ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1559 สี่ชิ้นที่เหลือ
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเมื่อมังกรเพลิงปรากฏ ศิษย์พี่จะจำได้
ฉู่หลีจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “อยู่ ๆ ก็มีความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัวข้า ข้ารู้สึกว่ามันคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ”
มู่เฉียนซีไม่ได้ปฏิเสธ “ใช่! ข้าคือเจ้าของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ”
มู่เฉียนซีไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด การตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ให้ฉู่หลีรู้สึกดีใจ นั่นหมายความว่าศิษย์น้องหญิงเชื่อใจเขา
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้อง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
เขาจ้องเขม็งไปยังมังกรเพลิงด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง ด้วยสายตาอันแสนเย็นชานี้ ทำให้มังกรเพลิงรีบหลบไปอยู่เบื้องหลังมู่เฉียนซีด้วยความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว
หากพิฆาตวิญญาณยังอยู่ คงจะอาฆาตแค้นมันไปแล้ว ไร้ประโยชน์จริงๆ!
มู่เฉียนซีจ้องมองศิษย์พี่ของนางด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย ฉู่หลีที่ถูกมู่เฉียนซีจ้องมองมาเช่นนั้น ก็รู้สึกใบหูร้อนฉ่าขึ้นมาในบัดดล
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ มังกรเพลิงคือวิญญาณกระบี่ ส่วนพิฆาตวิญญาณคือจิตวิญญาณกระบี่ พิฆาตวิญญาณมีนิสัยที่โหดเหี้ยมและกระหายเลือด แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมมันได้อย่างแท้จริง ผู้ที่ครอบครองมันก็เป็นได้แค่ทาสของมันเท่านั้น”
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นสิ่งที่ไม่อาจแตะต้องได้ ถึงแม้มันจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็ตาม”
ขณะที่ฉู่หลีกำลังเอื้อนเอ่ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป มังกรเพลิงก็ลอบถลึงตาใส่เขาด้วยความไม่พึงพอใจเท่าใดนัก
คนประเภทนี้น่ารังเกียจยิ่งนัก มาพูดถึงมันในทางเสีย ๆ หาย ๆ
“ท่าทางของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้ เกรงว่าจิตวิญญาณกระบี่ยังคงหลับใหลอยู่ ตราบใดที่จิตวิญญาณกระบี่ตื่นขึ้นแล้ว ศิษย์น้องคงลำบากไม่น้อย” ใบหน้าคมสันอันแสนเย็นชาของฉู่หลีเผยความกังวลใจออกมา
“มีเพียงวิธีเดียวที่ศิษย์พี่จะนึกขึ้นได้ นั่นก็คือเจ้าจะต้องถอนพันธสัญญา”
มังกรเพลิงรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด! ข้าไม่อยากถอนพันธสัญญากับนายท่าน ข้าชอบนายท่านที่สุด”
“เจ้าชอบศิษย์น้องอย่างนั้นรึ แล้วเจ้าสามารถสู้กับพิฆาตวิญญาณได้หรือไม่?” ฉู่หลีกล่าวด้วยความเย็นชา
กล่าวได้ว่าวาจาของเขาเปรียบดั่งเข็มที่แทงทะลุดวงใจดวงน้อยมังกรเพลิงก็มิปาน ทำให้มังกรเพลิงทำได้เพียงเข้าไปม้วนขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ในซอกมุมหนึ่ง
“ฮือ ฮือ ฮือ!” มังกรเพลิงอยากจะร้องไห้จริงๆ
“นายท่าน คนผู้นี้รังแกข้า เขารังแกข้า…”
“ไม่ใช่สิ! คนผู้นี้ชักจะรู้มากเกินไปแล้ว?” ถึงแม้ว่าสมองน้อย ๆ ของมังกรเพลิงจะเปี่ยมล้นไปด้วยความใสซื่อ ทว่าก็ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา
มังกรเพลิงรีบวิ่งออกมาสาดส่องสายตาพลางพิจารณาฉู่หลีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”
“เจ้าไม่ใช่ถาถ่า! ไม่ใช่เสี่ยวห้วน ไม่ใช่อาอวี้ เนี่ยนเนี่ยนก็ไม่ใช่?” มังกรเพลิงจ้องมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ที่รู้จักมันดีเช่นนี้ ก็ดูเหมือนจะมีเพียงสหายของมันเท่านั้น
ฉู่หลีกล่าว “แน่นอนว่าข้าไม่ใช่หอคอยนิรันดร์ ไม่ใช่มายานิรันดร์ อาภรณ์ปักษานิรันดร์ หรือตรวนนิรันดร์”
มังกรเพลิงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “นายท่าน คนผู้นี้เป็นปัญหาใหญ่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังฉู่หลีด้วยสายตาพิจารณา “ข้ารู้สึกว่าข้ามีศิษย์พี่ที่สุดยอดมาก ๆ ศิษย์พี่รู้อะไร ๆ มากมายกว่าข้าเสียอีก?”
นางเคยสำรวจมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มามากมาย มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์สี่ชิ้นที่เหลือ นางก็ทราบเพียงหอคอยนิรันดร์เท่านั้น คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าศิษย์พี่จะเอ่ยชื่อสิ่งของที่เหลือออกมาทั้งหมดเช่นนี้
ฉู่หลีนวดคลึงขมับพลางกล่าว “วิญญาณของข้าไม่สมบูรณ์ ความทรงจำก็ขาด ๆ หาย ๆ มีเรื่องราวอีกมากมายที่ข้ายังนึกไม่ออก รวมไปถึงว่าข้าเป็นใครด้วย แต่ไม่ว่าข้าจะเป็นผู้ใด ข้าก็จะไม่มีวันคิดทำร้ายศิษย์น้องอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเชื่อศิษย์พี่เจ้าค่ะ!”
ผู้คนในใต้หล้าที่คิดปฏิเสธมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นมีน้อยจนแทบจะไม่หลงเหลือ ทว่าศิษย์พี่กลับปฏิเสธมันอย่างไม่ลังเล อีกทั้งยังเป็นห่วงเป็นใยนางอีกด้วย
“ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวลพิฆาตวิญญาณนั่นหรอก ถึงแม้เขาจะตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลแล้วก็ไม่เป็นไร” มู่เฉียนซีกล่าว
“ศิษย์น้องอย่าได้ประมาทพิฆาตวิญญาณเชียว!”
“ข้าไม่เคยประเมินเขาต่ำไปเลยสักครั้ง ท่านไม่รู้หรอกว่ากว่าข้าจะจัดการเจ้านั่นได้ ข้าต้องลำบากตรากตรำเท่าใด”
“เช่นนั้นศิษย์พี่จะช่วยเจ้าแก้แค้นเอง!” ฉู่หลี่ทอดมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาแน่วแน่เป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้เลยเจ้าค่ะ!”
ฉู่หลีรู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาแสร้งปล่อยไอสังหารออกมาทางแววตา ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ พวกเราไปกันก่อนดีกว่า หากสิ่งของชิ้นอื่น ๆ ของพระราชวังแห่งนี้ถูกผู้อื่นขโมยไป คงไม่ดีเป็นแน่”
พฤกษาวิญญาณหมื่นปีเป็นของล้ำค่าที่หาไม่ได้ง่าย ๆ เห็นทีสิ่งของภายในพระราชวังแห่งนี้ คงจะอยู่ในระดับเดียวกันกับพฤกษาวิญญาณหมื่นปีอย่างแน่นอน
“อืม! ศิษย์น้องพูดถูก เราจะปล่อยให้ผู้อื่นชิงสิ่งของไปไม่ได้” ฉู่หลีกล่าวพลางพยักหน้าคล้อยตาม
เงาม่วงและเงาดำก็ได้มุ่งตรงไปเบื้องหน้า หลังจากที่เดินอยู่ในพื้นที่รกร้างแห่งนี้มานานพอสมควรแล้ว ทันใดนั้นก็มีไอสังหารจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ หลบไป!”
ปัง ปัง ปัง!
บนพื้นมีเข็มเย็บปักอาบยาพิษปักอยู่ทั่ว เมื่อมู่เฉียนซีกวาดสายตาไปมอง นางก็พบบุรุษสวมอาภรณ์สีสันฉูดฉาดกำลังถือเข็มเย็บปักอยู่ในมือ
มีเรื่อง ๆ หนึ่งที่คนของสำนักหลินเยว่กล่าวได้ถูกต้อง นั่นก็คือบุรุษของสำนักหลางซินมีบุคลิกคล้ายสตรีเป็นอย่างยิ่ง
คนผู้นั้นกรีดกรายนิ้วมือเป็นรูปกล้วยไม้แล้วกล่าว “พวกเจ้าสามารถหลบหลีกได้ทัน นับว่ามีความสามารถไม่เลว”
มีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำคนหนึ่งชี้หน้าฉู่หลีแล้วกล่าว “วันนี้ข้าไม่อยากปลิดชีพผู้ใด แต่ข้ารู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเจ้า หากเจ้ารับปากว่าเจ้าจะทำให้ใบหน้าเจ้าเสียโฉม ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้าสักครา”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถึงแม้ศิษย์พี่ของข้าจะรูปงามไม่เป็นรองผู้ใด แต่พวกเจ้าก็ไม่ต้องอิจฉาถึงเพียงนั้นก็ได้! จิตใจของพวกเจ้าชักจะบิดเบี้ยวเกินไปแล้ว! นี่พวกเจ้าคงไม่ได้ทำการเฉือนตรงนั้นด้วยตัวเองหรอกกระมัง?”
พวกเขากล่าวด้วยความเจ็บแค้น “เจ้าคนชั้นต่ำ ยามบุรุษกำลังพูดจา สตรีอย่างเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์พูด”
“ใช่ ในใต้หล้านี้มีเพียงสตรีผู้เดียวเท่านั้นที่น่าเคารพนับถือ ส่วนสตรีคนอื่น ๆ ล้วนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไร้ความสำคัญ”
มู่เฉียนซีคิดว่าคนเหล่านี้คงไม่ใช่ศิษย์ของกองกำลังระดับสี่อย่างแน่นอน คนเหล่านี้คงจะเข้าลัทธิชั่วร้ายลัทธิใดลัทธิหนึ่งเป็นแน่?
บุรุษอาภรณ์สีฉูดฉาดกล่าว “ศิษย์พี่ ข้าจะจัดการเย็บปากเย็บตานางผู้นี้ก่อน แล้วท่านก็รีบทำให้บุรุษผู้นั้นเสียโฉมก็แล้วกัน”
“เพียงแค่ทำให้เขาเสียโฉมจะไปพอได้อย่างไร ข้าจะตัดมือตัดเท้าเขาด้วย เช่นนี้จึงจะหนำใจ!”
วาจาของพวกเขาทำให้มู่เฉียนซีและฉู่หลีรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่หลีพุ่งตัวออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู ไอสังหารอันแรงกล้าแผ่ซ่านออกจากร่างของฉู่หลีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “เจ้าไม่ควรคิดทำร้ายศิษย์น้องหญิงของข้า”
มู่เฉียนซีเองก็ปล่อยอาวุธสังหารออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทักษะโยวจั๋ว!”
“พวกเจ้ามันขยะไร้ค่า! หน้าตาอัปลักษณ์ยังไม่พอ การกระทำก็น่ารังเกียจเป็นที่สุด ไปตายซะ!”
ปัง! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
พลังของทักษะโยวจั๋วทำให้บุรุษอาภรณ์สีฉูดฉาดรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“ทักษะวิญญาณแกร่งกล้าไม่เบา ไม่เลว ไม่เลว!”
ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองแท้ ๆ ทว่าพลังที่ปลดปล่อยออกมานั้นกลับไร้เทียมทาน
“แต่มันยังไม่พอหรอกนะ!”
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา เขาก็ได้เปิดเผยพลังที่แท้จริงของตนเองออกมา
บุรุษอาภรณ์สีฉูดฉาดกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าขอเตือนคนอ่อนแออย่างพวกเจ้า ถึงแม้พระราชวังแห่งนี้จะไม่ได้ข่มพลังเอาไว้ พวกข้าก็ไม่มีวันยกให้พวกเจ้าเป็นแน่”
“ที่นี่ไม่เหมือนข้างนอกนั่น”
เขาได้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา แล้วอวดความน่าเกรงขามเบื้องหน้ามู่เฉียนซี
ทว่ามันกลับทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกขำเสียมากกว่า “เป็นเพียงปราชญ์แห่งภูตระดับสอง เจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน”
“ข้าอยู่ในขั้นที่สูงกว่าเจ้า เช่นนี้แล้วข้าไม่ควรมีความมั่นใจหรอกรึ? เจ้าคิดว่าเพียงแค่ทักษะวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งเข้าหน่อยแล้ว จะอวดดีอย่างไรก็ได้รึ! หากเจ้าแกร่งกล้าจริงก็มาสู้กันซึ่ง ๆ หน้า อย่ามัวหยอกเย้าอยู่เลย” บุรุษอาภรณ์สีฉูดฉาดกล่าวด้วยท่าทางกระหยิ่มใจ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มเย็บปักอาบยาพิษจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงมายังทิศของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกได้อย่างสบาย ๆ
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีผู้ใดเคยบอกเจ้าหรือไม่ว่าเจ้าปากสุนัข?”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
“เพราะสิ่งที่เจ้ากล่าวมาเมื่อครู่มันถูกต้องเป็นที่สุด! เจ้ากำลังพบเจอกับเคราะห์ร้าย” มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
.