ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1507 ศิษย์ของสำนัก
ไม่มีภรรยาหัวหน้าโจร แต่กลับมีพี่ใหญ่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน!
พวกเขาตกใจนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
จนในที่สุดพวกเขาก็สังเกตเห็นหน้าตาที่ฟกช้ำดำเขียวอันน่าสังเวชนั้นของพี่ใหญ่ตนเอง รวมถึงสีหน้าท่าทางหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนาของเหล่าบรรดาพี่น้องของพวกเขาแล้ว
ใบหน้าของพี่ใหญ่ คงไม่ใช่ว่าโดนหญิงสาวชุดม่วงผู้นี้ชกต่อยเอาหรอกกระมัง!
พี่ใหญ่เก่งกาจปานนั้น จะโดนหญิงสาวคนเดียวชกต่อยได้อย่างไรกัน
พวกเขาไม่กล้าเอ่ยปากล้อเลียนแล้ว และไม่มีผู้ใดกล้าเปล่งเสียงกล่าวออกมาแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีกล่าว “ไปจัดเตรียมที่พักให้ข้า”
“ขอรับ! พี่ใหญ่เชิญทางนี้ขอรับ”
อย่างไรเสีย มู่เฉียนซีก็พักที่นี่แล้ว
ที่นี่นางยึดครองแล้ว คนในหุบเขาแห่งนี้ล้วนรู้ดีว่านางเก่งกาจมาก ดังนั้นจึงไม่กล้าล่วงเกินนาง ทำให้นางได้อยู่ที่ที่ดีและสบายกว่าอยู่ที่ตระกูลหวังมาก
ตระกูลหวังเองก็ส่งของกำนัลต่าง ๆ มากมายมาชดเชยให้ แม้แต่โจรยังไม่กล้าล่วงเกินแม่นางผู้นี้ แล้วพวกเขาจะกล้าล่วงเกินได้อย่างไรกันเล่า!
มู่เฉียนซีหยุดฝึกบำเพ็ญ “ในที่สุดก็ฟื้นฟูกลับมาถึงขึ้นจักรพรรดิแล้ว ความเร็วเช่นนี้ไม่นานเท่าไรก็คงจะถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตแล้ว”
นางคิดเอาไว้ว่าถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเมื่อไรแล้วค่อยว่ากัน โจรในหุบเขาตอนนี้ก็กลับตัวเป็นคนดีแล้ว เพราะถูกมู่เฉียนซีส่งให้ไปเก็บสมุนไพรวิญญาณ
สมุนไพรวิญญาณในหุบเขาแห่งนี้มีไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าโจรเหล่านี้ไม่รู้จักมันก็เท่านั้น มิเช่นนั้นนางก็ไม่มีทางชื่นชอบหุบเขานี้หรอก
หลังจากที่มาแดนซวนเทียน มู่เฉียนซีที่ยึดครองหุบเขาแห่งนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย
และในตอนนี้เองก็มีคนเข้ามารายงานว่า “พี่ใหญ่! แย่แล้ว แย่แล้ว! มีคนบุกโจมตีเข้ามาขอรับ”
มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย “ใคร?”
“เป็นคนวัยหนุ่มสาวพลังความแข็งแกร่งไม่ธรรมดากลุ่มหนึ่งขอรับ พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนั้นโผล่กันมาตั้งแต่เมื่อไร” พวกเขารีบรายงาน
“พี่ใหญ่จางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันเลย”
พี่ใหญ่จาง มีชื่อว่าจางฉง และเขาก็คือหัวหน้าโจรผู้นั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “นำทางไป ข้าจะไปดูสักหน่อย”
ไม่นานนัก นางก็เห็นชายชุดเขียววัยหนุ่มผู้หนึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับจางฉง
แม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะมีพลังความแข็งแกร่งเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า แต่เขาก็มีทักษะวิญญาณที่ไม่เลว อาวุธในการต่อสู้ใช้ได้ ทำให้ต่อสู้กับจางฉงได้อย่างสูสี
นอกจากอาวุธในการต่อสู้แล้ว รูปร่างหน้าตาของเจ้าหมอนี่ก็ดูเป็นคนร่ำรวยคนหนึ่ง สมุนไพรวิญญาณก็มีมากมาย!
ดังนั้น การต่อสู้ในครั้งนี้ ต่อให้มีจางฉงอีกสักสิบคนก็พ่ายแพ้อยู่ดี
ขณะเดียวกันพวกลูกน้องคนอื่น ๆ ของจางฉงก็ถูกคนอื่น ๆ จัดการแล้ว
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของพวกเขาก็คือคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับจางฉงที่มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าผู้นั้นแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ที่อ่อนแอที่สุดก็คือขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้า
พวกเขาสวมชุดเหมือนกัน ดูท่าทางแล้วมาจากสำนักเดียวกันแน่นอน
ในขณะที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น จางฉงก็กำลังจะพ่ายแพ้แล้ว
ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังคนหนึ่งกล่าวว่า “พี่ใหญ่! พวกเราจะลงมือเลยหรือไม่ขอรับ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “รอก่อน! แม้ว่าพลังของพวกนั้นจะไม่เลวเลย แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาฆ่า ไม่ตายหรอก”
มู่เฉียนซีมองไปด้วยท่าทางที่นิ่งสงบ เสียง ฉึก! ดังขึ้นเสียงหนึ่ง จางฉงถูกคมกระบี่เล่มหนึ่งแทงเข้าแล้ว
ตุบ! จางฉงล้มลงไปกับพื้น
“ศิษย์พี่หลิวช่างเก่งกาจยิ่งนัก!”
“ศิษย์พี่หลิวสมกับที่จะได้เป็นอัจฉริยะในสำนักในจริง ๆ ความแข็งแกร่งนี้ เหล่าบรรดาศิษย์สำนักนอกไม่มีทางเทียบได้แน่นอน”
“……”
เมื่อศิษย์พี่หลิวผู้นี้ชนะ ศิษย์น้องชายและศิษย์น้องหญิงทุกคนต่างห้อมล้อมเขาและกล่าวด้วยความชื่นชม
ศิษย์พี่หลิวผู้นั้นยิ้มอย่างถ่อมตัวพลางกล่าวว่า “ก็ธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง ไม่ได้เก่งกาจอะไรอย่างที่พวกเจ้าว่าสักหน่อย! เป็นเพราะโจรพวกนี้อ่อนแอมากกว่าต่างหากล่ะ”
จางฉงกล่าว “พวกเจ้าจะเอายังไงกันแน่ ข้าไปล่วงเกินหาเรื่องพวกเจ้าตั้งแต่ตอนไหนกัน?”
หญิงสาวผู้หนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่ได้ล่วงเกินหรือหาเรื่องอะไรพวกข้าหรอก แต่พวกเจ้าทำตัวเป็นอันธพาลไปทั่ว คนเขารู้กันทั่ว แต่เพียงแค่รางวัลน้อยเกินไป พวกข้าคร้านจะลงมือ”
“บังเอิญพวกเรามีภารกิจหนึ่งจะต้องทำแถว ๆ นี้ ก็เลยผ่านมาจัดการพวกเจ้าซะเลย เพื่อไม่ให้พวกเจ้าไปทำตัวอันธพาลรังแกคนอื่นอีก พวกเจ้ารีบฆ่าตัวเองตายเสียเถอะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ”
และในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“หากเจ้าจะบอกว่าเจ้ากำลังจะทำภารกิจปราบโจรให้สำเร็จ ข้าว่าพวกเจ้ามาสายไปแล้วล่ะ! พลันนั้นศิษย์สำนักเหล่านี้ก็เห็นหญิงสาวชุดสีม่วงผู้หนึ่งเดินออกมา
การแต่งกายของนางดูเรียบง่ายมาก แต่กลับไม่สามารถบดบังความสง่างามที่หาได้ยากนั้นของนางได้
ศิษย์พี่หลิวกล่าว “แม่นางเป็นใคร แล้วคำพูดเมื่อครู่หมายความเช่นไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าจัดการโจรพวกนี้ไปแล้ว ตอนนี้พวกเขากลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้ว แต่หากพวกเจ้าไม่เชื่อแล้วละก็ ไปถามคนในเมืองได้เลย”
ศิษย์พี่หลิวกล่าวด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยเหรอ?”
รางวัลสำหรับภารกิจนี้ต่ำมาก ดังนั้นจึงไม่ทันได้สืบข่าว พวกเขาจึงไม่ได้รับรายงานข่าวล่าสุด
จางฉงลุกขึ้นมาพลางกล่าวว่า “ใช่! พวกเราทุกคนล้วนแต่กลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้ว! พวกเจ้ายังจะมารังแกพวกข้าอีก! เป็นศิษย์สำนักก็ใช่ว่าจะรังแกชาวบ้านไปทั่วได้!”
ยากมากกว่าจะได้รับภารกิจมา หรือจะต้องยอมละทิ้งอย่างนั้นเหรอ
ศิษย์พี่หลิวกล่าว “ข้าไม่อาจฟังความข้างเดียวจากพวกเจ้าได้ ฉะนั้นพวกเราจำเป็นต้องจับตัวพวกเจ้าไปพิสูจน์ความจริงในเมือง”
“ใช่!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อข้า แถมยังคิดจะจับคนของข้าไปอีก เช่นนั้นก็คงจะต้องแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิธีอื่นแล้วล่ะ”
ศิษย์พี่หลิวกล่าวถามว่า “วิธีอันใด?”
“เจ้าทำให้คนของข้าพ่ายแพ้ เช่นนั้นข้าก็จะทำให้พวกเจ้าได้พ่ายแพ้ด้วย นอกจากยอมล้มเลิกแล้ว พวกเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
“ศิษย์พี่หลิวของพวกเราเป็นถึงอัจฉริยะสำนักนอกแห่งสำนักลั่วเยว่ แม้แต่โจรเหล่านั้นยังสู้ไม่ได้ แม่นางจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร”
“นั่นน่ะสิ! แม่นางอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย”
“……”
จางฉงได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น “พวกเจ้า…นี่พวกเจ้าเป็นคนของสำนักลั่วเยว่เหรอ”
ศิษย์น้องหญิงผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าผู้นั้นกล่าวว่า “หึ! รู้ว่าข้าเป็นคนของสำนักลั่วเยว่ พวกเจ้าก็ควรจะซื่อสัตย์สักหน่อยเถอะ! มิเช่นนั้นศิษย์พี่หลิวของพวกข้าจะไม่เกรงใจพวกเจ้าแล้วนะ”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สำนักลั่วเยว่เป็นสำนักอะไรกัน?”
คนสำนักลั่วเยว่เหล่านั้นรู้สึกไม่พอใจมาก “แม้แต่สำนักลั่วเยว่เจ้าก็ไม่รู้จัก ยังจะมากล้ายั่วยุศิษย์พี่หลิวของข้าอีก”
“แม่นาง ตกลงแล้วเจ้าโผล่มาจากหุบเขาใดกันแน่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่รู้จักสำนักลั่วเยว่ของพวกเรา”
“……”
จางฉงกล่าว “พี่ใหญ่! สำนักลั่วเยว่นี้นับว่าเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดในพื้นที่แห่งนี้แล้ว เนื่องจากพวกเขาเป็นกองกำลังระดับสาม”
สำนักกองกำลังระดับสาม หากอยู่ในดินแดนสี่ทิศนับว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งไม่เลว
แต่อยู่ในสถานที่เล็ก ๆ ในแดนซวนเทียนเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่อันธพาลกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อย พลางกล่าว “ก็แค่สำนักกองกำลังระดับสาม ตกลงจะหนีไป หรือจะลงมือ”
“นี่เจ้าพูดว่าแค่กองกำลังระดับสามอย่างนั้นเหรอ ช่างสามหาวยิ่งนัก! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนของกองกำลังระดับสี่อย่างนั้นเหรอ! คนของกองกำลังระดับสี่จะมาอยู่ในสถานที่กันดารเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
คำพูดนั้นของมู่เฉียนซีทำให้คนเหล่านี้โกรธเกรี้ยวมาก
กองกำลังระดับสามของแดนซวนเทียนน่าจะแข็งแกร่งกว่ากองกำลังระดับสี่ในดินแดนสี่ทิศมาก แต่สำหรับผู้นำตระกูลมู่ที่ควบคุมกองกำลังระดับระดับสามแล้ว นางรู้สึกว่าผู้ที่มีนิสัยคุกคามนั้นก็ต้องต่ำกว่าระดับสี่แน่นอน
ศิษย์พี่หลิวเดินออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า “หากแม่นางยังดึงดันเช่นนี้ ข้าก็คงต้องสั่งสอนเจ้าสักหน่อยแล้ว และหากทำให้เจ้าบาดเจ็บ ก็โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะสู้กับเจ้าแค่คนเดียว พวกเจ้าเข้ามาทั้งหมดนี่แหละ! มิเช่นนั้นจะหาว่าข้ารังแกพวกเจ้าเกินไป”
.
.