทำได้เพียงแค่มองแต่ไม่อาจกินได้ ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเขาโกรธเกรี้ยวมากเพียงใด
ดังนั้น วิญญาณเหล่านี้จึงรวมกลุ่มกันเพื่อจะมาฆ่านาง เตรียมรุมพวกนางทั้งสองให้พ่ายแพ้ย่อยยับไป!
ทว่า มู่เฉียนซีกลับนิ่งสงบ นางกล่าวเพียงว่า “เสี่ยวเหมี่ยว เจ้าอุ้มมันเอาไว้นะ!”
“ช่างน่ารักยิ่งนัก!” ลั่วเหมี่ยวมองแมวตัวขนาดเท่าฝ่ามือตัวนั้น ดวงตาของมันเปล่งประกายวาววับเป็นอย่างยิ่ง
“ช่างน่ารักเกินไปแล้ว แถมยังสวยมากอีกด้วย!” อู๋ตี้เองก็ทึ่งเช่นกัน
หลังจากอู๋ตี้เข้าไปอยู่ในอ้อมอกของลั่วเหมี่ยวแล้ว ร่างในชุดสีม่วงก็เคลื่อนไหวพุ่งออกไป มู่เฉียนซีออกไปรับมือกับเหล่ากองทัพวิญญาณเหล่านั้น
“อันที่จริงแล้ว หากพวกเจ้าไม่มาหาเรื่องยั่วยุข้า ข้าก็ไม่อยากจะแตะต้องพวกเจ้าหรอกนะ แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับรนหาที่ตายถึงที่ หากข้าอยู่นิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย มันก็ไม่สนุกน่ะสิ”
“สามหาวนักนะ!”
“สาวน้อย เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
“ฆ่านางซะ!”
ตูม! พลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา นั่นคือการบดขยี้แน่นอน!
ต่อให้วิญญาณเหล่านี้มีจำนวนมากมายเท่าใดมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เพราะพวกเขากำลังเผชิญอยู่กับคนที่มีพลังจิตอันแข็งแกร่งอย่างวิปริต!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“รีบหนีเร็วเข้า!”
“หนีเร็วเข้า!”
“ข้าไม่อยากถูกกลืนกิน!” เหล่าวิญญาณต่างร้องโหยหวย
“ในเมื่อมาหาข้าถึงที่แล้ว ก็อย่าคิดเลยว่าจะหนีไปได้!”
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกมา และครอบคลุมที่แห่งนี้เอาไว้
มู่เฉียนซีพบว่าดวงวิญญาณเหล่านี้อ่อนแอนัก ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอ แต่การต่อสู้กับพวกเขาก็สามารถทำให้พลังจิตของนางเพิ่มขึ้นได้!
ไม่เลวเลย!
บริเวณโดยรอบถูกกักขังเอาไว้แล้ว วิญญาณเหล่านี้ไม่อาจหนีได้!
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงจัดการกับวิญญาณเหล่านี้ทีละดวง ๆ!
เสี่ยวฮุยเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่นางยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่!
เนื่องจากวิญญาณเหล่านี้มีจำนวนมาก มู่เฉียนซีจึงกลืนกินเข้าไปไม่น้อย จนพลังจิตของนางเพิ่มขึ้น
และสถานที่ที่มีสมุนไพรแห่งนี้ก็ถูกมู่เฉียนซีเก็บกวาดสมุนไพรไปจนเรียบแล้ว เช่นนี้แล้วเวลาที่เหลือจะทำสิ่งใดกันล่ะ?
เสี่ยวฮุยจึงเสนอขึ้นมาว่า “นายท่าน ชั้นแรกนี้ไม่มีวิญญาณใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของนายท่านได้ แต่ของที่นายท่านต้องการท่านก็ได้ไปแล้ว อันที่จริงนายท่านขึ้นไปชั้นสองเลยก็ยังได้”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้น “ที่นี่มีชั้นสองด้วยเหรอ!”
ที่หัวหน้าเกาะบอกว่าที่แห่งนี้มีของล้ำค่าที่สามารถช่วยลั่วเหมี่ยวได้นั้นคงไม่ได้โกหกแน่ ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องพยายามหาให้เจอให้ได้
เสี่ยวฮุยกล่าว “มีแน่นอน! ดินแดนแห่งความตายนี้มีทั้งหมดสี่ชั้น ยิ่งวิญญาณที่อยู่ชั้นสูงมากเท่าไรก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น เพียงแต่ว่าชั้นสี่กลับเป็นเขตหวงห้ามของวิญญาณ และไม่มีมนุษย์คนใดขึ้นไปมาก่อน!”
“ด้วยพลังความแข็งแกร่งของนายท่านแล้ว การขึ้นชั้นสองไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ขึ้นชั้นสามและพาเด็กน้อยไปด้วยมันอาจจะยุ่งยากสักหน่อย ตอนที่ขึ้นไปต้องระวังให้มากนะขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วไปชั้นสองทางไหน เจ้านำทางเถอะ!”
เสี่ยวฮุยกล่าว “นายท่านตามข้ามาเถอะ!”
ได้ยินมาว่าวิญญาณในชั้นสองนั้นโหดร้ายป่าเถื่อนมาก เป็นวิญญาณที่สามารถกลืนกินพวกเดียวกันได้ เสี่ยวฮุยเป็นวิญญาณที่ขี้ขาดตาขาวจึงไม่กล้าย่างกรายขึ้นไป
อย่างไรเสียเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ข้าขึ้นไปกับเสี่ยวเหมี่ยวเอง!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีขึ้นไป เสี่ยวฮุยก็อาศัยความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซี ทำให้วิญญาณที่เหลืออยู่ในชั้นหนึ่งเหล่านั้นยอมรับเสี่ยวฮุยเป็นพี่ใหญ่
ในขณะที่มู่เฉียนซีจูงมือลั่วเหมี่ยวขึ้นไปชั้นสองนั้น น้ำเสียงเย้ยหยันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “พาเด็กไร้ประโยชน์มาด้วย นึกไม่ถึงเลยว่ากว่าจะหาทางเข้าชั้นสองได้ถึงกับต้องใช้เวลาเป็นแรมเดือน เจ้ามันไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว!”
น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก เป็นน้ำเสียงของลั่วซิน!
ลั่วชิงผู้เป็นพี่ชายของนางก็อยู่ด้วย มู่เฉียนซีกวาดสายตามองพวกเขาและกล่าวว่า “พวกเจ้ากินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำรึอย่างไร ถึงได้มารอข้าอยู่ที่นี่น่ะ?”
ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ ลั่วชิงก็แผ่ซ่านพลังจิตอันแข็งแกร่งออกมา เห็นได้ชัดว่าเขากลืนกินวิญญาณไปไม่น้อยแล้ว พลังจิตแข็งแกร่งขึ้นมาก และเขาก็มีความมั่นใจในตัวเองมาก
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มมุมปากขึ้น “ความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านี้ยังคิดจะโจมตีข้าอีก!”
ทันใดนั้นเอง ลั่วชิงก็รู้สึกว่าพลังจิตของเขาถูกฉีกกระชากออก เขาจึงรีบถอยกลับไปทันใด!
“เป็นไปได้ยังไง เจ้าไม่รู้ว่าวิธีการฝึกบำเพ็ญของเกาะเมฆาของพวกเราเป็นอย่างไร แต่เหตุใดเจ้าถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่ที่ท่านพ่อของเจ้าบอกว่าข้าเป็นนักปรุงยาเจ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
“ท่านพี่ มัวแต่พูดไร้สาระกับนางอยู่ทำไม ลงมือเลยสิ!”
กล่าวจบ พวกเขาทั้งสองก็พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีทันที
ผ่านการฝึกบำเพ็ญมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย
ทว่า ความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ มันยังไม่พอ!
กระบี่มังกรเพลิงตัดผ่านอากาศ มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”
“บัวแดงพิฆาต!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เพิ่มพลังได้ภายในเวลาอันสั้น แต่เพิ่มพลังรวดเร็วเกินไป ในด้านประสบการณ์ในการต่อสู้พวกเขายังห่างชั้นกับมู่เฉียนซีอีกมาก
ลั่วซินมีความคิดจะลงมือกับลั่วเหมี่ยวอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสร้อยคอที่ลั่วเหมี่ยวสวมอยู่ ใบหน้าของนางก็เผยความอิจฉาริษยาอย่างบ้าคลั่งออกมา และไม่ได้เคลื่อนไหวอันใด
ปัง ปัง ปัง! สองพี่น้องลั่วชิงกับลั่วซินร่วมมือกันต่อสู้รับมือกับมู่เฉียนซีหลายสิบกระบวนท่า!
.