ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1514 วิปริตถึงเพียงนี้
ศิษย์พี่หลิวก้มหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดศิษย์น้องอย่าได้ถือสาเอาความเลย”
บนหอคอยสูง ผู้อาวุโสหูกล่าวว่า “สาวน้อยที่ข้าพามาฝีมือไม่เลวเลยใช่หรือไม่! ความแข็งแกร่งนี้ไม่อาจบรรยายได้เลย”
ชายชราหนวดเคราขาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามผู้หนึ่งกล่าว “ไม่เลวเลย การคัดเลือกสำนักในในครั้งนี้คงจะน่าตื่นตาตื่นใจมาก”
หลังจากที่มู่เฉียนซีอ่านตำราของหอตำราสำนักนอกจบแล้ว การทดสอบของสำนักในก็กำลังจะเริ่มขึ้น
มู่เฉียนซีเองก็เข้าร่วมการทดสอบเข้าสำนักในเช่นกัน มีเพียงแค่การเข้าสำนักในเท่านั้น ถึงจะเข้าใกล้ตัวท่านเจ้าสำนักผู้นั้นได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อการทดสอบเข้าสำนักในได้เริ่มขึ้น ศิษย์สำนักนอกไม่ว่าจะเป็นศิษย์ที่มีพลังมากหรือมีพลังน้อยก็ล้วนแต่ไม่พลาดโอกาสในครั้งนี้
และเมื่อมู่เฉียนซีมาถึง ก็มีคนกำลังประลองต่อสู้กันแล้ว ก่อนจะทดสอบ จะต้องทดสอบพลังความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามก่อน
ตูม! เสียงดังสนั่นขึ้น ชายชุดดำผู้หนึ่งโจมตีคู่ต่อสู้จนร่างกระเด็นลอยออกไป
“เจ้าไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!” ชายชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา
จากนั้น มู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงคนข้าง ๆ กล่าวถกเถียงกันขึ้น
“ศิษย์พี่เฟิงซู่สมกับที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักนอกจริง ๆ ครั้งนี้เขาต้องเข้าสำนักในได้อย่างแน่นอน”
จากนั้นร่างในชุดขาวร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของเขาเผยความโหดร้ายออกมา เขากล่าว “เฟิงซู่ เจ้ามันช่างเก่งกาจจริง ๆ เหมาะสมแล้วที่จะเป็นคู่แข่งของข้า!”
“หลิ่วซู่อัจฉริยะอันดับสอง!”
ชายชุดลวดลายสีเขียวผู้หนึ่งกระโจนออกมา “ข้าว่าพวกเจ้าสู้กันให้ยับเยินกันไปข้างหนึ่งเลยก็ดีนะ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว อันดับหนึ่งก็จะได้เป็นของข้า ฮ่า ๆ ๆ!”
“ฮวาเจี้ยน อัจฉริยะอันดับสาม” มีคนเอ่ยชื่อเขาออกมา
แม้ว่าสถานการณ์ของสำนักลั่วเยว่ในตอนนี้จะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก แต่อย่างไรเสียก็เป็นถึงสำนักระดับสาม ที่แห่งนี้ได้รวมอัจฉริยะเอาไว้ไม่น้อย
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักนอกก็กล่าวขึ้นว่า “ทุกคนมากันครบแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่หุบเขาพระจันทร์เสี้ยวเถอะ หุบเขาพระจันทร์เสี้ยวมีหุ่นเชิดต่อสู้นับไม่ถ้วน หนึ่งร้อยคนแรกที่ออกมาได้ ก็จะมีโอกาสทำการทดสอบในด่านต่อไปได้”
“ตอนนี้ก็ตามข้ามาได้เลย!”
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงทางเข้าหุบเขาพระจันทร์เสี้ยวแล้ว
ท้องฟ้าเหนือหุบเขาพระจันทร์เสี้ยวนี้ถูกปิดผนึกเอาไว้ ยิ่งเข้าไปข้างใน แสงก็ยิ่งสลัวลงเรื่อย ๆ จนไม่อาจมองเห็นทางสิ้นสุดได้
อีกอย่าง ที่แห่งนี้มีสิ่งที่อันตรายมากที่สุดอยู่ด้วย มู่เฉียนซีมองดูทางเข้าหุบเขารูปจันทราแห่งนี้ ในใจก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมาแล้ว
พลังความแข็งแกร่งของนางกำลังจะฟื้นฟูกลับมาในอีกไม่ช้า นางอยู่ในสำนักลั่วเยว่จะลงมือเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้แล้ว หากลงมือเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้แล้วจะดึงดูดความสนใจของท่านเจ้าสำนักได้อย่างไรกันล่ะ!
ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องเล่นใหญ่แล้วล่ะ
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “เริ่มการประลองได้!”
ทันทีที่คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดสิ้นสุดลง ร่างร่างหนึ่งก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
รวดเร็วกว่าอัจฉริยะสิบอันดับแรกของสำนักนอกเสียอีก ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “จะเร่งรีบไปทำไมกัน หุ่นเชิดต่อสู้เหล่านั้นรับมือได้ยากมากนะ! เข้าไปคนแรกเช่นนี้ย่อมเสียเปรียบแน่นอน”
เฟิงซู่เองก็ตกใจจนผงะไปเช่นกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนลงมือได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเขาเช่นนี้
ฮวาเจี้ยนเอ่ย “เฮ้อ! ศิษย์น้องหญิงคนงามผู้นี้ก็ใจร้อนเกินไปจริง ๆ รีบร้อนไปก็เท่านั้น!”
คนอื่น ๆ ก็รีบตามไปเช่นกัน และในขณะที่พุ่งออกไปนั้น ก็มีหุ่นเชิดต่อสู้พุ่งเข้ามาโจมตีมู่เฉียนซีแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มังกรวารีทำลาย!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ในขณะที่มู่เฉียนซีพุ่งออกไปนั้นนางก็โจมตีกวาดล้างไปด้ยวเช่นกัน ไม่ปล่อยหุ่นเชิดต่อสู้ไปแม้แต่ตัวเดียว
คนที่ตามมาด้านหลังนางทำได้เพียงแค่มองดูเศษซากของหุ่นเชิดกลุ่มนี้ พวกเขาไม่มีอันตรายใดเลย และไม่ต้องออกแรงสู้รบอีกด้วย
สิ่งที่พวกเขาจะแข่งขันนั้นก็คือความเร็ว!
คนอื่น ๆ ต่างคิดว่าได้รับความสบายไปด้วย แต่ศิษย์อัจฉริยะสิบอันดับแรกนั้นไม่อาจทนเห็นคนอื่นเหนือกว่าเช่นนี้ได้จริง ๆ และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเร่งความเร็วเพื่อตามนางไปให้ทัน
ทว่า มู่เฉียนซีต่อสู้ไปด้วย พุ่งเร่งความเร็วไปด้วย ความเร็วของนางนั้นรวดเร็วกว่าพวกเขามาก เร็วจนพวกเขาไม่สามารถจับหุ่นเชิดได้เลยแม้แต่ตัวเดียว
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ได้ยินเสียงการต่อสู้ด้านหน้าเช่นนี้ มุมปากของฮวาเจี้ยนก็กระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “นี่ตกลงว่าพลังวิญญาณของนางจะใช้อย่างไม่มีวันหมดใช่หรือไม่ ข้าไม่มีทางเชื่อหรอกว่านางจะเร็วเช่นนี้ต่อไปได้”
มู่เฉียนซีมียาลูกกลอนที่เพียงพอ ดังนั้นนางจึงไม่กลัวเลยว่าพลังวิญญาณจะหมดไป
หลิ่วซู่เองก็กลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง “ความเร็วของหญิงสาวผู้นั้นไม่มีทีท่าที่จะช้าลงเลย”
เดิมทีคิดว่าด่านนี้เป็นด่านที่เขาจะได้แสดงความสามารถและฝีมือได้อย่างเต็มที่ แต่นี่กลับเป็นด่านที่หญิงสาวผู้นั้นได้แสดงฝีมือแต่เพียงผู้เดียวแล้ว ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
เฟิงซู่ไล่ตามมู่เฉียนซีไปอย่างเงียบ ๆ ระยะห่างนั้นยิ่งเข้าใกล้ไปเรื่อย ๆ
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
แต่สุดท้าย ไม่นานนักระยะห่างก็ยิ่งไกลออกไปอีกครั้ง ใบหน้าที่แน่นิ่งนั้นของเฟิงซู่ไม่อาจบดบังได้อีกต่อไปแล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดได้จัดการทดสอบของสำนักนอกมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เหตุการณ์เช่นนี้ เขาก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“เหล่าหู สาวน้อยผู้นั้นคิดจะทำอันใดกัน?”
ผู้อาวุโสหูกล่าว “ข้าว่า สาวน้อยผู้นั้นต้องอยากคว้าอันดับหนึ่งมาแน่นอน”
“ข้ารู้ว่าอยากคว้าอันดับหนึ่งมา แต่ข้าไม่เคยเห็นใครจะเอาชนะอันดับหนึ่งมาได้ด้วยวิธีเช่นนี้ สาวน้อยผู้นี้ช่างร้ายเกินไปแล้ว”
ผู้อาวุโสหูกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว นี่คืออัจฉริยะที่ข้าค้นพบมาด้วยความยากลำบากเชียวนะ”
เมื่อมาถึงตอนหลัง พลังของหุ่นเชิดต่อสู้นั้นก็พลันแข็งแกร่งขึ้นมา และแน่นอนว่าไม่ได้จัดการง่ายดายอย่างก่อนหน้านี้แล้ว
ในที่สุดเฟิงซู่ก็ไล่ตามมู่เฉียนซีที่กำลังจะรับมือกับหุ่นเชิดตัวหนึ่งทัน พลันนั้นกระบี่เล่มหนึ่งก็ฟาดฟันลงไป
เฟิงซู่โจมตีมู่เฉียนซี แต่มู่เฉียนซีหลบหลีกไปได้
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากกำจัดหุ่นเชิดที่ล้อมรอบกายได้ มู่เฉียนซีพุ่งออกไปและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ท่านนี้ ข้าไปก่อนล่ะ! อันดับหนึ่งในครั้งนี้ เป็นของข้าแล้ว!”
มู่เฉียนซีวิ่งไปด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งที่สุด พร้อมกับลงมือสังหารต่อไปไม่หยุด!
ทางออกอยู่เบื้องหน้าแล้ว และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามู่เฉียนซีนั้นเป็นคนแรกที่ออกมาได้
นางไม่เพียงแต่จะออกมาเป็นคนแรกเท่านั้น อีกทั้งยังสังหารหุ่นเชิดจนคนอื่น ๆ ไม่มีเหยื่อหลงเหลือให้ล่าเลยแม้แต่น้อย และสิ่งนี้ทำให้เหล่าอัจฉริยะสำนักนอกเหล่านี้ล้วนบ้าคลั่งขึ้น
“พวกเรารีบเร็วเข้า!”
“เร็ว!”
“…”
เนื่องจากไม่มีหุ่นเชิดคอยขวาง ไม่มีหุ่นเชิดคอยโจมตี การทดสอบในด่านนี้จึงได้กลายเป็นการแข่งขันวิ่งเร็วก็มิปาน
ผู้ใดเร็วกว่า ผู้นั้นก็จะมีสิทธิ์ได้เป็นสิบอันดับแรก
ศิษย์พี่หลิวก็ผ่านด่านแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นการกระทำทั้งหมดของหญิงสาวผู้นั้น มุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ช่างวิปริตเกินไปจริง ๆ!
หากระดับพลังวิญญาณของนางแข็งแกร่งกว่าเขาเพียงเล็กน้อย เขาก็ยังกล้าสร้างเรื่องวุ่นวายให้นาง
แต่ความแข็งแกร่งห่างชั้นกันมากถึงเพียงนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย
ต่อไป หากเขาได้พบเจอกับสาวน้อยผู้นี้ เขาจะต้องหนีไปให้ไกล ๆ เป็นแน่
คนที่ผ่านด่านเหล่านี้ล้วนแต่มองมู่เฉียนซีด้วยสายตาราวกับมองตัวประหลาดก็มิปาน
แข็งแกร่งเกินไป พวกเขารู้สึกทึ่งกับศิษย์น้องหญิงผู้นี้มาก
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสสูงสุดก็เดินมาและได้กล่าวว่า “หนึ่งร้อยคนที่ผ่านด่าน ตามข้าไปที่ลานประลองเพื่อประลองในด่านที่สอง”
“ขอรับ!”
ด่านที่สองคือการประลองฝีมือกัน ทุกคนจะต้องจับฉลากเป็นสิบเกม ชนะสนามแรกจะได้รับคะแนนหนึ่งคะแนน และผู้ที่ได้รับคะแนนมากที่สุดสิบคนแรก จะได้กลายเป็นศิษย์สำนักใน
ไม่นานนัก มู่เฉียนซีก็เริ่มการประลองสนามแรกแล้ว!
“สนามแรก มู่เฉียนซีพบกับหลิวซง”
“นี่ข้าจะดวงซวยไปถึงไหนกันเนี่ย” หลิวซงก็คือศิษย์พี่หลิวผู้นั้นนั่นเอง เมื่อได้ยินว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นใคร เขาก็อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เขาเดินไปที่ลานประลอง มองมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ข้ายอมแพ้!”
ทุกคนต่างก็ทอดถอนใจออกมา “นึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่หลิวที่เป็นคนเย่อหยิ่งถึงเพียงนั้นยังยอมแพ้”
“เจ้าก็ไม่ดูเอาซะเลยนะว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร เผชิญหน้ากับคนวิปริตเช่นนี้ เจ้าลองไม่ยอมแพ้ดูสิ”
.