ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1454 ตัวตนของลั่วเหมี่ยว
ลั่วเหมี่ยวกัดนิ้วตัวเองจนเลือดออก และเอานิ้วมือไปสัมผัสบนผิวปราการนั้น
ไม่นานนักปราการที่ขวางทางนั้นก็ได้อันตรธานหายไปต่อหน้านางทันที
ลั่วเหมี่ยวตะโกนขึ้นว่า “พี่สาวมู่ ข้าเปิดได้แล้ว! เรารีบไปกันเถอะ!”
และในขณะที่ลั่วเหมี่ยวเปิดปราการนั้น มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ถึงพลังอันคุ้นเคยมากพลังหนึ่ง นั่นก็คือพลังแห่งมิติของสุ่ยจิงอิ๋งนั่นเอง
เมื่อได้ยินเสียงของลั่วเหมี่ยว มู่เฉียนซีก็กระโจนออกมาจากวงล้อมของลั่วไห่ และอุ้มลั่วเหมี่ยวขึ้น
“เสี่ยวเหมี่ยว เราไปกันเถอะ!”
ลั่วไห่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เรามาไม่เสียเที่ยวเลยจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะหาทางเข้าไปชั้นสี่ได้แล้ว ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
“รีบตามเข้าไปเร็วเข้า อย่าให้พวกมันหนีไปได้อีก”
ได้ยินมาว่าในชั้นสี่มีของล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น อีกทั้งยังมีพลังอันแข็งแกร่งมากพลังหนึ่งอีกด้วย และในที่สุดพวกเขาก็เจอจนได้
กลิ่นอายอันสดชื่นแผ่ซ่านออกมาแล้ว
ชั้นสี่ของดินแดนเทพทะเลเมฆา ไม่ได้โหดร้ายเหมือนอย่างที่จินตนาการเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสถานที่ที่สงบมากดุจดั่งแดนวารีอีกด้วย
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “พี่สาวมู่ ข้าคุ้นเคยกับที่นี่มาก! เหมือนกับว่าเมื่อก่อนข้าอยู่ที่นี่ แต่ว่า เหตุใดข้าถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ”
ดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นของลั่วเหมี่ยวหรี่ลงเล็กน้อย “พี่สาวมู่ ข้ารู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังเรียกข้าอยู่ เราจะไปหรือไม่!”
ลั่วเหมี่ยวยื่นมือไปจับชายแขนเสื้อมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ!”
น้ำเสียงอันดุร้ายของลั่วไห่ดังขึ้น “จะรีบไปไหนกันล่ะ! หรือว่าพวกเจ้าพบเจอของล้ำค่าแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ในตอนนี้เอง ดวงตาของลั่วไห่ก็จ้องมองไปที่ลั่วเหมี่ยวด้วยความกระหาย “ที่ตาเฒ่านั่นรักและเอ็นดูเจ้ามากถึงเพียงนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้าเป็นของล้ำค่าอย่างหนึ่งนี่เอง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเปิดปราการทางเข้าชั้นสี่ได้!”
“ไปชิงตัวลั่วเหมี่ยวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ส่วนหญิงสาวผู้นั้นก็ฆ่าทิ้งได้เลย!” ลั่วไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
และในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือนั้นเอง จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็พัดกระโชกเข้ามา ร่างในชุดดำดุจดั่งเทพมารร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“พวกสวะพวกนี้ ต้องกำจัดทิ้งซะ!” น้ำเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นมีดเล่มหนึ่งก็พุ่งโจมตีออกไป
มู่เฉียนซีรีบดึงลั่วเหมี่ยวหลบหลีก
อ๊า! ทว่า คนสองคนในหมู่พวกเขาได้ถูกคมมีดเล่มนั้นฟันเข้าบริเวณเอวแล้ว!
อ๊า! เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา และร่างของทั้งสองก็กระเด็นลอยออกไป
สีหน้าของลั่วเหมี่ยวซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการฆ่าสังหารอันนองเลือดเช่นนี้!
สีหน้าของลั่วไห่ก็แย่ลงมากเช่นกัน มิน่าล่ะว่าเหตุใดถึงได้บอกว่าชั้นสี่นั้นขึ้นมายากมาก ต่อให้ขึ้นมาได้ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เดิมทีคิดว่าเหล่าบรรดาผู้อาวุโสเพียงแค่ขู่ให้หวาดกลัวเท่านั้น แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะน่าหวาดกลัวกว่าคำพูดเหล่านั้นเสียอีก
ลั่วไห่กล่าว “รีบหนีเร็ว! เร็วเข้า!”
พวกเขาต้องการหนี แต่เจ้าบ้าเลือดผู้นี้กลับไล่ตามอย่างไม่ยอมเลิกรา!
ในกลุ่มของพวกเขา ลั่วชิงคือคนที่มีพลังอ่อนแอที่สุด ดังนั้นลั่วชิงจึงวิ่งหนีอยู่หลังสุด
เขาตะโกนขึ้นว่า “พี่สาม ช่วยด้วย!”
ทว่า เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าพี่สามของเขาไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยชีวิตเขาเท่านั้น กลับยังโจมตีเขาอีกด้วย!
พลังหนึ่งโจมตีเข้ามากระแทกร่างของลั่วชิง จนร่างของเขากระเด็นไปโดนคมมีดของเจ้าบ้าเลือดผู้นั้น
อ๊า! เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ลั่วชิงกล่าว “เพราะเหตุใด…เพราะเหตุใด”
ลั่วไห่กล่าว “เจ้าก็เป็นเพียงแค่สวะไร้ประโยชน์คนหนึ่งก็เท่านั้น ตายเพื่อข้า ก็นับว่าเป็นเกียรติของชีวิตเจ้ามากแล้ว”
เนื่องจากลั่วชิงเป็นตัวถ่วงของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงจัดการและรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว!
สุดท้าย เจ้าบ้าเลือดผู้นี้ก็พุ่งไปที่มู่เฉียนซีและลั่วเหมี่ยว
ไม่นานนักเจ้าหมอนี่ก็ตามมู่เฉียนซีทัน สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น
“ของที่ใช้ฆ่าคนเช่นนี้แต่กลับอ่อนปวกเปียก แค่นี้มันยังไม่พอหรอกนะ!”
“อู๋ตี้ รีบพาลั่วเหมี่ยวหลบไปหน่อย!”
“เสี่ยวหง จัดการ!”
เจ้าหมอนี่ไม่เหมือนมนุษย์เลยสักนิด ให้วิ่งสู้เขาก็วิ่งสู้ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่สู้รบเท่านั้น!
“นายท่าน! ระวังตัวด้วย!”
ไม่นานนักอู๋ตี้ก็พาลั่วเหมี่ยวไป ส่วนมู่เฉียนซีก็พัลวันอยู่กับเจ้านี่
มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทักษะโยวหลัว!”
พลังการทำลายล้างโจมตีไปที่เจ้าหมอนี่ แต่เขาเพียงกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำลาย!”
พลังหนึ่งก็พุ่งออกมา และสกัดการโจมตีของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย
ตูม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น จากนั้นมีดคร่าชีวิตก็พุ่งเข้ามา
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ปัง! บนพื้นดินเกิดรอยแยกอันน่ากลัวขึ้นหลายรอยแยก
เพียงแค่การโจมตีด้วยมีดเพียงครั้งเดียวกระทบกับพื้นดิน ยังสามารถทำให้พื้นดินเกิดรอยแยกถึงเพียงนี้ได้ หากว่ากระทบกับร่างแล้วละก็ อาจคร่าชีวิตไปได้เลย
“เพลิงเผาสวรรค์!” เงาสีแดงเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงลงมือแล้ว
ส่วนมู่เฉียนซีก็กำลังถ่ายเทพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งเข้าไปในกระบี่ และตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “บัวแดงพิฆาต!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
แต่คนผู้นั้นก็ยังคงสกัดได้อย่างง่ายดาย
และไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย!
สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปมาก เนื่องจากการโจมตีของเจ้าบ้าเลือดผู้นี้กำลังพุ่งเข้ามา
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทุก ๆ การหลบหลีกล้วนแต่เป็นการหลบหลีกอย่างน่าหวาดเสียวทุกครั้ง แต่มู่เฉียนซีรู้ดีแล้วว่าการโจมตีของนางเข้าใกล้เจ้าบ้าเลือดผู้นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
เจ้าบ้าเลือดผู้นี้ตามไล่ฆ่ามู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง ต้องการให้มู่เฉียนซีกลายเป็นศพนองเลือด
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็ใช้ไพ่ตาย นั่นก็คือพลังจิต!
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะใช้พลังจิตทั้งหมดเพื่อใช้โจมตีเจ้าบ้าเลือดผู้นี้
ทันใดนั้นเอง เจ้าบ้าเลือดที่ตามไล่ฆ่านางอย่างบ้าคลั่งผู้นี้ก็ดูเหมือนว่าจะขยับตัวไม่ได้แล้ว
ได้ผลแล้ว!
จากนั้นมู่เฉียนซีก็โคจรพลังวิญญาณขึ้น และเริ่มโจมตีอีกครั้ง
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวหลัว!”
“บัวแดงพิฆาต!”
สามกระบวนท่าโจมตีออกไปอย่างรวดเร็วภายในรวดเดียว ทำให้พลังวิญญาณของมู่เฉียนเหือดหายไปทั้งหมด
“เพลิงเผาสวรรค์!”
ส่วนเสี่ยวหงก็ร่วมมือกับการโจมตีของมู่เฉียนซีเช่นกัน
ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ที่ที่เจ้าบ้าเลือดนั้นยืนอยู่ได้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้นภายในชั่วพริบตาด้วยน้ำมือของเสี่ยวหง!
ทว่า จากนั้นไม่นานนัก มู่เฉียนซีก็เห็นร่างชุดดำร่างหนึ่งพุ่งออกมากจากเปลวไฟนั้น
“ให้ตายเถอะ! เช่นนี้แล้วยังไม่ตายอีก!”
“นายท่าน รีบหนีไปเร็วเข้า ข้าจะขวางมันเอาไว้เอง!” เสี่ยวหงกล่าว
“ไม่เป็นไร!”
แม้ว่าสุ่ยจิงอิ๋งจะหลับใหลอยู่ แต่ก็ยังสามารถปกป้องเจ้านายได้ การโจมตีนี้ขวางได้แน่นอน
และในขณะที่การโจมตีนี้กำลังจะมาถึงตัวนาง จู่ ๆ น้ำเสียงเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในรอบบริเวณ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เจ้าบ้าที่ลงมือฆ่าคนอย่างบ้าระห่ำผู้นี้หยุดชะงักลงตรงหน้ามู่เฉียนซีโดยฉับพลันราวกับถูกกดปุ่มสั่งหยุด
มีดเล่มนั้นของเขาอยู่ห่างจากตัวมู่เฉียนซีไปเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น
มู่เฉียนซีรีบร่นตัวถอยหลังไปทันใด นางตกใจขึ้นเล็กน้อย เสียงเมื่อครู่คือเสียงผู้ใดกัน
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีดำผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ใบหน้านั้นหล่อเหลาและดูเย็นชามาก
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าคนผู้นี้สามารถควบคุมทุกอย่างในที่แห่งนี้ได้ เขามองมู่เฉียนซีอย่างพิจารณา แววตาคู่นั้นเผยความสับสนออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองเด็กน้อยที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนจะกล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยที่จากบ้านไปหลายปี ในที่สุดก็หวนกลับมาแล้ว ร่างกายไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่กำเนิด ยังไม่ทันได้เติบโตก็จากบ้านไปเสียแล้ว โชคดีที่แม่นางน้อยพานางกลับมา”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้าเป็นใคร เจ้ารู้จักเสี่ยวเหมี่ยวเหรอ?”
คนชุดดำยิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวเหมี่ยว นี่คือชื่อของเด็กน้อยผู้นี้เหรอ นางรู้ว่าต้องไปที่ใด เมื่อถึงตอนนั้นที่เจ้าเห็นข้า เจ้าก็จะได้รู้เอง”
“เหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ตอนนี้เจ้าทำได้เพียงแค่เชื่อข้าเท่านั้น มิเช่นนั้นนางก็จะต้องเป็นคนที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ตลอดไป นางอยู่กับข้ามานานหลายปี ข้าเองก็อยากให้นางได้เติบโตไปอย่างสมบูรณ์เช่นกัน!” คนชุดดำกล่าว
.