ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1552 จัดการหมาป่าตาขาว
สุ่ยโหรวแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่นางได้ยินแม้แต่น้อย “พวกเจ้าพูดอะไรของพวกเจ้า?”
คนของสำนักวารีเมฆาต่างก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง พวกเขากล่าว “เมื่อครู่พวกข้าเพิ่งจะช่วยชีวิตพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าจึงลืมบุญคุณกันเช่นนี้!”
“คนที่ช่วยพวกเราเมื่อครู่คือพวกเจ้าอย่างนั้นรึ? ไม่ใช่ คนที่ช่วยพวกเราคือแม่นางผู้นั้นต่างหาก เพียงแต่แม่นางผู้นั้นได้ตายจากไปแล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องตอบแทนบุญคุณอะไรอีก พวกเจ้ารีบส่งสมุนไพรมาให้พวกข้าจะดีกว่า จะได้ไม่เจ็บตัว!”
เดิมทีโทสะของหั่วห้าวหยู่ก็ครุกรุ่นอยู่แล้ว เนื่องจากมู่เฉียนซีต้องตกอยู่ในอันตราย ปรากฏว่าเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของคนเหล่านี้ โทสะที่ครุกรุ่นก็กลายเป็นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำไปในทันที
“จะให้พวกข้าส่งสมุนไพรวิญญาณให้พวกเจ้ารึ ถึงแม้พวกเจ้าจะฝันกลางวัน แต่ก็ไม่ควรฝันอะไรที่เกินจริงขนาดนี้สิ”
“จะสู้ก็สู้ ผู้ใดกลัวพวกเจ้ากัน?”
คนเหล่านั้นหัวเราะเยาะ แล้วกล่าว “ในเมื่อพวกเจ้าไม่เจียมตัว พวกข้าก็คงต้องมอบหมัดให้พวกเจ้าสักหน่อยแล้ว!”
ปัง! ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันในทันที
พลังของคนเหล่านี้แกร่งกล้าไม่เบา เห็นชัดว่ามาจากสำนักที่ระดับสูงกว่าพวกเขา
ปัง!
ทางฝั่งของหั่วห้าวหยู่ได้รับบาดเจ็บกันไปไม่น้อย
“ศิษย์พี่สุ่ยโหรว หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ พวกเราไม่น่าเข้าไปช่วยไอ้พวกหมาป่าตาขาวเหล่านั้นเลย!”
“แม่นางสุ่ยโหรว เจ้าประมาทเกินไปแล้ว!”
“……”
พวกเขาถูกบีบบังคับไปเสียทุกทาง จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษสุ่ยโหรว
แม้กระทั่งคนของสำนักวารีเมฆาเองก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจสุ่ยโหรวขึ้นมาแล้วเช่นกัน
สุ่ยโหรวจึงกล่าวออกไปด้วยความน้อยอกน้อยใจเต็มประดา “ขะ…ข้าเองก็ไม่รู้! ฮือ ฮือ ฮือ! ข้าผิดไปแล้ว!”
ปัง! พวกเขาถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และยากที่จะรับมือไหว
เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหวเป็นระยะ ๆ
ทางฝั่งของฉู่หลี เขาได้ทำลายบึงน้ำลงด้วยพลังไร้เทียมทานที่ระเบิดออกมา
นี่เป็นพลังที่ฉู่หลีได้สะกดเอาไว้แล้ว หากเขาไม่ได้สะกดไว้ละก็ คงไม่มีผู้ใดรับมือเขาได้ อย่างไรเสียพลังขั้นสูงสุดของสถานที่อย่างซากปรักหักพังหนานหลิง ก็มีเพียงขั้นมหาจักรพรรดิเท่านั้น
“ชายผู้นั้นแข็งแกร่งมาก พวกเราต้องจัดการเขาก่อนที่พวกเขาจะกลับมา ถอนกำลังออกก่อน!” เมื่อกลุ่มหมาป่าตาขาวเหล่านี้พบว่าพลังของฉู่หลีน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาก็อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้! และจำจะต้องรีบยุติการท้าประลองลงในทันที!
“ศิษย์พี่ฉู่หลี ช่วยด้วย!” สุ่ยโหรวถูกคนผู้หนึ่งโจมตี นางกำลังร้องตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยท่าทางน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
บัดนี้ฉู่หลีกำลังจดจ่ออยู่กับการช่วยชีวิตมู่เฉียนซี ไหนเลยจะมีกระจิตกระใจไปสนนาง!
มู่เฉียนซีถูกสัตว์ประหลาดกลืนลงท้องไปแล้ว และนี่เป็นสิ่งที่นางตั้งใจทำ!
ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรภายนอกสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ แน่นอนว่านางก็ต้องโจมตีจากภายในดู
เมื่อระเบิดธาตุอัคคีออกมาแล้ว สัตว์ประหลาดบึงน้ำตัวนี้ก็ไม่อาจทำร้ายนางได้ อีกอย่างนางก็พบว่าภายในตัวของสัตว์ประหลาดบึงน้ำ ยังมีสมุนไพรวิญญาณล้ำค่างอกเงยขึ้นเต็มไปหมด
ของดี ของมีค่า!
มู่เฉียนซีไม่รอช้ารีบเก็บของล้ำค่าภายในร่างสัตว์ประหลาดบึงน้ำไปจนหมด เมื่อจัดการเก็บเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่านางก็จะต้องหาทางออกไปให้จงได้!
นางชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา ด้วยธาตุอัคคีอันแรงกล้าไร้เทียมทาน ทำให้สัตว์ประหลาดบึงน้ำรู้สึกทรมานไปทั่วทั้งตัว ร่างของมันค่อย ๆ แห้งเหี่ยวไปอย่างช้า ๆ และมันก็ไม่อาจหาที่หลบซ่อนตัวได้ ดังนั้นจึงถูกฉู่หลีจับได้อย่างง่ายดาย
ฉู่หลีไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เขารีบออกกระบวนท่าสังหารในทันที ส่วนมู่เฉียนซีที่อยู่ในตัวสัตว์ประหลาดบึงน้ำก็เริ่มกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงแล้วเช่นกัน
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ปัง!
ปัง!
พลังอันแสนแกร่งกล้าของทั้งสองระเบิดขึ้นในคราเดียวกัน เมื่อถูกโจมตีจากทั้งสองทิศทาง สัตว์ประหลาดบึงน้ำก็ถึงคราวดับสูญอย่างแท้จริง!
ปัง! ร่างของมันแยกออกเป็นสี่ส่วน และในขณะนั้นเองร่างสีม่วงซึ่งมีธาตุวารีห่อหุ้มตัวไว้ ก็เหาะเหินขึ้นมาจากกองดินโคลนที่แตกสลายกองนั้น
“ศิษย์น้อง!” เมื่อพบว่ามู่เฉียนซีไม่ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด สีหน้าที่เย็นชาดุจแดนน้ำแข็งของฉู่หลี ก็ค่อย ๆ อบอุ่นขึ้นทีละน้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ ข้าไม่เป็นอะไร! ขออภัยที่ทำให้ท่านเป็นห่วง”
“ดีจริงที่เฉียนซีไม่เป็นอะไร!” หั่วห้าวหยู่เองก็ดีใจไม่แพ้กัน
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” สีหน้าของสุ่ยโหรวดูบูดเบี้ยวไม่น่ามอง
คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ที่สุดแล้วเด็กนั่นเป็นใครกันแน่? ถูกสัตว์ประหลาดบึงน้ำกลืนเข้าไปแล้วยังรอดออกมาได้อีก”
“ศิษย์น้อง! พวกเรารีบไปกันเถอะ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสองคนนั้น!” ผู้นำกลุ่มของคนเหล่านั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่ลังเล
เมื่อพวกเขากำลังจะเดินจากไป ร่างสีม่วงก็ได้พุ่งปราดเข้ามาขวางเบื้องหน้าพวกเขาไว้
“คิดจะไปอย่างนั้นรึ พวกเจ้าคิดว่าเรื่องจะจบลงง่าย ๆ รึ? ข้าช่วยพวกเจ้าไว้แท้ ๆ แต่พวกเจ้าก็ยังกล้ารีดไถพวกเรา รนหาที่ตาย!” มู่เฉียนซีกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อศิษย์น้องหญิงต้องการจัดการคนเหล่านี้ แน่นอนว่าฉู่หลีก็จะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แน่นอน
เดิมทีฝ่ายที่ตกเป็นรอง ตอนนี้กลับมีคนวิปริตเพิ่มขึ้นถึงสองคน สถานการณ์ก็พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือในบัดดล
ปัง ปัง ปัง! พวกเขาแต่ละคนถูกสั่งสอนจนมีสภาพน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง!
ในที่สุดอันตรายก็ได้ถูกกำจัดลงเป็นที่เรียบร้อย คนของสำนักอื่น ๆ ต่างก็พากันกล่าวขอบคุณมู่เฉียนซี “ผู้นำมู่ปลอดภัยแล้ว ดีจริง ๆ วันนี้ต้องลำบากท่านแล้ว มิฉะนั้นพวกเราคงต้องพลอยเดือดร้อนเพราะหญิงโง่นั่นไปด้วย!”
“จะช่วยใครสักคนก็ใช่ว่าจะช่วยอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้! อย่างเช่นวันนี้ที่ช่วยพวกหมาป่าตาขาวนั่น เกือบแย่กันไปหมดแล้ว”
“ผู้นำมู่ ท่านเก่งกาจมากจริง ๆ!”
ส่วนหญิงโง่ที่เอ่ยถึงคือผู้ใด ก็คงไม่ต้องให้บอกกล่าว อย่างไรเสียภายในกลุ่มนอกจากมู่เฉียนซีที่เป็นสตรีแล้ว ก็มีสุ่ยโหรวอีกคนเท่านั้น
แววตาของสุ่ยโหรวที่ทอดมองไปยังเบื้องหลังของแต่ละคน ก็เปรียบดั่งแท่งเข็มอาบยาพิษก็มิปาน สมควรตาย!
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คราหน้าหากยังไม่ฟังคำชี้แนะของข้าอีก พวกเจ้าก็ไสหัวไป ก่อสิ่งใดไว้ก็จัดการกันเอาเอง!”
“ผู้นำมู่โปรดวางใจ! หลังจากนี้พวกเราจะเชื่อฟังท่าน หากท่านสั่งให้ไปซ้าย พวกเราย่อมไม่ไปขวาอย่างแน่นอน!”
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! พวกเราสำนักผิดแล้ว! คราหน้าจะไม่หุนหันพลันแล่นอีก”
“……”
แต่ละคนต่างพากันกล่าวขออภัย คนของสำนักวารีเมฆากล่าว “ศิษย์พี่สุ่ยโหรว พวกเรา…พวกเราควรเข้าไปขออภัยหรือไม่!หากผู้นำมู่ไม่สนใจใยดีแล้ว ด้วยกำลังของพวกเรา สถานที่อย่างซากปรักหักพังหนานหลิงก็นับว่าอันตรายมาก”
สุ่ยโหรวกล่าว “อืม!”
“ฮือ ฮือ ฮือ! เป็นความผิดของข้าเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย โปรดให้อภัยข้าด้วย” พลันนั้นน้ำตาของสุ่ยโหรวก็ราวกับสั่งได้ก็มิปาน คิดจะร้องก็ร้องออกมาได้น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
“หากแม่นางมู่ไม่ชอบข้า ข้าก็จะไปเอง! เพียงแต่ข้าไม่อยากทำให้ศิษย์สำนักวารีเมฆาคนอื่น ๆ ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย แม่นางมู่โปรดเมตตาพวกเขาด้วย” นางขอร้องอ้อนวอนได้น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอยากไปก็ตามใจเจ้า! ดีกว่ามาร้องไห้คร่ำครวญสร้างความน่ารำคาญอยู่ตรงนี้ เจ้าว่าหรือไม่?”
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังคนเหล่านั้น แล้วกล่าว “พวกเจ้าคิดจะทำเช่นไร?”
“ข้ายินดีที่จะยกสมุนไพรวิญญาณที่เก็บได้ให้กับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องปล่อยพวกข้าไป ข้อตกลงนี้เป็นเช่นไร? หากเฉลี่ยพลังของพวกเราแล้ว ก็นับว่าอยู่ในขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม จนกระทั่งมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามขั้นสูงสุดเชียว พวกเจ้าคงจะรู้ดีว่าพวกเราไม่ใช่กองกำลังระดับสามธรรมดา!ไม่ใช่สิ่งที่สำนักเล็ก ๆ อย่างพวกเจ้าจะมายั่วโทสะกันได้!”
มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะแล้วกล่าว “ในเมื่อยั่วโทสะไปแล้ว ข้าก็ไม่กลัวว่าจะยั่วโทสะได้หรือไม่ได้!”
“นำสมุนไพรวิญญาณมา! มิฉะนั้นพวกเจ้าก็จงรอลิ้มรสหมัดของพวกข้าได้เลย!” ก้นบึ้งดวงตาของมู่เฉียนซีแฝงไปด้วยความเย็นชาไร้ปราณี
“ใช่ ใช่ ใช่! ข้ายังออกหมัดไม่หนำใจเลย! พวกเขาน่ารังเกียจเกินไป” หั่วห้าวหยู่กล่าว
“เรื่องจัดการสั่งสอนเช่นนี้ พวกเราก็สามารถช่วยผู้นำมู่ได้”
“……”
เมื่อพบว่าฝ่ายของมู่เฉียนซีมีท่าทีเดือดดาลจนแทบจะอดใจรอเข้ามาประเคนหมัดกันแทบไม่ไหว พวกเขาจึงรีบนำสมุนไพรวิญญาณออกมามอบให้มู่เฉียนซีด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งทันที
“พวกข้าขอยอมแพ้! สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ เป็นสมุนไพรที่เราเก็บได้ในเขตนี้ พวกเราขอยกสมุนไพรทั้งหมดให้พวกเจ้าก็แล้วกัน!”
สมุนไพรที่ได้รับมามีค่าไม่น้อย ทว่าก็ไม่มีผู้ใดกล้ารับมาเลยสักคน!
“ครานี้พวกเราได้รบกวนผู้นำมู่แล้ว นี่นับว่าเป็นรางวัลของผู้นำมู่!”
“ใช่แล้ว! ข้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!”
สุ่ยโหรวที่ถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง ก็เริ่มมีสีหน้าขมึงทึงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่ออีกฝ่ายยกสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดให้มู่เฉียนซีแล้ว พวกเขาก็กล่าว “พวกเราไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
.