ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1515 คู่ซ้อมประลอง
เนื่องจากด่านแรกมู่เฉียนซีแข็งแกร่งมาก และนางก็เคยเอาชนะอัจฉริยะอันดับแปดได้ภายในกระบวนท่าเดียวมาแล้วด้วย
ต่อมามู่เฉียนซีพบกับคู่ต่อสู้เจ็ดคน ทุกคนล้วนแต่…
ยอมแพ้ทั้งสิ้น!
แม้ว่าจะเอ่ยปากยอมแพ้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอับอายขายหน้าแต่อย่างใด
ความแข็งแกร่งห่างชั้นกันมากเช่นนี้ การยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายขายหน้าแต่อย่างใด
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “สนามต่อไป มู่เฉียนซี พบกับฮวาเจี้ยน”
ฮวาเจี้ยนชนะมาโดยตลอด จนกระทั่งมาได้มาเป็นคู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี
เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ในด่านแรก ข้าได้เห็นท่าทางที่มีเสน่ห์ของศิษย์น้องหญิงมู่กับตา นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้มาเป็นคู่ต่อสู้ของศิษย์น้องหญิงมู่ โปรดศิษย์น้องหญิงมู่ยั้งมือไว้ไมตรีด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “อยากจะให้ข้ายั้งมือไว้ไมตรี เช่นนั้นเจ้าก็แสดงความสามารถของเจ้าออกมาสิ!”
ฮวาเจี้ยนกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว เผชิญหน้ากับศิษย์น้อง ข้าจะประหม่าได้อย่างไรกันเล่า”
“เถาวัลย์ทำลาย!” ทันทีที่ฮวาเจี้ยนลงมือ เขาก็ใช้ทักษะพลังธาตุทันที
อัจฉริยะสำนักนอกแห่งสำนักลั่วเยว่หลายคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุทั้งสิ้น!
เถาวัลย์หนามพุ่งเข้ามาห้อมล้อมทั่วทุกทิศทางราวกับตาข่ายก็มิปาน
ร่างของมู่เฉียนซีหลบหลีกอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“มังกรวารีทำลาย!”
ในที่สุดก็มีคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีโดยที่ไม่เอ่ยปากยอมแพ้แล้ว การต่อสู้นี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
ตูม! พลังวิญญาณธาตุวารีและพลังวิญญาณพลังธาตุไม้ต่อสู้พัวพันกัน มันช่างดุเดือดยิ่งนัก!
มีคนพึมพำขึ้นว่า “ข้าว่าครั้งนี้ศิษย์น้องมู่จะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่!”
“ศิษย์พี่ฮวาช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ด่านแรกที่ศิษย์น้องมู่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนั้น ต้องเป็นเพราะว่าไม่ได้จัดอันดับของศิษย์พี่ให้ดีแน่นอน”
“……”
ทว่า ก็มีบางคนค้นพบแล้ว “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าพลังวิญญาณของศิษย์น้องมู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ล่ะ”
“ก็นั่นนะสิ!”
ผู้อาวุโสหูยืนขึ้นและกล่าวว่า “พลังวิญญาณของสาวน้อยจะต้องเลื่อนขั้นแน่นอน หากก่อนหน้านี้พลังของนางคือขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับสี่แน่นอน”
“ผีหลอกแล้ว จะมีผู้ใดเลื่อนขั้นได้เร็วถึงเพียงนี้?”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ข้าคิดว่าสาวน้อยผู้นี้บดบังพลังวิญญาณไว้ตั้งแต่แรก มิเช่นนั้นจะวิปริตถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันล่ะ ไม่รู้จริง ๆ ว่าขีดจำกัดของสาวน้อยผู้นี้อยู่ที่จุดใดกันแน่”
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของตนเองกำลังจะฟื้นฟูกลับมาได้อีกไม่ช้า ระดับพลังวิญญาณที่ถดถอยลงได้รับการเติมเต็มจากสำนักลั่วเยว่มานานมากถึงเพียงนั้น ต่อสู้กับหุ่นเชิดอย่างรวดเร็วมามากมาย จากนั้นก็พบกับยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด พลังจึงฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีคิดว่าจะต้องหาคู่ต่อสู้มาให้มากกว่านี้ ต่อสู้อีก บางทีนางอาจจะฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ก็ได้
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงบดบังพลังความแข็งแกร่ง และค่อย ๆ สู้กับฮวาเจี้ยนไปอย่างช้า ๆ
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
สำหรับฮวาเจี้ยนแล้ว นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากและยืนหยัดอย่างยาวนานมาก
ดูเหมือนว่าตนเองจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่กลับรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงเสียอย่างนั้น
ในทางกลับกันทางด้านศิษย์น้องหญิงผู้นี้ นางกลับรู้สึกผ่อนคลายมาก
เห็นได้ชัดว่าพลังความแข็งแกร่งของฮวาเจี้ยนนั้นแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีมาก แต่พลังวิญญาณกลับสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์
“ศิษย์พี่ฮวา พลังวิญญาณของท่านกำลังจะหมดลงแล้ว ท่านรีบกินยาลูกกลอนเร็วเข้า แล้วเรามาสู้กันต่อ!”
มู่เฉียนซีเอายากลูกกลอนยื่นให้เขาอย่างใจกว้าง ใช่! สำหรับนางแล้ว ฮวาเจี้ยนไม่เหมาะกับการเป็นคู่ต่อสู้ของนาง แต่เหมาะในการช่วยนางฝึกฝนให้พลังของนางฟื้นฟูกลับมามากกว่า
ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนขึ้นประลองและคู่ต่อสู้มอบยาลูกกลอนให้เพิ่มพลังวิญญาณเช่นนี้
ฮวาเจี้ยนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขามองมู่เฉียนซีด้วยความโกรธ “ศิษย์น้องมู่! นี่เจ้าจงใจทำเช่นนี้ ฮือ ๆ ๆ! เจ้ามีพลังความแข็งแกร่งเจ้าก็จัดการได้เลย เหตุใดต้องให้ข้ามาทรมานเช่นนี้ด้วย”
“ข้าไม่กินยาลูกกลอน! เจ้าจะโจมตีให้ข้ากระเด็นไปจากลานประลอง หรือจะให้ข้าสูญเสียพลังไปจนหมดสิ้น เลือกเอา”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวาเจี้ยนรู้สึกอึดอัดใจกับการประลองเช่นนี้ จิตใจของศิษย์น้องมู่ผู้นี้ช่างใจจืดใจดำเกินไปแล้วจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าว “ก็ได้!”
ครั้งนี้มู่เฉียนซีตั้งใจจะเอาชนะเขาแล้ว!
ฮวาเจี้ยนที่พลังวิญญาณสูญเสียไปเกือบจะหมดสิ้น ถูกมังกรวารีตัวหนึ่งโจมตีจนร่างกระเด็นออกไปจากลานประลอง
“มู่เฉียนซีชนะ!”
การประลองครั้งนี้เป็นการประลองที่น่าทึ่งมาก!
หลังจากที่การประลองผ่านไปหลายสนาม ในที่สุดก็เวียนมาถึงการประลองของมู่เฉียนซีอีกครั้ง ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวว่า “มู่เฉียนซีพบกับหลิ่วซู่”
การประลองสนามนั้นของฮวาเจี้ยน หลิ่วซู่ได้เห็นทั้งหมดแล้ว
ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องหญิงผู้นี้ยากที่จะหยั่งถึงได้ รับมือได้ไม่ง่ายเลย
แต่เขาไม่มีทางโง่เขลาเหมือนดั่งฮวาเจี้ยนแน่นอน ที่ถูกทำให้สูญเสียพลังวิญญาณไปเช่นนั้น ดังนั้นทันทีที่เขาลงมือเขาก็ใช้กระบวนท่าอันโหดเหี้ยมทันที
“วายุเมฆาสังหาร!”
หลิ่วซู่ คือผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุ
พลังธาตุวารีพุ่งโจมตีมู่เฉียนซีอย่างรุนแรง มู่เฉียนซีกระโจนตัวขึ้น ร่างของนางพลิ้วไหวลื่นไหลตามสายลมดุจดั่งปีกปักษา หลบหลีกพลังธาตุวายุได้อย่างง่ายดาย
ทุก ๆ การหลบหลีกของมู่เฉียนซีล้วนแต่งดงามมาก ทำให้ทุกคนที่รับชมต่างเบิกตากว้างอย่างอึ้งทึ่ง!
“ทักษะร่างนี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก”
“ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก! แม้แต่พลังธาตุวายุก็ยากที่จะทำร้ายนางได้”
หลิ่วซู่กล่าว “ศิษย์น้องหญิง อาศัยเพียงแค่การหลบหลีก มันไม่ได้หรอกนะ!”
พลังวารีพลันรุนแรงขึ้น และมู่เฉียนซีเองก็เริ่มตอบโต้แล้ว
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
มังกรน้ำแข็งสีฟ้าอันเย็นยะเยือกพุ่งทะลวงพายุนั้นไป หลิ่วซู่รีบหลบหลีก
ร่างของเขาพลันกลายเป็นวายุเข้าไปใกล้มู่เฉียนซี ชุดคลุมยาวพัดพลิ้วไหวไปตามสายลม เขาง้างมือขึ้น พลังวิญญาณพลันเปลี่ยนเป็นมีดวายุโจมตีไปที่มู่เฉียนซี
และร่างของมู่เฉียนซีพลันแยกกลายเป็นเงาร่างหลายร่าง มืออันเรียวยาวยกขึ้น พลางตะโกนว่า “ทักษะโยวหลัว!”
เสียง ตูม ดังสนั่นขึ้น!
พลังของมู่เฉียนซีทำให้หลิ่วซู่ตกตะลึงพรึงเพริดมาก และทันใดนั้นเขาก็ถูกโจมตีอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาเห็นเพียงแค่ร่างสองร่างต่อสู้สลับกันไปมาอยู่บนลานประลอง ฮวาเจี้ยนที่อยู่ข้างสนามกล่าว “นึกไม่ถึงเลยว่าหลิ่วซู่จะแข็งแกร่งขึ้นมาก หากข้าต่อสู้กับเขา ต้องไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน”
“เพียงแต่ว่าเขาจะดวงซวยเกินไปแล้ว ที่ต้องมาพบกับศิษย์น้องผู้วิปริตผู้นี้ ศิษย์น้องผู้วิปริตผู้นี้รับมือได้ยากมาก!”
ทันใดนั้นก็มีคนที่มีความรู้สึกเดียวกันเห็นอกเห็นใจหลิ่วซู่ขึ้นแล้ว ฮวาเจี้ยนยิ้มอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
“กลิ่นอายบนร่างของศิษย์น้องหญิงผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เลย”
“ต่อสู้ไปด้วย เลื่อนขั้นพลังวิญญาณไปด้วย นี่นางแอบซ่อนพลังวิญญาณหรือว่านางจะเลื่อนขั้นพลังวิญญาณจริง ๆ กันแน่”
“……”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “อย่างน้อยก็หกระดับแล้ว อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีก!”
เผชิญหน้ากับการโจมตีอันรุนแรงเช่นนี้ของหลิ่วซู่ มู่เฉียนซีพึงพอใจมาก
ยิ่งเขาโจมตีอย่างดุเดือดมากเท่าไร นางก็ยิ่งฟื้นฟูเร็วมากขึ้นเท่านั้น
กำลังจะเป็นเจ็ดระดับแล้ว
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!
หลิ่วซู่บอกว่าฮวาเจี้ยนโง่เขลาที่ต่อสู้จนสูญเสียพลังวิญญาณไปเกือบหมดสิ้น ทว่า ตอนนี้เขาเองก็เช่นกัน
หญิงสาวผู้นี้รับมือได้ยากยิ่งนัก นางใช้ทักษะวิญญาณได้อย่างเชี่ยวชาญ และพลังวิญญาณของนางใช้อย่างไรก็ไม่มีท่าทีที่จะหมดลงเลย
พลังวิญญาณของเขากำลังจะหมดสิ้น มู่เฉียนซีไม่ยอมเด็ดขาด!
กำลังจะฟื้นฟูกลับมาถึงเจ็ดระดับแล้ว ไม่อาจหยุดได้!
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่หลิ่ว ข้ามียาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณเลิศล้ำอยู่ ท่านอยากได้สักขวดหรือไม่!”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น ใครกันที่กินยาลูกกลอนเป็นขวด ๆ! เขากินกันทีละเม็ดต่างหากเล่า
หลิ่วซู่กล่าว “เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าไม่ใช่ยาพิษ”
มู่เฉียนซีกล่าว “อยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสมากมายเพียงนี้ ข้าจะกล้าวางยาพิษท่านได้อย่างไรกันเล่า ท่านต้องการหรือไม่?”
“ตกลง! เอามาให้ข้า!”
มู่เฉียนซีโยนยาลูกกลอนให้เขาขวดหนึ่ง หลิ่วซู่รับยาลูกกลอนมาและดม ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นหอมอันเข้มข้นของยาลูกกลอน ระดับของยาลูกกลอนนี้ไม่ต่ำเลย ยาระดับนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์น้องมู่จะมอบให้เขาอย่างง่ายดาย!
.