ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1453 ความทรงจำอันเลือนราง
“บัวแดงพิฆาต!” มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
บัวอัคคีสีแดงฉานดอกนั้นปรากฏบานสะพรั่งขึ้นเหนือหัวของนาง รูม่านตาของลั่วซินขยายใหญ่ขึ้นด้วยความตกใจ
นางพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะหนี แต่ความเร็วของนางมิอาจเร็วสู้บัวอัคคีดอกนั้นได้!
ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ลั่วซินถูกเปลวไฟนี้ห่อหุ้มไปทั้งตัว
อ๊า!
“ซินเอ๋อร์!” ภายใต้การทำลายล้างด้วยเปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงนี้ แผดเผาเสียจนลั่วซินไร้ซึ่งกระดูกให้กลบฝัง
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงจัดการสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว
สุดท้าย ก็เหลือแค่ลั่วชิงเพียงคนเดียวเท่านั้นแล้ว
เนื่องจากลั่วซินได้ตายไปแล้ว เจตนาในการต่อสู้ของลั่วชิงจึงอ่อนแอลง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ข้า ข้ายังไม่อยากตาย!”
ลั่วชิงเห็นสีหน้าที่เย็นชาเช่นนั้นของมู่เฉียนซี เขาจึงหันไปขอร้องอ้อนวอนลั่วเหมี่ยวแทน
“เหมี่ยวเอ๋อร์ ข้าเป็นพี่ของเจ้า เจ้า…เจ้ารีบบอกหญิงสาวปีศาจนั่นเร็วเข้าว่าอย่าฆ่าข้า ต่อไปนี้ ข้าสัญญาว่าข้าจะดีกับเจ้า”
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “พี่ลั่วชิง วันนี้หากไม่ใช่เพราะว่าพี่สาวมู่เก่งกาจว่าเจ้า กลับกัน หากว่าเป็นข้าที่ขอร้องอ้อนวอนเจ้า เจ้าจะยอมปล่อยนางหรือไม่ล่ะ”
ลั่วชิงรู้สึกสิ้นหวังแล้ว และในขณะที่กระบี่ของมู่เฉียนซีกำลังกวัดแกว่งนั้น ร่างในชุดดำหลายร่างก็เคลื่อนไหวเข้ามา
และเมื่อลั่วชิงเห็นหน้าของคนผู้นั้น เขาก็ตะโกนขึ้นว่า “พี่สาม ช่วยข้าด้วย! หญิงสาวผู้นี้จะฆ่าข้า”
คนเหล่านั้นชะงักฝีเท้าลง และมองไปที่ลั่วชิง “เจ้าคือลั่วชิงเหรอ!”
“ใช่ ๆ ๆ! พี่ใหญ่ ข้าเอง!”
คนเหล่านั้นมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “สาวน้อยผู้นี้รูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยนะ! พวกเราฝึกฝนอยู่ในนี้มาก็นานแล้ว ควรจะหาอะไรอร่อย ๆ กินสักหน่อยแล้วล่ะ!”
“ช่างน่าเย้ายวนใจยิ่งนัก!”
“กระบี่ของนางดูท่าแล้วไม่เลวเลย!”
และมู่เฉียนซีในตอนนี้ได้กอดลั่วเหมี่ยวเอาไว้แน่น
พี่สาม! หมายความว่าหัวหน้าเกาะลั่วไม่ได้มีแค่ลั่วชิงเป็นบุตรชายแค่คนเดียว!
คนเหล่านี้ล้วนแต่มีกลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกอึดอัดมาก มันเป็นกลิ่นอายของคนของเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านั้น
นางเคยต่อสู้ประมือกับคนของเผ่าวิญญาณร้ายมาแล้วในตอนที่อยู่ในดินแดนโอสถและตอนที่อยู่ที่เผ่าโบราณ นางคุ้นเคยกับกลิ่นอายของพวกเขาเป็นอย่างดี
ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนเยอะมาก มู่เฉียนซีไม่คิดจะดันทุรังต่อสู้กับพวกเขา
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไป ในขณะเดียวกันนางก็โยนยาลูกกลอนสีดำออกไปหลายเม็ดเช่นกัน!
“นี่มันคืออาวุธลับอย่างนั้นเหรอ ของเล่นเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้นี่นะที่จะเอามารับมือกับพวกข้า” ลั่วไห่กล่าวเย้ยหยัน
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อยาลูกกลอนเหล่านั้นระเบิดออก สิ่งที่ตามมาก็คือหมอกควันอันหนาแน่น!
ค่อก ค่อก ค่อก!
หมอกควันสีดำนี้มีพิษร้ายแรงนัก เมื่อพวกเขาออกมาจากควันสีดำเหล่านี้ได้ มู่เฉียนซีก็ได้อันตรธานหายไปแล้ว
“บัดซบ! นังหญิงผู้นั่นหนีไปแล้ว!”
ลั่วชิงกล่าวด้วยความไม่วางใจว่า “พี่สาม ต้องฆ่ามู่เฉียนซีให้ได้นะ!”
ลั่วไห่กล่าว “ตามไป!”
“สวะไร้ประโยชน์อย่างเจ้าก็ตามไปด้วย เร็วเข้า!”
ถึงแม้ว่าพิษเหล่านั้นจะสามารถถ่วงเวลาพวกเขาได้ แต่ก็ถ่วงเวลาได้ไม่นานนัก มู่เฉียนซีพาลั่วเหมี่ยวหนีไปอย่างรวดเร็ว
คนของเกาะเมฆาเจอกับคนของเผ่าวิญญาณร้าย ทำให้มู่เฉียนซีเกิดความคิดคาดเดาขึ้น
นั่นก็คือเกาะเมฆาก็คือฐานที่มั่นของเผ่าวิญญาณร้ายนั่นเอง
เกาะเมฆาซ่อนตัวเร้นกายได้อย่างลึกลับเช่นนี้ มิน่าล่ะว่าเหตุใดถึงไม่มีผู้ใดค้นพบถึงการมีอยู่ของเผ่าวิญญาณร้ายเลย
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเผ่าวิญญาณร้ายแล้ว อันที่จริงการที่พวกเขาจะควบคุมดินแดนสี่ทิศนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่พวกเขากลับมาซ่อนตัวเร้นกายอยู่ในเกาะลึกลับแห่งนี้ ไม่รู้ว่าพวกเขามีเป้าหมายใดกันแน่
มู่เฉียนซีหนีอย่างสุดกำลังความสามารถ แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถตามมู่เฉียนซีทันได้
ทว่า หลังจากที่มู่เฉียนซีสลัดหนีพ้นจากพวกเขาได้แล้ว จากนั้นนางจะไปที่ใดต่อเล่า
ไปต่อชั้นสี่เหรอ แต่นางไม่รู้ว่าประตูทางเข้าชั้นสี่นั้นอยู่ที่ใด ตอนที่ขึ้นไปชั้นสามได้ก็เป็นเพราะความบังเอิญเท่านั้น
ลั่วเหมี่ยวกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “พี่สาวมู่ ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มาก เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดให้ข้าต้องไปตรงนั้น…”
“จริงเหรอ?”
“อืม!”
“เช่นนั้นเส้นทางต่อจากนี้ ข้าจะให้เจ้าเป็นคนนำทาง เป็นเช่นไร?” มู่เฉียนซีกล่าว
“แต่ว่า ข้ากลัวว่าจะพาพี่สาวไปไปในที่ที่อันตราย”
ความรู้สึกขมุกขมัวนี้ทำให้เด็กน้อยรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเลยแม้แต่น้อย!
“วางใจเถอะ! ต่อให้อันตรายมากเพียงใด ข้าก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เจ้านำทางเถอะ! ไม่แน่บางทีหากทำตามสัญชาตญาณของเจ้า เราอาจจะได้เจอกับของล้ำค่าที่มันสามารถช่วยเจ้าได้ก็ได้นะ”
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “ขอบคุณพี่สาวมู่มาก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก อันที่จริงข้าเองก็อยากจะศึกษาร่างกายของเจ้าให้มันชัดเจนด้วยเหมือนกัน”
ยิ่งเดินไป ลั่วเหมี่ยวก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจและเด็ดขาดมากขึ้นเท่านั้น
“ตรงนี้!” ลั่วเหมี่ยวชี้นิ้วไปข้างหน้า
ด้านหน้าเป็นที่ที่ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดอยู่เลย แต่เมื่อมู่เฉียนซีเดินเข้าไป กลับถูกปราการขวางเอาไว้
ลั่วเหมี่ยวตกใจขึ้น “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
“ข้าจำได้ ข้าจำได้ว่า…” นางกล่าวอย่างตะกุกตะกัก ไม่รู้ว่าจะกล่าวอันใดต่อ
ความทรงจำบางอย่างของนางผุดขึ้นมา และหายไปจนทำให้นางรู้สึกสับสน!
“ในที่สุดก็เจอตัวจนได้” น้ำเสียงชั่วร้ายเสียงหนึ่งดังขึ้น
ขวับ ขวับ ขวับ! ร่างในชุดดำหลายร่างปรากฏตัวขึ้น และห้อมล้อมนางเอาไว้
ลั่วชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมขึ้นว่า “มู่เฉียนซี เช่นนี้แล้วเจ้าจะหนีไปที่ใดได้อีก?”
มู่เฉียนซีไม่ได้ชายตามองเขาแม้แต่น้อย แต่นางกลับกวาดสายตามองไปที่คนชุดดำเหล่านั้น ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ข้าเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอกับคนของเผ่าวิญญาณร้ายที่นี่ได้! พวกเจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกาะเมฆากับเผ่าวิญญาณร้ายมีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน”
ลั่วชิงพึมพำขึ้นว่า “เผ่าวิญญาณร้าย มู่เฉียนซี ความตายมาเยือนตรงหน้าเจ้าเช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะกล่าววาจาเหลวไหลอันใดอีก”
ลั่วไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงรู้จักเผ่าวิญญาณร้าย?”
ลั่วชิงได้ยินเช่นนี้ก็งงเป็นไก่ตาแตก “นี่พี่ใหญ่เป็นอะไรไป แล้วอะไรคือเผ่าวิญญาณร้ายกัน?”
ลั่วไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หญิงสาวผู้นี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้! ต้องกำจัดทิ้งซะตั้งแต่ตอนนี้!”
หญิงสาวที่รู้ความลับอันสุดยอดของเกาะเมฆาของพวกเขาผู้นี้ จำเป็นต้องตาย!
“เจ้าสวะไร้ประโยชน์ เจ้าฆ่าสาวน้อยนั่นซะ นางเองก็ไม่อาจปล่อยไปได้เหมือนกัน!”
“แต่ว่านางเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านพ่อนะพี่ใหญ่!” ลั่วชิงกล่าว
“ข้าบอกให้ลงมือเดี๋ยวนี้!”
ตูม!
ทั้งสองฝ่ายได้เปิดศึกสู้รบกันแล้ว และพลังของคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ระดับเดียวกันกับลั่งชิง
ความแข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงสุด อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา จึงรับมือได้ยากมาก
มู่เฉียนซีถูกคนชุดดำทั้งเจ็ดคนห้อมล้อม ต่อให้นางมีความเร็วมากเพียงใดก็ต้องเหนื่อยมากอยู่ดี!
ส่วนลั่วชิงตอนนี้พุ่งไปที่ลั่วเหมี่ยวแล้ว และอู๋ตี้กำลังพัลวันกับเขาอยู่
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีถูกคนผู้ที่น่ากลัวเหล่านั้นห้อมล้อมโจมตี ลั่วเหมี่ยวก็เป็นห่วงนางมาก
ส่วนเสี่ยวหง แม้ว่าจะช่วยแบ่งเบากำลังในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีได้ แต่ก็ยังไม่พออยู่ดี สถานการณ์ในตอนนี้เป็นปัญหาต่อมู่เฉียนซีมาก
พลังวิญญาณของเผ่าวิญญาณร้ายนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก รับมือได้ยากมากจริง ๆ!
“บัวแดงพิฆาต!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทันทีที่บัวอัคคีโจมตีลงไป ก็ถูกพวกเขาสกัดกั้นเอาไว้ได้!
ลั่วไห่กล่าว “เจ้าก็มีความสามารถเหมือนกันนะ เพียงแต่ว่า มันยังไม่พอ!”
ตูม ปัง ปัง!
ดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นของลั่วเหมี่ยวเปล่งประกายขึ้น หากเปิดปราการนี้ได้ พี่สาวมู่ก็จะปลอดภัยแล้ว!
ครั้นแล้วนางจึงยื่นมือออกไป นิ้วสัมผัสลงบนผิวปราการนั้น!
นางที่ไร้ซึ่งพลังวิญญาณ ออกแรงเคาะมากเท่าไรก็ไม่สามรถเปิดปราการนี้ได้
ปัง ปัง ปัง!
แม้ว่ามือจะแดงบวม แต่ลั่วเหมี่ยวก็ยังพยายามอย่างไม่ลดละ
นางร้อนใจจนดวงตาแดงก่ำ นางมองไปที่มู่เฉียนซีที่กำลังต่อสู้อยู่!
พลันนั้นมีดโค้งสีดำสนิทเล่มหนึ่ง ก็แฉลบกรีดคอมู่เฉียนซีไป
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังถูกคมมีดนั้นกรีดจนเกิดรอยเลือดอยู่ดี
“พี่สาวมู่!” เมื่อเห็นเลือดของมู่เฉียนซี ดวงตาของลั่วเหมี่ยวก็ยิ่งแดงก่ำขึ้น
ต้องมีวิธีเปิดได้แน่ ต้องมีวิธีแน่ ๆ! เมื่อลั่วเหมี่ยวเห็นเลือดสีแดงสดนั้นแล้ว จู่ ๆ ความทรงจำบางอย่างของนางก็ผุดขึ้น ใช่ เลือด! ต้องใช้เลือด!
.