ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1565 วิกฤตของสำนัก
ผลลัพธ์ของการต่อสู้อย่างโกลาหลนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกทำลายกวาดล้างไปจนสิ้น
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ยังจะสู้อีกหรือไม่?”
พวกเขาต่างพากันส่ายหน้า สู้อย่างนั้นเหรอ? ยังจะสู้อะไรได้อีกล่ะ พวกเขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
“หั่วห้าวหยู่ เห็นสุ่ยโหรวหรือไม่?”
หั่วห้าวหยู่ผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “หญิงสาวผู้นั้นสร้างปัญหาอะไรอีกล่ะ?”
“นางเอากระดูกศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว”
“บัดซบ! นางเอาไปได้ยังไง”
มู่เฉียนซีมองทุกคน และกล่าวว่า “หากยังไม่อยากตาย ก็รีบตามจับตัวนางมาให้ได้ มิเช่นนั้นแล้วอย่าหวังเลยว่าข้าจะปล่อยคนที่ปล้นข้าไปง่าย ๆ”
สุ่ยโหรวแอบซ่อนตัวได้ดีมาก หรือไม่ก็ออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว เมื่อรู้ว่าครั้งนี้ซากปรักหักพังหนานหลิงปิดจะปิดลงแล้ว แต่กลับหาตัวสุ่ยโหรวไม่เจอ
ซากปรักหักพังหนานหลิงปิดลง พวกเขาทั้งหมดก็ถูกส่งตัวออกมา ทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองหนานหลิง
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอเพียงแค่หาตัวสุ่ยโหรวเจอ ข้าจะตบรางวัลด้วยยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ให้หนึ่งเม็ด”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็สูดลมหายใจลึกเข้าปอด อู้ฟู้เกินไปแล้ว!
ต้องบอกเลยว่าสุ่ยโหรวนั้นหนีได้เร็วมาก ในเมืองหนานหลิงทั่วทั้งเมืองล้วนหาไม่เจอแม้แต่เงาของนาง
มีคนผู้หนึ่งมาแจ้งว่า “แม่นางมู่ ข้าว่าคนที่แม่นางมู่กำลังตามหาตัวอยู่ นางคงจะมีอาวุธวิญญาณส่งตัวระยะไกลส่งนางไปนอกเขตเมืองหนานหลิงแล้วเป็นแน่ พวกเราก็เลยหาตัวนางไม่เจอ”
“คาดว่านางคงหนีไปตั้งนานแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ศิษย์พี่ เรากลับสำนักกันก่อนเถอะ ดูท่าคงจะขวางไม่ได้แล้ว”
ฉู่หลีกล่าว “อืม!”
พวกนางยังไม่ทันกลับ มู่เฉียนซีก็ได้รับแจ้งข่าวมาจากโม่ซวนเสียก่อน นางตกใจผงะไปครู่หนึ่ง
นางกล่าว “ศิษย์พี่ เจ้าสำนักวารีเมฆาทะลวงพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ตอนนี้เขานำยอดฝีมือของสำนักวารีเมฆาไปโจมตีสำนักลั่วเยว่ของเราแล้ว ท่านเจ้าสำนักกำลังเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ ส่วนเหล่าบรรดาผู้อาวุโสก็ไม่มีทางขวางพวกนั้นได้แน่นอน ตอนนี้สถานการณ์ของสำนักลั่วเยว่ตกอยู่ในขั้นอันตรายมาก เราต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”
อันที่จริงความหมายของโม่ซวนคือไม่ให้นางกลับไป แต่ตอนนี้สำนักลั่วเยว่ตกอยู่ในอันตราย นางจะอยู่เฉยโดยไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างได้อย่างไรกันเล่า!
ฉู่หลีกล่าว “ตกลง! เรารีบกลับไปกันเถอะ!”
พวกเขาจ้างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาที่เร็วที่สุดในเมืองหนานหลิงเดินทางกับไปยังสำนักลั่วเยว่อย่างรวดเร็ว
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! เสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดดังออกมาจากสำนักลั่วเยว่
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าเฒ่าตายยาก เลื่อนขั้นพลังถึงขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้วทำอวดเก่ง เจ้ามันจะเหิมเกริมไปแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ ! ตอนนี้พลังของข้าถึงขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว กองกำลังระดับสามทั้งหมดล้วนแต่ต้องสยบแทบเท้าข้า พวกเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้เสียโดยดีเถอะ! หากพวกเจ้าเชื่อฟังกันสักหน่อย ข้าอาจจะมีความเมตตาไม่ฆ่าล้างสำนักลั่วเยว่ของพวกเจ้าก็ได้”
ผู้อาวุโสรองกล่าว “จะให้พวกข้ายอมแพ้? หึ! ฝันไปเถอะ! เจ้าเพิ่งจะเลื่อนขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดได้ไม่นานก็เลื่อนขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เจ้าไม่กลัวว่ารากฐานของเจ้าจะไม่มั่นคงจนต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถบ้างรึ”
พวกเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเจ้าเฒ่าผู้นี้จะเลื่อนขั้นได้เร็วถึงเพียงนี้ นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากินสิ่งใดเข้าไป
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
“ฆ่ามัน!”
“จะสู้สุดชีวิต!”
“จะต้องลากพวกมันไปตายด้วยให้ได้”
เหล่าบรรดาผู้อาวุโสรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่อัจฉริยะแห่งสำนักอย่างมู่เฉียนซีกับฉู่หลีไม่อยู่ที่สำนัก แม้ว่าสำนักลั่วเยว่จะถูกทำลายล้าง แต่ด้วยความสามารถของพวกเขาแล้วต้องมีสักวันที่พวกเขาแก้แค้นให้สำนักได้อย่างแน่นอน จะต้องทำลายล้างสำนักวารีเมฆาเพื่อแก้แค้นได้อย่างแน่นอน
บนร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา มู่เฉียนซีตอนนี้รู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง
“พรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญของเจ้าสำนักวารีเมฆานั้นธรรมดามาก แต่กลับเลื่อนขั้นพลังวิญญาณได้เร็วถึงเพียงนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ปกติเลย”
“แม่นางมู่ เจ้าบอกว่าสุ่ยโหรวได้กระดูกศักดิ์สิทธิ์ไปไม่ใช่เหรอ หรือว่านางเอากระดูกศักดิ์สิทธิ์นั้นให้กับเจ้าสำนักวารีเมฆาใช้ เจ้าสำนักวารีเมฆาจึงเลื่อนขั้นพลังวิญญาณได้เช่นนี้”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าว “ก็อาจจะเป็นไปได้!”
คนผู้นั้นระเบิดพลังทำลายตัวเองเพื่อให้สุ่ยโหรวนำกระดูกศักดิ์สิทธิ์นั้นไปยังสำนักหลินเยว่ จากนั้นก็นำไปให้กับมู่หลินหลาง ต้องบอกเอาไว้เลยว่า หากสุ่ยโหรวผู้นี้ไม่ได้นำมันไปกลับไปยังสำนักหลินเยว่ แต่นำกลับไปให้ท่านพ่อของตัวเอง คาดว่าคนผู้นี้จะต้องตายไปอย่างไม่เป็นสุขแน่
“เราต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด!”
ในขณะที่พวกเขารีบกลับไปยังสำนัก ทั่วทั้งสำนักลั่วเยว่ล้วนถูกโจมตีจนยับเยินแล้ว ศิษย์ร่วมสำนักต่างบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อยแล้ว
“ศิษย์น้อง!”
เหล่าศิษย์พี่ที่ไปเข้าร่วมในซากปรักหักพังหนานหลิงเห็นเช่นนี้แล้วรู้สึกโกรธเกรี้ยวจนดวงตาแดงก่ำ
“ศิษย์พี่ลั่ว…”
“ศิษย์พี่ฉู่ ศิษย์น้องมู่ พวกท่าน…พวกท่านรีบหนีไปเร็ว เร็วเข้า…”
“เจ้าสำนักวารีเมฆาทะลวงพลังขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว จึงนำกำลังมาโจมตีพวกเรา เหล่าบรรดาผู้อาวุโสไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย พวกท่านต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด หนีไป!”
เมื่อเห็นพวกเขากลับมาแล้ว เหล่าบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องที่จับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเหล่านี้ต่างก็ร้อนอกร้อนใจขึ้น!
“ฮ่า ๆ ๆ! อัจฉริยะสำนักลั่วเยว่มาแล้ว มาก็ดี!”
ในตอนนี้คนของสำนักวารีเมฆาออกมาไล่ล่าแล้ว!
มู่เฉียนซีลงมืออย่างไม่รีรอ “พวกเจ้าก็เช่นกัน มาแล้วก็ดี”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ต่อมาฉู่หลีก็ลงมือเช่นกัน พลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดปะทุออกมา เข่นฆ่ากองกำลังที่ไล่ตามมาลงมือกับพวกเขาตายไปภายในชั่วพริบตาเดียว
คนของสำนักลั่วเยว่เห็นเช่นนี้แล้วต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “พระเจ้า! ศิษย์น้องมู่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“นี่ศิษย์พี่ฉู่ เขา…เขา…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ลั่ว พวกท่านคุ้มกันศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนหนีออกไปก่อน พาศิษย์ร่วมสำนักของพวกเราไปที่หอหมอปีศาจ ไปหาผู้ดูแลหอหมอปีศาจให้พวกเขารักษาอาการบาดเจ็บให้”
“หอหมอปีศาจอย่างนั้นเหรอ พวกเขาจะช่วยพวกเราเหรอ?”
“ไปที่นั่นเร็วเข้า รับพาคนที่ได้รับบาดเจ็บไปเร็วเข้า!”
“ตกลง!”
ให้ศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นรีบล่าถอยไป ส่วนมู่เฉียนซีกับฉู่หลีก็เปิดฉากโจมตีเพื่อเข้าไปในสำนักใน
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ในตอนนี้ศึกการสู้รบครั้งใหญ่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง หอในของสำนักพังทลายลง เลือดไหลนองไปทั่วทั้งสำนัก
ตอนนี้สถานการณ์ของสำนักลั่วเยว่น่าสลดใจมาก ผู้อาวุโสสำนักนอกเสียหายไปไม่น้อย ส่วนผู้อาวุโสสำนักในก็ได้รับบาดเจ็บไปหลายท่าน
พรวด!
ผู้อาวุโสสูงสุดถูกเจ้าสำนักวารีเมฆาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังขั้นปราชญ์แห่งภูตกับพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์นั้นมันห่างชั้นกันมาก คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจต่อสู้ได้
ผู้อาวุโสรองตะโกนขึ้นว่า “ฆ่ามัน! พวกเราจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ฆ่ามันให้ได้! ฆ่าพวกสุนัขของสำนักวารีเมฆาให้ได้!”
เจ้าสำนักวารีเมฆากล่าวเย้ยหยันว่า “พวกเจ้ามันก็แค่กองกำลังที่พ่ายแพ้ เป็นม้าตีนปลายแล้ว ยังคิดจะฆ่าพวกข้าอีกอย่างนั้นเหรอ วันนี้ สำนักลั่วเยว่ต้องพังพินาศ!”
“เจ้าสารเลว เจ้ามันอวดดีเกินไปแล้ว! คิดจะทำลายล้างสำนักลั่วเยว่ หึ! เจ้าฝันไปเถอะ!” น้ำเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น
ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหวพุ่งตัดผ่านอากาศมาหลายร่าง และทุกร่างล้วนเป็นดั่งร่างมายา ภายในชั่วพริบตาเดียวนางก็ปรากฏตัวมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา
นางลอยตัวอยู่กลางอากาศ ดวงตาของนางแผ่ซ่านความเย็นยะเยือกออกมา ทั้งสุกสกาวและสดใส ความเย็นยะเยือกนั้นดูสูงศักดิ์เป็นอย่างยิ่ง!
ต่อมา ร่างในชุดดำร่างหนึ่งก็พุ่งตามมา!
“ฉู่หลี มู่เฉียนซี!”
พรวด! เมื่อได้เห็นทั้งสองกลับมา ผู้อาวุโสสูงสุดก็ตื่นเต้นจนกระทั่งส่งผลกระทบต่อบาดแผลและกระอักเลือดคำโตออกมา
มู่เฉียนซีโยนขวดยาลูกกลอนขวดหนึ่งให้เขาพลางกล่าว “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด รักษาอาการบาดเจ็บก่อนเจ้าค่ะ!”
“ท่านผู้อาวุโสรอง ท่านผู้อาวุโสสาม…”
มู่เฉียนซีโยนขวดยาลูกกลอนให้พวกเขาเพื่อช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวได้เร็วที่สุด
ความเร็วของมู่เฉียนซีกับฉู่หลีรวดเร็วมากจนทำให้ทุกคนต่างประหลาดใจ
เจ้าสำนักวารีเมฆากล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาหาที่ตายถึงที่ มันช่างตรงกับความปรารถนาของข้าจริง ๆ วันนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ตายไปพร้อมกัน!”
“โดยเฉพาะเจ้า!” เจ้าสำนักวารีเมฆาจ้องเขม็งไปที่ฉู่หลี
อายุยังน้อยแต่กลับฝึกบำเพ็ญจนงแกร่งกล้าถึงขั้นนี้ได้ หากไม่ฆ่าเขาทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปจะต้องสร้างความหายนะอย่างแน่นอน
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากเจ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู!”
“ศิษย์น้องหญิง ระวังตัวด้วย!” ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็พุ่งเข้าไปโจมตีเจ้าสำนักวารีเมฆาทันที
เผชิญหน้ากับการกดขี่ข่มเหงของพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้แล้ว สีหน้าของฉู่หลียังคงเรียบนิ่งอยู่เฉกเช่นเดิม!
“สาวน้อย เจ้าไปตายเสียเถอะ!” ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสรองแห่งสำนักวารีเมฆาผู้มีพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าก็ปรากฏตัวขึ้น และโจมตีมู่เฉียนซีมาจากทางด้านหลัง
.
.