ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1594 ตกตะลึงจนตื่น
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “ลอบสังหารผู้ใดหรือ?”
“ถามเขาสิ!” ฉู่หลีกล่าว
เจ้าสำนักฉู่กล่าว “มู่หลินหลาง!”
มิน่าเมื่อได้เห็นนางแล้วจึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนั้น อีกอย่างมองเพียงปราดเดียวก็จำได้แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านอาจารย์ฉู่ การที่ท่านยังรอดมาได้ มันคงเป็นโชคดีของโชคดีแล้ว! ท่านนอนอยู่นิ่ง ๆ เตรียมตัวรับการรักษาเถอะเจ้าค่ะ”
มู่เฉียนซีมีของดีอยู่ในมือจำนวนไม่น้อย อีกทั้งยังมีความสามารถในการปรุงยาที่เชียวขาญและเก่งกาจ การที่จะรักษาอาการของเจ้าสำนักฉู่จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
เมื่อเจ้าสำนักฉู่ได้ทราบถึงตัวตนของมู่เฉียนซีแล้ว เขาก็รู้สึกรังเกียจศิษย์ของตนเองเป็นที่สุด
“เหตุใดตอนนั้นข้าถึงไม่เก็บเด็กผู้หญิงมานะ!”
“เจ้าดูเด็กน้อยคนนี้สิว่าดีเพียงใด ปรุงยาเป็นอีกด้วย! นอกจากเจ้าจะหัวดื้อหัวแข็งยิ่งกว่าก้อนหิน และขี้เกียจยิ่งกว่าหมูแล้ว เจ้ายังทำอะไรได้อีกบ้าง?”
“……”
เจ้าสำนักฉู่ยังคงบ่นกระปอดกระแปดต่อไปไม่หยุด มันทำให้มู่เฉียนซีรู้จักอาจารย์ผู้นี้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ที่แท้ฉู่หลีก็ถูกเจ้าสำนักฉู่เก็บมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อพบว่าเขามีหน่วยก้านและความสามารถที่ดี จึงรับเขามาเป็นศิษย์
และที่ฉู่หลีทำตัวเย็นชามาโดยตลอด ก็ไม่ใช่เพราะนิสัยของเขาที่เป็นคนเย็นชา ทว่าเป็นเพราะเขาคร้านที่จะสนใจเรื่องอื่น ๆ ต่างหาก
บัดนี้นอกจากเรื่องของอาจารย์ฉู่และศิษย์น้องแล้ว เขาก็คร้านที่จะสนใจเรื่องอื่น ๆ เลยจริง ๆ
อุปนิสัยเช่นนี้ ทำให้ความฝันที่เจ้าสำนักฉู่คิดจะให้ฉู่หลีเป็นผู้รับช่วงต่อวิชาต่าง ๆ จากเขาพังทลายลงไม่เป็นท่า
เดิมทีนางก็อยากจะถามข่าวคราวของบิดา เพราะเจ้าสำนักฉู่เป็นเพียงคนเดียวที่รู้เบาะแสและข่าวคราวของเขา
บัดนี้ก็ยังคงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ นอกจากจะต้องขยายและพัฒนาหอหมอปีศาจแล้ว นางก็จะต้องคิดหาวิธีอื่นดู
ตั้งแต่ได้รับรู้สภาพของบิดาครั้นที่ได้กลับมายังแดนซวนเทียนจากปากท่านเจ้าสำนักฉู่แล้วนั้น นางก็แทบไม่อาจรั้งรอได้แม้แต่เสี้ยวเวลา
เจ้าสำนักฉู่กล่าว “ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ท่านพ่อของเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร! เพียงแต่หากเขายังต้องซ่อนตัว แล้วเจ้าต้องออกตามหาเขาเช่นนี้ มันก็เป็นอะไรที่ลำบากไม่น้อย! แต่เจ้าก็สามารถให้เขาเป็นคนรับรู้ตัวตนของเจ้าได้”
“รับรู้ตัวตนของข้าอย่างนั้นหรือ? แดนซวนเทียนออกจะใหญ่โตกว้างขวาง มันคงเป็นเรื่องยาก!”
“ไม่ยากหรอก! เพียงแต่เจ้าได้กลายเป็นผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งในแดนซวนเทียน ชื่อเสียงของเจ้าก็จะเลื่องลือไปไกล ถึงยามนั้นเฟิงอวิ๋นก็จะได้รู้จักตัวตนของเจ้า และเขาจะต้องเป็นฝ่ายมาหาเจ้าอย่างแน่นอน”
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม้เรียวระหงกลางป่า ย่อมถูกล้มโค่น! หากท่านทำเช่นนั้น มันก็เท่ากับเป็นการปล่อยให้ศิษย์น้องไปเสี่ยงอันตราย ท่านอยากให้ศิษย์น้องถูกคนของราชวงศ์ตงหวงไล่ล่าหรืออย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากข้ามีชื่อเสียงแล้ว ไม่เพียงแต่คนของราชวงศ์ตงหวงเท่านั้น เป่ยกงจั๋วเองก็จะต้องไม่ปล่อยข้าไปเป็นแน่ ช่างน่าปวดหัวเสียจริง!”
เมื่อครั้นได้อยู่ที่ดินแดนทั้งสี่ทิศ นางก็เคยปะทะกับพวกเขามาก่อน คาดไม่ถึงว่าเมื่อมายังแดนซวนเทียนแล้วจะต้องมาระมัดระวังตัวเช่นนี้ มิฉะนั้นแล้ววิธีนี้ก็คงจะมีประโยชน์มากจริง ๆ
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่อาจนำวิธีนี้มาใช้ประโยชน์ได้ แต่นางก็จะต้องนำมาใช้ให้ได้ในที่สุด!
เจ้าสำนักฉู่กล่าว “เห้อ! วิธีนี้ก็ไม่ได้ เห็นทีคงจะต้องคิดหาวิธีอื่นเสียแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ความคิดของเจ้าสำนักฉู่ยอดเยี่ยมไปเลย ข้าคิดว่าหากท่านพ่อได้ยินว่าผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งในแดนซวนเทียนนามว่ามู่เฉียนซี เขาก็จะรู้ว่าข้าได้มาแล้ว ส่วนเรื่องอันตราย หากสู้ไม่ได้ก็วิ่งหนีเสียสิ!”
เจ้าสำนักฉู่กล่าวด้วยความตกตะลึง “สาวน้อยมู่ เจ้าอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามเลยนะ”
“ศิษย์น้อง!” ฉู่หลีหน้าถอดสีไปในทันที
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ารู้ขอบเขตดี! ถึงยามนั้นหากราชวงศ์ตงหวงและราชวงศ์เป่ยกงไล่ล่าข้า พวกท่านจะต้องปกป้องตัวเองให้ดี ข้าสามารถเอาตัวรอดได้!”
“นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุด ข้าไม่อยากรออีกแล้ว ข้าจะต้องมีเชื่อเสียงให้ได้! แค่ชื่อเสียงผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งยังไม่พอหรอก จะต้องจัดการเป่ยกงจั๋วให้ได้ แล้วกลายเป็นนักปรุงยาผู้มากความสามารถอันดับหนึ่ง เมื่อนำชื่อเสียงสองอย่างนี้มารวมกันแล้ว ตราบใดที่ท่านพ่อยังอยู่ในแดนซวนเทียน ท่านพ่อก็จะต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้อง…ศิษย์น้องไม่ใช่คนที่ใจร้อนเช่นนั้น?”
เขาจ้องเขม็งไปยังเจ้าสำนักฉู่ เจ้าสำนักฉู่ก็คิดว่าตนเองพูดจามากความมากเกินไปแล้ว หากเขาไม่กล่าวออกไปเช่นนั้น สาวน้อยซีเอ๋อร์ก็คงไม่รีบร้อนขนาดนั้นอย่างแน่นอน!
และเจ้าสำนักฉู่ก็รู้สึกว่าตนเองได้พูดผิดไปแล้ว เขาคาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าบุตรสาวของเฟิงอวิ๋นจะวิปริตและมีความน่าเกรงขามเหมือนกันไม่มีผิดเช่นนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สนใจอะไรแม้แต่น้อย!
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังฉู่หลีแล้วกล่าว “ศิษย์พี่ นั่นเป็นท่านพ่อของข้า! เพื่อท่านพ่อแล้ว ข้ายินดีที่จะเป็นศัตรูกับบุรุษทั่วทั้งใต้หล้า ข้าจะต้องบอกเขาว่าเขาไม่ได้ต่อสู้และพยายามแบกรับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวคนเดียวอีกแล้ว ข้ามาแล้ว ข้าอยู่ตรงนี้! ข้าจะต้องบอกเขาให้เร็วที่สุด!”
“ไม่ได้ จะทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด สาวน้อยซีเอ๋อร์ พวกเรามาหาวิธีใหม่กันเถอะ”
“ศิษย์น้อง ข้าจะขังเจ้าไว้!” ฉู่หลีเคารพการตัดสินใจของมู่เฉียนซีมาโดยตลอด ทว่าครั้งนี้…
“ศิษย์น้อง เจ้าจะรอศิษย์พี่อีกสักระยะหนึ่งได้หรือไม่?”
ฉู่หลีไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องฝึกฝนสักเท่าไร ควรจะกล่าวว่าคร้านที่จะใส่ใจเสียมากกว่า ทว่าบัดนี้ศิษย์นี้จะต้องไปเผชิญหน้ากับอันตราย เขาจึงตัดสินใจที่จะต้องเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง
ในขณะนั้นเอง สุ้มเสียงของอาถิงก็แว่วดังมา “หญิงอัปลักษณ์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! ยิ่งนับวันเจ้ายิ่งทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเวลานั้นคิดจะให้ข้ายื่นมือไปช่วยละก็ อย่าได้ฝันไปเลย!”
“ท่านพี่ไม่ต้องไปช่วยนางหรอก นางรนหาที่ตายเอง?”
มู่เฉียนซีกล่าว “อาถิง หากสู้ไม่ได้ก็แค่หนีไปก็เท่านั้น!”
“หนีอย่างนั้นรึ! หากเป็นกองกำลังระดับห้าก็ยังพอรับมือไหว ยังสามารถหนีได้ แต่เจ้าอย่าลืมว่า วิญญาณที่หิวกระหายชีวิตของเจ้าไม่รู้ถึงพลังของกองกำลังระดับห้าว่าเป็นเช่นไร การที่เจ้าปรากฏตัวอย่างมีชื่อเสียง เจ้าก็จะถูกรู้จักและค้นพบตัว ข้ากับพี่สาวยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ หากจะต้องต้านทานศัตรู เจ้าก็รอพบเจอกับหายนะได้เลย! แค่ขวัญหนีดีฝ่อก็นับว่าเมตตาเจ้าแล้ว!”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ซีเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงท่านพ่อของเจ้า! และนาน ๆ ครั้งที่ซีเอ๋อร์จะทำอะไรตามเจ้าตัวเองเช่นนี้ ข้าคิดว่าพวกเราควรสนับสนุนนาง…”
“ท่านพี่…”
อาถิงโกรธเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดท่านพี่จึงได้เข้าข้างหญิงโง่ผู้นี้ได้นะ
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “หากต้องปะทะกับเบื้องบนแล้ว ก็ไม่มีทางที่จิ่วเยี่ยจะไม่สนใจ คำสาปของเขายังไม่ได้ถูกถอนไปทั้งหมด และก่อนที่คำสาปจะถูกถอนไปจนหมด ก็ห้ามเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเป็นอันขาด”
และแน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยของมู่เฉียนซีแล้ว สุ่ยจิงอิ๋งก็ไม่มีทางปล่อยให้มู่เฉียนซีทำเรื่องเสี่ยงอันตรายตามอำเภอใจอย่างแน่นอน และนางก็ทำได้เพียงให้ผู้อื่นมาเกลี้ยกล่อมมู่เฉียนซีเท่านั้น
ในขณะนั้นเอง สุ้มเสียงอันเปี่ยมล้นไปด้วยความกระหายเลือดและเสน่หาก็ได้ดังขึ้น “ก็แค่สังหารศัตรูในแดนซวนเทียนให้ราบคาบก็พอแล้ว เจ้าแมวน้อย อย่างลืมสิว่าข้าก็ยังอยู่เคียงข้างเจ้านะ! ส่วนคนอื่นก็ฆ่าทิ้งไปให้หมด!”
“ไม่ว่านายท่านจะทำสิ่งใด มังกวารีก็จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ และยินดีที่จะช่วยนายท่าน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำของมังกรวารีแว่วดังมา
“คาดไม่ถึงว่าจะคึกคักเช่นนี้! เจ้าเด็กน้อยจะกลายเป็นนักปรุงยามือหนึ่งในใต้หล้าแล้ว และนั่นก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าสนับสนุนเจ้า” เสียงพราวเสน่ห์อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
การที่มู่เฉียนซีตัดสินเรื่องที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยพันธสัญญาจิตวิญญาณ ทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของทั้งสองฝ่ายได้
ครั้งแรกที่พบว่าพวกเขาทั้งห้าได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลแล้วนั้น มันก็ทำให้มู่เฉียนซีสงบลงเป็นอย่างยิ่ง นางเอนกายลงบนผืนหญ้า แล้วแหงนหน้ามองดูท้องนภา
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ายังมีจิ่วเยี่ย ข้ายังมีพวกเจ้า…”
“ข้าสามารถออกไปเสี่ยงอันตรายโดยที่ไม่ต้องสนอะไรได้ แต่ข้าไม่อาจลากพวกเจ้าออกไปเสี่ยงด้วยได้ ข้าคิดว่าพวกเราควรเปลี่ยนกลยุทธ์สักหน่อยแล้ว”
“ผู้มากความสามารถอันดับหนึ่ง นักปรุงยาอันดับหนึ่ง ข้าล้วนต้องการครอบครองมัน แต่ก็ต้องเปลี่ยนสถานะและก็นาม สามารถปิดบังได้มากเท่าใดก็เท่านั้น?”
“อาถิง! เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”
อาถิงกล่าวด้วยความหงุดหงิดใจ “ไม่ต้องมาถามข้าว่าเป็นอย่างไร? ข้าไม่อยากพูดคุยกับคนโง่อย่างเจ้า”
“เสี่ยวถิงจื่อคงอยากโดนสั่งสอน จึงได้กล้าพูดกับเจ้าหนูน้อยเช่นนี้!”
“เจ้าหนูน้อยเป็นคนที่เจ้าสามารถตะคอกใส่ได้อย่างนั้นรึ รนหาที่ตายจริง!”
“ทำแบบนี้พวกเจ้าไม่เคารพนายท่านเอาเสียเลย!” มังกรวารีกล่าวเตือน
.
.