ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1588 สหายคนสำคัญ
เมื่อเหลิ่งหนิงจือถูกส่งตัวมาแล้วนั้น นางก็ไม่ได้มีท่าทีเคียดแค้นดั่งตอนที่อยู่บนแท่นประมูล ทว่านางกลับโผตัวเข้ามาแล้วกล่าวด้วยท่าทางกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง “นายท่าน ข้าน้อยรักนายท่านเป็นที่สุด! ชีวิตนี้ข้าน้อยขอมอบให้นายท่าน”
มู่เฉียนซีหลบหลีกเหลิ่งหนิงจือที่พุ่งเข้ามาด้วยท่าทางกระตือรือร้นในทันที จากนั้นจึงจะกล่าว “เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่ารสนิยมของเจ้านายเจ้าเป็นเช่นไร!”
“ท่านทำเช่นนี้ ข้าน้อยเสียใจนะเจ้าคะ!”
โม่ซวนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่อยู่บนแท่นประมูลเมื่อครู่
มู่เฉียนซีกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ไปเปลี่ยนอีกคนมาพูดคุยกับข้า!”
ทันใดนั้นความกระตือรือร้นอันเปรียบดั่งเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงของเหลิ่งหนิงจือก็ถูกแช่แข็งลงในทันที สตรีโฉมสะคราญผู้หนึ่งได้ปรากฎตัวขึ้น
นางกล่าว “เจ้าโง่นั้นทำให้นายท่านต้องรำคาญใจ ต้องขออภัยด้วย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “นั่งลงเถอะ! ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า”
เหลิ่งหนิงจือเหลือบมองบุรุษสวมหน้ากากเงินแวบหนึ่งแล้วกล่าว “นั่นเขา!”
“พูดออกมาตรง ๆ เถอะ!”
เหลิ่งหนิงจือจึงเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางได้จากมู่เฉียนซีไป เมื่อทุก ๆ คนจัดการเรื่องอื่น ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น พวกเขาก็พากันเร้นกายบำเพ็ญตน
ทรัพยากรที่นางได้ตระเตรียมไว้ในการฝึกฝนก่อนหน้านี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาฝึกฝนจนบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว
เดิมทีนางก็ได้ลงมาจากเบื้องบน บาดแผลตามร่างกายก็ได้มู่เฉียนซีมาช่วยรักษาไว้จนหายดีไปตั้งนานแล้ว และแน่นอนว่านางก็ต้องรีบรุดมายังแดนซวนเทียนให้เร็วที่สุด
หากจะกล่าวว่ามู่เฉียนซีที่ดันตกมาอยู่ในดินแดนซวนเทียน และถูกบังคับส่งตัวไปให้โจรป่านั้นเป็นอะไรที่โชคร้ายแล้ว เช่นนั้นเหลิ่งหนิงจือก็คงอับโชคจนจมดินไปแล้วกระมัง
เหลิ่งหนิงจือได้พบกับคนของมู่หลินหลาง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตของสำนักหลินเยว่
นางไม่อาจต้านทานได้ไหว จึงถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่นางหนีออกมาได้ ผลปรากฏว่าเมื่อหนีออกมาได้แล้ว นางกลับถูกคนกลุ่มหนึ่งจับตัวไปอีกครา
คนกลุ่มนั้นพบว่านางมีหน้าตาสะสวย นางจึงถูกผนึกพลังวิญญาณไว้ แล้วถูกนำมาขายที่ลานประมูลใต้ดินแห่งนี้
หากมู่เฉียนซีไม่ได้พบนางเข้าเสียก่อน นางคงฆ่าตัวตายและคงไม่มีโอกาสได้พบเจอมู่เฉียนซีอีกแล้ว
โม่ซวนกล่าว “มู่หลินหลางเกลียดผู้บำเพ็ญภูตที่มีพลังธาตุวิญญาณคู่เป็นที่สุด ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดนางจึงทำเช่นนั้น! เฉียนซีเจ้าเองก็ต้องระวังตัวด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวเหลิ่ง ข้าจะให้เจ้าฟื้นฟูพลังวิญญาณก่อน”
เมื่อเหลิ่งหนิงจือได้ฟื้นฟูพลังวิญญาณแล้ว นางก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในบัดดล
มู่เฉียนซีกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยถามความเป็นมาของเจ้า ทว่าหากตอนนี้เจ้าต้องมาทำงานให้ข้าที่แดนซวนเทียน เจ้าก็ควรบอกกล่าวมาตรง ๆ จะดีกว่า”
เหลิ่งหนิงจือกล่าว “ข้าเคยเป็นศิษย์ของสำนักหลินเยว่ กองกำลังระดับสี่มาก่อน! เพราะข้ามีพลังธาตุวิญญาณคู่ ดังนั้นจึงโดดเด่นกว่าผู้ใดในรุ่นเดียวกัน ในครานั้นข้าก็เหมือนคนอื่น ๆ เคารพและศรัทธาในตัวองค์หญิงหลินหลางราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า”
“ดวงดาวบนท้องฟ้า หึ นางคู่ควรอย่างนั้นรึ?” โม่ซวนที่เงียบขรึมมาโดยตลอดก็ได้กล่าวประชดประชันขึ้น
“เพียงแต่ในภายหลังเพราะความเร็วในการบรรลุระดับขั้นของข้ามันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าต้องพบเจอกับการหักหลังสารพัดรูปแบบ ถูกไล่ฆ่าลอบสังหารมานับไม่ถ้วน จากนั้นข้าจึงจะรู้ว่า องค์หญิงหลินหลางไม่อาจปล่อยข้าไปได้! นางคิดว่าผู้บำเพ็ญภูตที่มีพลังธาตุวิญญาณคู่นั้นเป็นพรสวรรค์ ห้ามผู้ใดในดินแดนทั้งสี่ทิศมีพลังความสามารถเกินหน้าเกินตานาง! ความเร็วในการฝึกฝนของข้ากลายเป็นสิ่งที่ข่มขู่นางมาโดยตลอด ดังนั้นนางจึงต้องกำจัดข้าทิ้ง”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้หญิงคนนี้หมดหนทางที่จะแก้ไขแล้วจริง ๆ ข้าสงสัยว่าอวิ๋นซิวก็คงจะถูกมู่หลินหลางทรมานเพราะเหตุนี้เหมือนกัน!”
เฟิงอวิ๋นซิว ผู้บำเพ็ญภูตที่มีพลังธาตุวิญญาณคู่ พลังธาตุวายุและอัคคี พรสวรรค์ของเขาคงไม่ต้องให้อธิบาย
มู่หลินหลางไม่ได้ฆ่าเขา ทว่ากลับส่งเขาไปยังสถานที่ขาดแคลนพลังวิญญาณของดินแดนทั้งสี่ทิศแทน ทำให้การพัฒนาฝึกฝนของเขาเป็นไปได้ช้าเป็นอย่างยิ่ง เช่นนี้แล้วมู่หลินหลางจึงจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้มากความสามารถที่หนึ่งในใต้หล้าไว้ได้!
โม่ซวนเอ่ยถาม “อวิ๋นซิว? เฉียนซีคนที่เจ้าเอ่ยถึงคือคุณชายตระกูลเฟิงหรือไม่ เฟิงอวิ๋นซิว! เขาเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่ พลังธาตุวายุและอัคคี”
มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย “โม่ซวน เจ้ารู้จักเขาหรือ? ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?”
“ท่านพ่อบุญธรรมเคยสั่งพวกเราตรวจสอบเขา แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาก็ได้หายตัวไปจากแดนซวนเทียน ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง”
นั่นเป็นช่วงเวลาที่มู่หลินหลางทิ้งเขาไว้ในดินแดนทั้งสี่ทิศ มู่เฉียนซีรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
นางทอดมองไปยังโม่ซวนแล้วกล่าว “หากเจ้ารู้ที่อยู่ของเขา เจ้าจะต้องบอกข้าในทันที! ข้าเป็นห่วงเขามาก”
โม่ซวนจ้องมองไปยังมู่เฉียนซี ประวัติความเป็นมาของเฉียนซีเป็นปริศนาและลึกลับมาโดยตลอด!
เขากล่าว “เฉียนซี เจ้ารู้ว่าอวิ๋นซิวเป็นใครหรือไม่? หากเจ้ารู้บางทีเจ้าก็อาจจะไม่ได้อยากเข้าใกล้เขาก็ได้”
“เขาเป็นสหายของข้า! แค่นี้ก็พอแล้ว”
โม่ซวนกล่าว “เขาเป็นคนของตระกูลเฟิง ผู้คนทั่วทั้งแดนซวนเทียนต่างรู้จักตระกูลเฟิงกันถ้วนหน้า ตระกูลเฟิงของพวกเขาเคารพและรับใช้ตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงมารุ่นสู่รุ่น! และเฟิงอวิ๋นซิวที่มีสถานะเป็นคุณชายของตระกูลเฟิง ก็ถูกกำหนดสถานะตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก เขาเป็นองครักษ์ขององค์หญิง เขาต้องเคารพ รับใช้ ปกป้ององค์หญิงไปจนชั่วชีวิต และไม่อาจทรยศได้!”
“เขาจะภักดีต่อมู่หลินหลางตลอดไป เขาฟังคำสั่งของนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น นี่เป็นตราประทับความสัมพันธ์ ไม่มีทางต่อต้านได้!ดังนั้นหากเจ้าเป็นศัตรูกับมู่หลินหลาง เช่นนั้นเจ้าก็จำเป็นต้องเหยียบศพของเขาแล้วเดินข้ามไปเท่านั้น”
ดวงใจของมู่เฉียนซีหล่นวูบไปในทันที นางได้เคยเดินในเส้นทางเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
เหลิ่งหนิงจือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ได้โปรดหยุดพูดเถอะ!”
นางทราบถึงเรื่องศึกสงครามกับตงจี๋ในครานั้น ตอนนั้นผู้เป็นนายไม่มีทางเลือกจริง ๆ
“มู่หลินหลางไม่คู่ควร นางเป็นองค์หญิงที่ประสูติแต่ฮองเฮาของราชวงศ์ตงหวงจริงหรือ?”
“ไม่ใช่! ทว่าเมื่อพันธสัญญายังอยู่ นางก็จะเป็นคนที่เฟิงอวิ๋นซิวจงรักภักดีด้วยที่สุด ดังนั้นทางที่ดีเฉียนซีอย่าได้ผูกมิตรกับเขาให้ลึกซึ้งเลย ไม่เช่นนั้น…”
มู่เฉียนซีกล่าว “อย่างไรข้าก็ต้องพบเขา!”
“พันธสัญญาบ้าอะไรเหตุใดจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หากไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร! หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ นั่นก็หมายความว่าพลังอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอ! หากมีพลังที่แข็งแกร่งมากพอ บางทีไม่ว่าอะไรก็สามารถลบล้างได้” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงบางเบา
“ข้าไม่กลัวข้อบังคับของพันธสัญญา! ข้ากลัวแค่เพียงความรู้สึกของอวิ๋นซิวจอมโง่เง่าที่มีต่อมู่หลินหลางมากกว่า แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ข้าก็อยากจะรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง?”
โม่ซวนรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย “เฉียนซี เจ้าใส่ใจเขาถึงเพียงนี้ แต่ข้าเกรงว่าเขาอาจจะไม่ได้คำนึงถึงเจ้าแม้แต่น้อย! ในฐานะองครักษ์ ผู้ที่เขาจะคำนึงถึงและยอมก้มหัวให้ก็มีเพียงเจ้านายแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
มู่เฉียนซีหัวเราะแล้วกล่าว “โม่ซวน เจ้าคิดว่าข้าจะมองคนผิดอย่างนั้นหรือ?”
แววตาอันดำขลับของสตรีที่อยู่เบื้องหน้า เปรียบดั่งสายธารดาราอันแสนระยิบระยับ มันทำให้เขาหมดข้อสงสัยในตัวนาง และทำให้เขาได้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “เขาเป็นสหายคนสำคัญของข้าจริง ๆ คราก่อนที่แยกจากกัน เขาก็เกือบเป็นอันตรายถึงชีวิต เขาถูกใครบางคนพาตัวไป ข้าไม่สบายใจมาโดยตลอด! ดังนั้นข้าจึงอยากรู้ข่าวคราวของเขา”
โม่ซวนกล่าว “ท่านพ่อบุญธรรมเองก็ไม่เคยละความพยายามในการสืบเรื่องของเขา ตราบใดที่เขายังไม่ตาย ตราบใดที่เขายังทิ้งร่องรอยไว้ในดินแดนซวนเทียน พวกเราก็สามารถสืบหาเขาได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอบใจมาก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “การประมูลสิ้นสุดลงแล้ว โม่ซวนช่วยข้าสักเรื่องสิ?”
โม่ซวนกล่าว “เชิญกล่าวมาได้?”
เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง คุณชายไป๋เจ๋อก็ได้เดินทางกลับไปในทันที!
เขาได้พามู่เฉียนซีและผู้หญิงที่ทำการประมูลได้กลับไปด้วย เนื่องจากคนของสำนักหลินเยว่ไม่อาจทำการประมูลตัวเหลิ่งหนิงจือมาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจับตัวพวกนางมาทรมานให้สาสม พวกเขาจึงคอยตามหลังพวกของโม่ซวนไป
“คนผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นคนคุณชายไป๋เจ๋อนะ นี่พวกเราจะลงมือจริง ๆ หรือ?”
“คุณชายไป๋เจ๋อน่ะกระจอกจะตายไป เทียบกับองค์หญิงของเราไม่ได้เลยสักนิด อีกทั้งยังกล้าช่วยคนที่องค์หญิงต้องการสังหารอีก รนหาที่ตาย!”
ในขณะนั้นเองกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งก็ได้แทงทะลุอกของนาง!
“พวกเจ้าต่างหากที่รนหาที่ตาย!” สุ้มเสียงอันเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่หาแว่วดังมา
.
.