ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1460 อยากปกป้องนางมาก
ตราบใดที่เยี่ยเฉียไม่ได้เป็นคนลงมือเอง ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา
หลังจากที่จัดการกับดวงวิญญาณเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว มังกรเพลิงก็ดูสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งขึ้น
อย่างไรเสีย เมื่อครู่ก็ได้ให้อาถิงแสดงพลังอำนาจไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวของมังกรเพลิงบ้างแล้ว
มังกรเพลิงไม่ค่อยสุขใจนัก หากมีพิฆาตวิญญาณอยู่ มันก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ และนายท่านก็จะไม่ถูกเจ้าหมอนั่นรังแกเช่นนี้
ตูม ปัง ปัง!
ในชั้นหนึ่ง วิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรมู่เฉียนซีได้
และตอนนี้ลั่วเหมี่ยวก็เติบโตขึ้นแล้ว พลังถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้มู่เฉียนซีปกป้องอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งนางยังสามารถร่วมมือกับมู่เฉียนซีต่อสู้กับศัตรูได้อีกด้วย
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ในขณะที่มู่เฉียนซีกับลั่วเหมี่ยวกำลังจัดการวิญญาณเหล่านี้ จู่ ๆ นางก็รู้สึกได้ว่ามีร่างสีดำร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
สีหน้าของลั่วเหมี่ยวพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย มู่เฉียนซีอุทานเสียงต่ำขึ้นมาว่า “ปีศาจโลหิต!”
ปีศาจโลหิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่มีทาง”
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องตาย!” ปีศาจโลหิตข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
กล่าวจบ ปีศาจโลหิตก็กวัดแกว่งมีดเล่มใหญ่เล่มนั้นของเขาไปมา คมมีดพุ่งตัดผ่านอากาศมุ่งเป้าไปที่มู่เฉียนซี
“พี่สาวมู่!” ลั่วเหมี่ยวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
อย่างไรเสีย ปีศาจโลหิตก็ติดตามพวกนางที่ชั้นสี่อยู่เป็นเวลานาน ดังนั้นนางรู้ดีว่าปีศาจโลหิตเก่งกาจมากเพียงใด
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวเหมี่ยว เจ้าหนีไปก่อน!”
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งออกมา ชั่วพริบตาเดียวก็พุ่งไปที่ปีศาจโลหิต
ตูม! หากเป็นก่อนหน้านี้ กลอุบายของมู่เฉียนซีใช้กับพวกเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
จากนั้น มู่เฉียนซีก็โยนยาพิษออกมานับไม่ถ้วน ยาพิษอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับพวกเขา แต่สามารถถ่วงเวลาออกไปได้
“เราไปกันเถอะ!”
แต่ชั้นหนึ่งนี้ มู่เฉียนซีคุ้นเคยมากกว่าปีศาจโลหิตแน่นอน
ตอนนี้พวกนางไร้ทางต่อสู้ หากต่อสู้ก็เท่ากับต้องตาย!
ทว่า สามารถหลบหลีกได้ หลบจนถึงเวลา พวกเขาก็จะสามารถออกไปจากดินแดนเทพทะเลเมฆาได้
กลิ่นอายของปีศาจโลหิตทำให้เหล่าดวงวิญญาณจำนวนมากถูกทำลายไป เขาตามหามู่เฉียนซีที่ชั้นหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากเจ้านายของเขากำลังรีบเร่ง
ยังไม่ทันถึงเวลาออกไปจากดินแดนเทพทะเลเมฆา มู่เฉียนซีก็ถูกปีศาจโลหิตเจอตัวเข้าแล้ว
ครั้งนี้ ปีศาจโลหิตโจมตีมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง มันจะไม่ยอมให้นางหนีไปไหนได้อีกแล้ว
และในขณะที่มีดของปีศาจโลหิตหมายมาดจะพุ่งเข้ามาฟันคอมู่เฉียนซีนั้น ลำแสงสีเขียวลำแสงหนึ่งก็เปล่งประกายขึ้น สองมือคู่นั้นคว้ามีดของปีศาจโลหิตเอาไว้ได้
ชิงอิ่งที่รักษาตัวอยู่ในมิติมานานหลังจากศึกครั้งใหญ่ ตอนนี้เขาตื่นขึ้นมาแล้ว เขากล่าว “เฉียน ให้เป็นหน้าที่ข้าจัดการเอง!”
ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองสูสีกัน แต่ต่อมามู่เฉียนซีก็พบว่ามีบางผิดปกติ เนื่อง จากพลังของปีศาจโลหิตจู่ ๆ ก็พลันรุนแรงมากขึ้น
แม้ว่าชิงอิ่งจะยังรับมือไหว แต่ปีศาจโลหิตก็แข็งแกร่งและรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เช่นนี้แย่ต่อพวกนางมาก
มู่เฉียนซีพึมพำว่า “เยี่ยเฉียต้องควบคุมปีศาจโลหิตอยู่เป็นแน่ หากหาวิธีแก้ไขการควบคุมนี้ได้ ก็จะสามารถ…”
ปีศาจโลหิตโจมตีพวกนางอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ตอนนี้อันตรายเป็นอย่างมาก ดังนั้นนางจึงไม่มีเวลาคิดนานมากถึงเพียงนั้น
ตอนนี้มีชิงอิ่งคอยช่วยอยู่ เช่นนั้น…
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกมา และจับไปที่ร่างของปีศาจโลหิตนั้น ได้ผลจริง ๆ ด้วย!
พลังหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าควบคุมปีศาจโลหิตอยู่ สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งเก่งกาจยิ่งขึ้น!
ตัดขาด แยกออกจากกัน!
แม้จะไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร แต่มู่เฉียนซีก็ลองดู และมันก็สำเร็จแล้ว!
ดวงตาอันบ้าคลั่งของปีศาจโลหิตพลันสงบลง จากนั้นเขาก็ถูกชิงอิ่งชกไปหมัดหนึ่งอย่างรุนแรงจนร่างกระเด็นลอยออกไป!
ปัง!
ปีศาจโลหิตไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ และเยี่ยเฉียที่อยู่ในวังดอกบัวเงินครามตอนนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาจนแทบบ้าคลั่งแล้ว!
“บัดซบ! นึกไม่ถึงเลยว่านางจะจับได้แล้ว! ตัดขาดการเชื่อมต่อของข้าได้ สมกับที่เป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์จริง ๆ!”
เขาถูกผนึกไว้ในที่แห่งนี้ การที่เขาสามารถส่งปีศาจโลหิตไปถึงชั้นหนึ่งได้นั้น ก็นับว่าเกินขีดจำกัดของเขาแล้ว ทว่า…
เยี่ยเฉียกล่าว “ยังมีอีก คนในเผ่าเหล่านั้นที่เข้ามา ถึงเวลาที่ต้องใช้งานแล้ว”
มู่เฉียนซีตัวคนเดียว ไม่มีทางรับมือกับคนของเผ่าวิญญาณจำนวนมากได้แน่นอน
ปีศาจโลหิตมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ทำลายข้าซะ ให้ข้าได้ดับสูญไปเถอะ…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ปีศาจโลหิต จิตใต้สำนึกของเจ้ากลับมาแล้วเหรอ?”
“ข้าตายไปแล้ว คนบ้าผู้นั้นเป็นคนของเผ่าวิญญาณร้าย มีจิตใจทะเยอะทะยานอันแรงกล้าและน่ากลัวเกินไป เจ้า…เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก เจ้าต้องขวางเขาได้แน่นอน!”
“ทำลายข้า ให้ข้าได้ดับสูญไปเถอะ มิเช่นนั้น ข้าจะถูกควบคุมอีกครั้ง!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอโทษด้วย! ข้าจะทำให้เจ้าหลุดพ้นเอง!”
ฉึก! เข็มยาเข็มหนึ่งปักเข้าตรงขมับ ในที่สุดร่างของปีศาจโลหิตก็ค่อย ๆ อันตรธานดับสูญไปอย่างช้า ๆ
หลังจากแก้ไขสถานการณ์อันตรายนี้ได้แล้ว มู่เฉียนซีก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
และในตอนนี้ ลั่วเหมี่ยวก็กำลังจ้องมองชิงอิ่งด้วยสายตาที่เคลิบเคลิ้มเล็กน้อย!
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง ตอนนี้ชิงอิ่งสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าอยู่! ไม่ได้เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา เหตุใดลั่วเหมี่ยวถึงได้เผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ออกมาได้ล่ะ!
ลั่วเหมี่ยวมองไปที่ชิงอิ่ง “นายท่าน!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ลั่วเหมี่ยว เจ้ารู้จักชิงอิ่งด้วยเหรอ?”
ลั่วเหมี่ยวส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จักนายท่านผู้นี้ แต่ข้ารับรู้ได้ถึงพลังอำนาจกดขี่ข่มเหงที่ออกมาจากร่างกายของนายท่านที่ทำให้ข้าต้องยอมจำนน ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก! พืชวิญญาณอื่น ๆ อาจจะรับรู้ไม่ได้ แต่พืชวิญญาณที่กลายร่างเป็นมนุษย์กลับรู้สึกได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก”
หากไม่ใช่เพราะพี่สาวมู่อยู่ตรงนี้ นางคงจะคุกเข่าลงตรงหน้าชิงอิ่งไปแล้ว
ชิงอิ่งไม่ใช่หุ่นเชิดธรรมดาทั่วไป มู่เฉียนซีเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่มู่เฉียนซีแค่คิดไม่ถึงว่าลั่วเหมี่ยวจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้
มู่เฉียนซีมองไปที่ชิงอิ่ง ชิงอิ่งส่ายหน้ากับนาง แสดงออกให้เห็นว่าเขาไม่รู้เรื่องอันใดเลย!
บางทีรอให้เขาจำเรื่องราวทั้งหมดได้ อาจจะเกิดเรื่องที่เขาไม่อยากให้เกิดก็ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในอดีต
“ไม่ว่ายังไง ข้าก็จะอยู่ปกป้องเฉียน!” ชิงอิ่งกล่าวเสียงต่ำ
บริเวณรอบ ๆ มีกลิ่นอายจิตสังหารแผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง พลังอันชั่วร้ายนั้นแผ่ซ่านออกมาพร้อมกับคนจำนวนมากที่แห่กันเข้ามามา!
ขวับ ๆ ๆ!
พวกนางถูกห้อมล้อมเอาไว้แล้ว ดวงตาของพวกเขาลึกล้ำ พวกเขาจ้องมองมู่เฉียนซีและกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “เจอตัวแล้ว!”
ดินแดนเทพทะเลเมฆาเปิด คนธรรมดาทั่วไปก็ถูกส่งตัวเข้ามาฝึกฝน
แต่คนที่พวกเขาต้องการจะส่งเข้ามาจริง ๆ ก็คือคนที่ฝึกฝนพลังชั่วร้ายเหล่านี้มากกว่ากระมัง!
หากคนเหล่านี้แห่กันมาห้อมล้อมโจมตีในตอนที่ชิงอิ่งยังไม่ตื่นขึ้นมา สถานการณ์ก็คงจะวุ่นวายตาลปัตรมากกว่านี้แน่นอน!
ทว่า ตอนนี้ แห่กันมามากเท่าไร ชิงอิ่งก็ฆ่าไปมากเท่านั้น!
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฆ่าพวกมันซะ!”
ร่างสามร่างพุ่งออกไป มู่เฉียนซีปล่อยเสี่ยวหงและอู๋ตี้ออกมาแล้ว
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
คาดว่าเยี่ยเฉียคงจะมีวิธีควบคุมคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ถึงได้ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งราวกับตัวเองเป็นหุ่นเชิดก็มิปาน
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“บัวแดงพิฆาต!”
ฆ่าไปกลุ่มหนึ่งแล้ว คนอีกกลุ่มหนึ่งก็แห่กันเข้ามาอีก!
คนของเผ่าวิญญาณร้ายที่ถูกส่งตัวเข้ามาในที่นี้มีจำนวนมากมายนัก และบนเกาะเมฆา คาดว่าคงจะมีอีกมาก
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ คาดว่าคนในดินแดนสี่ทิศไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้!
มิน่าล่ะว่าเหตุใดเผ่าโบราณที่เป็นกองกำลังเทียบเท่ากับกองกำลังระดับสามถึงได้เกือบถูกทำลายล้าง!
เผ่าวิญญาณร้ายช่างน่ากลัวเกินไปแล้วจริง ๆ เยี่ยเฉียไม่เคยให้พวกเขาได้เปิดเผยตัวตนเลย ตกลงพวกเขามีแผนการใหญ่อันใดกันแน่
ปัง! ชิงอิ่งพุ่งเข้าไปในวงล้อมของพวกเขา จัดการกับคนเหล่านี้ พลังของชิงอิ่งนับว่าเป็นดาวมฤตยูของเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านี้เลยทีเดียว
.
.