ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1475 เสี่ยวไป๋อันตรธานหายไป
ตูม! บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งโจมตีไปที่เป่ยกงจั๋วโดยตรง
เป่ยกงจั๋วรีบป้องกัน ต่อมาร่างในชุดสีม่วงและชุดสีขาวสองร่างก็ได้ห้อมล้อมโจมตีรอบตัวเขา
ปัง ปัง ปัง!
แม้ว่าพลังของเป่ยกงจั๋วในตอนนี้จะเหนือกว่าขั้นมหาจักรพรรดิไปแล้ว แต่เพื่อไม่ให้กฎแห่งดินแดนสี่ทิศค้นพบ เขาจึงไม่อาจปล่อยพลังที่เหนือกว่านี้ออกมาได้
ตอนนี้ เมื่อถูกพวกเขาสองคนโจมตีมาพร้อมกัน ร่างของเป่ยกงจั๋วจึงกระเด็นลอยออกไป
เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “พวกเจ้าทั้งสองรนหาที่ตาย!”
มังกรสีเงินอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“มังกรอัสนีสะท้านสวรรค์!”
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็พุ่งออกไปเผชิญหน้ากับสายฟ้านั่น นางไม่เกรงกลัวต่อสายฟ้าอันน่าสะพรึงนี้แต่อย่างใด!
เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของมู่เฉียนซีแล้ว เป่ยกงจั๋วก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซี เจ้ามันรนหาที่ตายเองชัด ๆ เจ้าคิดว่าเจ้าจะขัดขวางมันได้อย่างนั้นเหรอ?”
การโจมตีนี้ เขาได้ถ่ายเทพลังธาตุทั้งหมดเข้าไป
อย่าว่าแต่มู่เฉียนซีที่มีพลังวิญญาณเพียงแค่ขั้นนี้เลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่เหนือกว่านางสองขั้นก็มีโอกาสที่ดวงจิตจะดับสลายลงได้
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีถูกห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้าสีเงิน เป่ยกงจั๋วจินตนาการเอาไว้แล้วว่านางจะต้องตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน
ต่อไป ก็ถึงเวลาจัดการกับกู้ไป๋อีแล้ว!
แต่ในขณะที่เขากำลังจะใช้พลังธาตุน้ำแข็งจัดการกับกู้ไป๋อีนั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ด้านหลังขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็สูญเสียการควบคุมพลังวิญญาณไป
เขาไม่สามารถใช้พลังวิญญาณโดยตรงได้!
จากนั้น เป่ยกงจั๋วจึงพบว่ามีคนมาอยู่ที่ด้านหลังของเขา เมื่อเขาหันหลังกลับไปก็เห็นมู่เฉียนซีที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“มู่เฉียนซี นี่เจ้ายังไม่ตายอีกรึ!” เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยความตกใจ
มู่เฉียนซีปักเข็มยาบนร่างของเป่ยกงจั๋วอีกหลายเข็ม ทำให้ตอนนี้เป่ยกงจั๋วไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงแค่ยืนมองดูมู่เฉียนซีปักเข็มยาพิษลงบนตัวเขาเท่านั้น
“ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรเล่า ว่าสายฟ้าเหล่านั้นของเจ้ามันอ่อนหัด เจ้าก็ไม่เชื่อ ยังดึงดันที่จะใช้มันโจมตีข้าอีก แล้วเจ้าจะโทษผู้ใดกันเล่า!”
ในตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณผู้เฒ่าอัสนีผู้ลึกลับนั่นแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าเขาบีบบังคับให้นางต้องฝึกฝนทักษะร่างจากอัสนีสวรรค์นั่นแล้วละก็ นางก็คงจะไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
เป่ยกงจั๋วมั่นใจในการโจมตีของตัวเองมาก ดังนั้นจึงถูกนางวางกับดักเล่นงานกลับ
หากไม่ใช่เพราะได้รับการฝึกฝนทักษะร่างพันอัสนี วันนี้พวกเขาต้องตายไปในเงื้อมมือของเป่ยกงจั๋วเป็นแน่
มู่เฉียนซียังคงใช้เข็มยาสะกิดเป่ยกงจั๋วไม่หยุด ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าต้องขอบใจเจ้าจริง ๆ นะ! หากไม่ใช่เพราะเจ้าสร้างค่ายกลอัสนีนั้นขึ้นมาจัดการกับข้าแล้วละก็ ข้าก็คงจะไม่ได้มีโอกาสดี ๆ เช่นนี้เป็นแน่”
พรวด! เป่ยกงจั๋วกระอักเลือดคำโตออกมา
ในตอนนี้ กระบี่ยาวสีเงินเล่มหนึ่งจี้ไปที่หน้าอกของเป่ยกงจั๋ว “ซีเอ๋อร์ ฆ่าเขาซะ! ปล่อยเอาไว้ก็มีแต่ปัญหาไม่รู้จบ!”
เป่ยกงจั๋วยิ้มพลางกล่าวว่า “นั่นนะสิ! รีบฆ่าข้าเร็วเข้าสิ! หากพวกเจ้าไม่ฆ่าข้า เกรงว่าอีกไม่นานเสด็จพ่อคงจะนำกำลังคนมาที่นี่ และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ข้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเสด็จพ่อ ต่อให้ต้องฝืนกฎของดินแดน ก็ต้องมีวิธี”
“ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะสามารถพลิกหมากกระดานนี้ได้อย่างแน่นอน ฉะนั้น รีบฆ่าข้าเสียสิ!”
มีคนต้องการฆ่าเขาเช่นนี้ แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะหาเหตุผลมากมายมาหว่านล้อมเพื่อที่จะให้ฆ่าเขาให้เร็วขึ้นอีก
เป่ยกงจั๋วเป็นคนที่ไม่คิดเสียดายชีวิตอย่างนั้นเหรอ!
ไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน เขาต้องมีแผนการอื่นเป็นแน่!
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้ากับเขาเกี่ยวข้องกัน จะฆ่าเขาไม่ได้เด็ดขาด!”
กู้ไป๋อีกลับดึงมู่เฉียนซีออกมา ดึงนางกลับมาข้างกาย เขามองมู่เฉียนซีด้วยสายตาอันไม่แยแสพลางกล่าวว่า “ตกลง! ซีเอ๋อร์!”
แต่เพิ่งจะดึงนางมาอยู่ข้างหลังได้ไม่ทันไร นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะใช้กระบี่แทงหัวใจของเป่ยกงจั๋วทันที
ฉึก!
วินาทีที่ถูกแทงหัวใจนั้น เป่ยกงจั๋วก็หัวเราะออกมา!
เขามองกู้ไป๋อี และยิ้มอย่างแปลกประหลาด!
“หาน! เจ้าทำได้ดีมาก!”
กู้ไป๋อีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ กระบี่เฉียนหานถูกดึงออกจากร่างของเป่ยกงจั๋ว ชั่วพริบตาเดียวนั้นมันก็มุ่งเป้าไปที่กลางหน้าผากเขา
“เจ้า…เจ้า…” เป่ยกงจั๋วมองหน้ากู้ไป๋อีอย่างไม่อยากเชื่อ!
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะฆ่าตัวตาย!
นี่มันเป็นการตัดสินใจเช่นไรกัน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นรวดเร็วมาก มู่เฉียนซีไม่มีเวลาได้ครุ่นคิดเลยสักนิด ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปคว้ากระบี่เฉียนหานเอาไว้
กู้ไป๋อีชะงักลง เนื่องจากหากเขาไม่หยุดการกระทำนี้ มีหวังมือของมู่เฉียนซีต้องถูกตัดขาดสะบั้นเป็นแน่
ต่อก ๆ! เลือดสีแดงสดของมู่เฉียนซีไหลหยดลงบนคอเสื้อของกู้ไป๋อี
“มันเจ็บ! ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ ซีเอ๋อร์!” กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“กู้ไป๋อี เยี่ยมยิ่งนักกู้ไป๋อี รู้จักจะหลอกข้าแล้ว เจ้า…เจ้ายังใช้กระบี่ที่ข้าหลอมให้เจ้ามาฆ่าตัวตายเช่นนี้อีก เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!”
“ซีเอ๋อร์ รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
“ไม่!”
จู่ ๆ กู้ไป๋อีก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ซีเอ๋อร์ ข้าขอร้องเจ้า ได้โปรด ฆ่าข้าเสียเถอะ มิเช่นนั้นมันจะไม่ทันการ”
อ้อมกอดของกู้ไป๋อีเย็นยะเยือกเหมือนตัวตนของเขาไม่มีผิด
เขาค่อย ๆ เอามือที่เปื้อนเลือดของมู่เฉียนซีออก เจ็บ…
เจ็บเกินไปแล้ว!
ต่อให้เป็นเขาเองที่ต้องมือขาด แขนขาด หัวขาด ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้!
กู้ไป๋อีเอากระบี่เฉียนหานมอบให้ในมือมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ฆ่าข้าซะ! เร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีรับกระบี่เล่มนั้นมา แต่นางจะลงมือจริง ๆ ได้อย่างไรเล่า!
ก็แค่คิดจะยึดกระบี่เล่มนี้เอาไว้เท่านั้น ว่าแล้วมู่เฉียนซีก็เก็บกระบี่เฉียนหานเอาไว้ในมิติ จากนั้นก็เอาเข็มยาเข็มหนึ่งออกมา!
ทันใดนั้น มือที่โอบกอดนางข้างนั้นก็เปลี่ยนไปจับมือที่ถือเข็มยาของนางเอาไว้แน่น ราวกับจะบดขยี้มือของนางให้แหลกสลายไปก็มิปาน
“เจ้า…” รูม่านตาของมู่เฉียนซีหดเล็ก
ตูม! ทันใดนั้นชิงอิ่งก็โจมตีเขาอย่างกะทันหัน แต่เขาก็หลบหลีกได้ทัน!
“มู่เฉียนซี เจ้าทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! เขาเตรียมพร้อมที่จะตายมาก่อนหน้านี้แล้ว เจ้าจะขวางเขาทำไมกัน หากเจ้าไม่ขวาง ข้าก็คงจะตายไปโดยสมบูรณ์แล้ว”
“เป่ยกงจั๋ว!” มู่เฉียนซีตะโกนเสียงดังลั่น
การตะโกนนี้เป็นการแสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยวอันสุดขีด เห็น ๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่คือเสี่ยวไป๋ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นเป่ยกงจั๋วผู้น่ารังเกียจผู้นี้ไปได้อย่างไรกัน
“เสี่ยวไป๋ล่ะ!”
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกไป กระบี่มังกรเพลิงสีแดงฉานระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา!
จิตสังหารที่เต็มไปด้วยความโกรธนี้ทำให้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ระเบิดพลังอันแท้จริงของมันออกมา แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วขณะ แต่มันก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีควบคุมสติตัวเองไม่ได้แล้ว เสี่ยวไป๋หายไปแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจพวกเขาทั้งสองยังอยู่ชิดใกล้กันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับอันตรธานหายไปแล้ว
ตูม!
ใช้ร่างกายของกู้ไป๋อี เป่ยกงจั๋วไม่สามารถขวางมู่เฉียนซีที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวนี้ได้
พรวด!
ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มและหยุดการเคลื่อนไหวลง!
“มู่เฉียนซี ถ้าเจ้าต้องการฆ่าข้าก็แทงเข้ามาตรงนี้เลยสิ! แต่นี่มันคือร่างของหานนะ!”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ในขณะที่กระบี่มังกรเพลิงกำลังจะแทงหัวใจของเขา มู่เฉียนซีก็หยุดชะงักลง
หากยังควบคุมสติไม่ได้เช่นนี้ต่อไป นางต้องเป็นคนทำร้ายเสี่ยวไป๋อย่างแน่นอน
“หานน่ะเหรอ! ตั้งแต่เกิดมา เขาก็เป็นแค่ร่างอีกร่างหนึ่งของข้าก็เท่านั้น มิเช่นนั้นเจ้าคิดเหรอว่าข้าจะเก็บคนที่หน้าตาเหมือนข้า แถมยังไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเช่นนี้ไว้อีก”
“เดิมที คิดว่าหลังจากที่หาหม้อเทพนิรันดร์เจอก่อน แล้วค่อยทำตามแผนการ แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้เสียก่อน!”
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องพวกนี้ เสี่ยวไป๋รู้เรื่องหรือไม่!”
“เขาไม่รู้หรอก แต่เสด็จแม่เคยบอกเอาไว้ว่า หากข้าตาย เขาก็ไม่อาจรอด! แม้จะรู้ว่าตัวเองต้องตาย แต่เขากลับเพิกเฉยต่อความตายได้!” เป่ยกงจั๋วยิ้มขี้เล่น ก่อนจะกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านพี่ผู้นี้ของข้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ถูกกำหนดให้เป็นคนเย็นชา ไม่แยแสสิ่งใดทั้งนั้น”