ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1596 ค่อยเป็นค่อยไป
มู่เฉียนซีแจ้งไว้อย่างชัดเจนว่านางจะเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า เห็นได้ชัดว่านางต้องการจะโค่นล้มมู่หลินหลางลงให้จงได้
ต้องทราบก่อนว่า เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งผู้มากความสามารถที่เป็นหนึ่งในใต้หล้าไว้กับตน มู่หลินหลางได้กำจัดผู้มากความสามารถไปไม่น้อยในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
และการที่จะเป็นนักปรุงยามือหนึ่งในใต้หล้าได้นั้น ก็เป็นการเปิดศึกกับองค์รัชทายาทเป่ยกงอย่างชัดเจน!
องค์รัชทายาทเป่ยกงนักปรุงยาผู้มากความสามารถผู้นั้น เป็นดั่งเทพเซียนด้านการปรุงยาของแดนซวนเทียนมาโดยตลอด
ถึงแม้มู่เฉียนซีจะกล่าวว่านางจะปลอมแปลงใบหน้า และใช้ชื่อปลอม ทว่ามันก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดมากนัก อย่างไรเสียคนทั้งสองก็ไม่ใช่บุคคลที่จะยั่วยุได้!
ส่วนเรื่องชื่อปลอมนั้น…
ทันใดนั้นโม่ซวนก็ต้องตกตะลึงไปในทันที เฉินซี เฉินซี…เสียงอ่านนี้…
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญกระมัง!
โม่ซวนไม่ทราบจริง ๆ ว่าสิ่งใดที่กระตุ้นให้มู่เฉียนซีตัดสินใจทำเรื่องอันตรายเช่นนี้ขึ้น เมื่อเขาได้แน่ใจแล้ว และรู้ตัวดีว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของมู่เฉียนซีได้ เขาก็ทำได้เพียงปล่อยวางเท่านั้น!
ถึงยามนั้นหากนางพบเจอเรื่องที่อันตรายถึงชีวิต เขาก็จะไปขอร้องให้บิดาบุญธรรมเข้ามาช่วย!
หากนางสามารถเป็นที่หนึ่งในแดนซวนเทียน และทำให้มู่หลินหลางโกรธจนอกแตกตายได้ เมื่อลงคิดดูแล้วมันก็เป็นอะไรที่น่าสะใจไม่ใช่น้อย
มู่เฉียนซีทราบดีว่าการที่กว่าจะไปถึงจุด ๆ นั้นได้ และถึงแม้ว่าจะโค่นล้มมู่หลินหลางลงได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
อย่างไรเสียตอนนี้มู่หลินหลางก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด ในฐานะองค์หญิงแห่งราชวงศ์ตงหวงพลังกองกำลังระดับห้า ทั้งวรยุทธและอาวุธวิญญาณแต่ละชิ้นของนางก็ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น
หากเทียบพลังของมู่หลินหลางกับนางในตอนนี้ มันก็ยังห่างไกลกว่ากันเป็นเท่าทวี!
หากต้องการมุ่งไปให้ถึงเป้าหมาย ก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทีละก้าว
เจ้าสำนักฉู่รีบวิ่งเข้ามาแล้วกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นเต็มประดา “สาวน้อยมู่ การประลองผู้มากความสามารถของอาณาเขตหนานหลิงใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว จะเป็นผู้มากความสามารถที่หนึ่งในแดนซวนเทียนยังไม่ต้องรีบ เอาเป็นว่าเป็นผู้มากความสามารถที่หนึ่งในอาณาเขตหนานหลิงก่อนเป็นอย่างไร?”
เจ้าสำนักฉู่คิดว่าหากสาวน้อยมู่พบอุปสรรคครั้งใหญ่ในการประลองผู้มากความสามารถที่หนึ่งในอาณาเขตหนานหลิงแล้ว บางทีนางอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่ไปเสี่ยงอันตรายแล้วก็ได้
เขาปลีกวิเวกมานานหลายปี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้มากความสามารถในอาณาเขตหนานหลิงจะแกร่งกล้าสักหน่อย อย่าได้ทำให้เขาผิดหวังเชียว!
มู่เฉียนซีกล่าว “การจะเป็นผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งในอาณาเขตหนานหลิงในตอนนี้มันค่อนข้างยากนะ! ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่”
เจ้าสำนักฉู่กล่าว “หึ! เจ้าเองก็รู้นี่ ดังนั้นล้มเลิกความคิดที่จะออกไปเสี่ยงอันตรายได้แล้ว”
สุ้มเสียงเรียบเฉยของฉู่หลีแว่วดังขึ้น “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์น้อง”
“ศิษย์วัยหนุ่มสาวสำนักต่าง ๆ ในอาณาเขตหนานหลิงล้วนอ่อนแอทั้งสิ้น ตำแหน่งผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งต้องตกเป็นของศิษย์น้องอย่างแน่นอน” ฉู่หลีกล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าศิษย์บ้า เหตุใดเจ้าถึงชอบขัดใจข้าอยู่เรื่อย เจ้าอยากโดนดีใช่หรือไม่?”
ฉู่หลีกล่าว “ท่านสู้ข้าไม่ได้หรอก!”
เจ้าสำนักฉู่แทบจะกระอักเลือดออกมาประเดี๋ยวนั้น ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะพูดคุยกับฉู่หลีไป
“แล้วเจ้าจะไปหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องไปอยู่แล้ว!”
ผู้มากความสามารถในอาณาเขตหนานหลิงล้วนเริ่มทยอยมาลงชื่อเข้าร่วมการประลองกันแล้ว ผู้มากความสามารถแต่ละสำนักต่างก็เตรียมออกเดินทาง!
จีหว่านเหนียงกล่าว “ท่านพ่อ! ท่านโปรดวางใจ ข้าและน้องสองสามารถสังหารมู่เฉียนซีได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถคว้าตำแหน่งผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งในอาณาเขตหนานหลิงได้อีกด้วย”
เจ้าสำนักจีกล่าว “ข้าเชื่อว่าเจ้าและเอ้อร์เหนียงจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่! หากท่านพี่ได้พบกับมู่เฉียนซี ท่านพี่ห้ามปล่อยให้นางรอดไปได้เป็นอันขาด! ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ!”
ขณะกำลังเดินทางไปยังสถานที่ประลองผู้มากความสามารถอาณาจักหนานหลิง สวี่ฝูก็ได้จับตัวชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งไว้ แล้วพูดจาไม่หยุดหย่อน
ชายหนุ่มชุดดำกล่าว “วางใจเถอะ! ก็เพียงแค่เด็กผู้หญิงจากสำนักกองกำลังระดับสามเท่านั้น เดี๋ยวพี่จะจัดการนางให้เจ้าเอง”
ผู้มากความสามารถแต่ละสำนักพากันเดินทางมายังใจกลางเมืองใหญ่อาณาเขตหนานหลิง เมืองหนานเจ๋อ
ศิษย์สำนักลั่วเยว่จำนวนไม่น้อยก็ได้ติดตามมู่เฉียนซีและฉู่หลีมาด้วยเช่นกัน เมื่อเทียบกับคนวิปริตของสำนักทั้งสองแล้ว พวกเขาก็ยังด้อยกว่ามาก
แต่พวกเขาก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ ไปได้ไกลเท่าใดก็เท่านั้น จะทำให้คนในสำนักอับอายไม่ได้!
เห็นชัดว่าแถวของศิษย์จากสำนักในกองกำลังระดับสามนั้นสั้นเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าแถวของศิษย์จากสำนักในกองกำลังระดับสี่ยืดยาวราวกับหางว่าวก็มิปาน!
ทั่วทั้งสนามแทบจะเต็มไปด้วยศิษย์จากสำนักของกองกำลังระดับสี่ พวกเขาพากันส่งเสียงดังครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง…
ราวกับเกรงว่าผู้อื่นจะไม่ทราบว่าพวกเขาคือศิษย์สำนักของกองกำลังระดับสี่ก็มิปาน
“คนของสำนักฉางยวนมาถึงแล้ว!”
แน่นอนว่าในบรรดาสำนักต่าง ๆ ของกองกำลังระดับสี่ สำนักฉางยวนเป็นสำนักที่นอบน้อมถ่อมตนเป็นที่สุด
“แม่นางมู่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมา” เฉาหนานทอดมองไปยังมู่เฉียนซี แล้วกล่าวทักทาย
ศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักฉางยวนกล่าว “ท่านผู้อาวุโสมู่!”
“ท่านผู้อาวุโสมู่งามกว่าที่พวกเขาล่ำลือกันเสียอีก!”
“ได้ยินร้อยครั้งไม่เท่ากับเห็นด้วยตาครั้งเดียว หวังว่าข้าจะไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้กับผู้อาวุโสมู่นะ มิฉะนั้นข้าต้องแพ้อย่างน่าอนาถเป็นแน่”
จำนวนบุรุษและสตรีในสำนักฉางยวนห่างกันเป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่ได้พบเห็นหญิงงามเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นนักปรุงยารับเชิญของสำนักฉางยวนของพวกเขาด้วยแล้ว ดวงตาของแต่ละคนก็แทบจะลอยติดไปกับตัวมู่เฉียนซีอยู่รำไร
ทันใดนั้นฉู่หลีก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วกล่าว “อยู่ให้ห่างศิษย์น้องเข้าไว้ พวกเจ้ามันน่ารำคาญยิ่งนัก!”
กลิ่นอายความน่าเกรงขามของฉู่หลีทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงความอันตราย และพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าความตื่นเต้นทำให้เมื่อครู่พวกเขาแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป พวกเขาจึงรีบละสายตาจากมู่เฉียนซี แล้วถอยห่างออกไปในทันที
ผู้อื่นที่อยู่ถัดไปไม่ไกลก็รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย “น้อยนักที่ศิษย์สำนักฉางยวนจะสนิทสนมกับผู้อื่นเช่นนั้น ศิษย์แต่ละคนราวกับเป็นก้อนหินแข็งทื่อ เหตุใดจึงได้ดูสนิทสนมกับคนของสำนักกองกำลังระดับสามเช่นนั้นล่ะ?”
“ศิษย์สำนักกองกำลังระดับสามคนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนของสำนักลั่วเยว่นะ! ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร เป็นสำนักไร้ชื่อระดับต่ำของกองกำลังระดับสาม!”
สำนักในกองกำลังระดับสามก็มีการแบ่งความแข็งแกร่งและอ่อนแอเช่นกัน ระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง และแน่นนอนว่าระดับต่ำเป็นสำนักที่อ่อนแอที่สุด
“ไม่ว่าจะใช่กองกำลังระดับสามระดับต่ำหรือไม่ แต่การที่สามารถสนิทสนมกับศิษย์สำนักฉางยวนได้ก็นับว่าไม่ธรรมดา!”
เมื่อถึงเวลา สุ้มเสียงกึกก้องก็แว่วดังขึ้น
“ผู้เข้าร่วมการประลองผู้มากความสามารถในครั้งนี้ ให้ไปรวมตัวกันที่ลานใกล้ทะเลสาบหนานเจ๋อภายในหนึ่งเค่อด้วย หากมาสายจะนับว่าเป็นการสละสิทธิ์ในทันที”
วาจาของคนผู้นี้ทำให้ทุก ๆ คนต่างทำอะไรไม่ถูก เดิมทีพวกเขาก็อยากจะพักผ่อนกันสักหน่อย! คาดไม่ถึงว่าการประลองจะเกิดขึ้นรวดเร็วถึงเพียงนี้!
บ้างก็กำลังปลดทุกข์อยู่ ช่างน่าเวทนาเสียจริง!
“ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!” ร่างนับไม่ถ้วนได้พุ่งปรี่ไปยังทะเลสาบหนานเจ๋อด้วยความรวดเร็ว
บนท้องถนนมีผู้คน บนท้องนภาก็มีผู้คน บนหลังคาก็มีผู้คนวาบผ่านไปราวกับสายฟ้าก็มิปาน
มีผู้มากความสามารถจำนวนไม่น้อยที่สำแดงกระบวนท่าที่ล้ำเลิศออกมาให้เห็น เป็นการเปิดหูเปิดตาให้คนอื่น ๆ ไม่น้อย!
“ยอดเยี่ยมไปเลย! ผู้มากความสามารถในอาณาเขตหนานหลิงยุคสมัยนี้ไม่เลวเลยทีเดียว!”
“เจ้าดูนั่นสิ…”
“เร็วมากเลย!”
“……”
ทั่วทั้งเมืองหนานเจ๋อเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทุก ๆ คนล้วนรีบเร่งไปยังริมทะเลสาบหนานเจ๋อด้วยความรวดเร็วสุดกำลัง
ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสซึ่งกำลังเหาะเหินอยู่บนอากาศ ก็ค่อย ๆ ทะยานลงมาบนพื้นน้ำ
พวกเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มือฉกาจในระดับต่าง ๆ
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดกล่าว “สวัสดียามบ่าย ข้าคือเจ้าเมืองหนานเจ๋อ ผู้ดูแลการประลองผู้มากความสามารถในอาณาเขตหนานหลิงในครั้งนี้ ต่อไปนี้จะเป็นการคัดผู้ผ่านการเข้ารอบครั้งที่หนึ่ง”
“กฏิกาการแข่งขันในครั้งที่หนึ่งมีดังนี้ จากตรงนี้ไปจนถึงฝั่งตรงข้ามทะเลสาบหนานเจ๋อ หากทุก ๆ คนสามารถไปถึงตรงนั้นได้ภายในเวลาครึ่งชั่วยาม นับว่าผ่านการคัดเลือกในครั้งที่หนึ่ง หากไม่สามารถไปถึงได้ภายในเวลาครึ่งชั่วยาม กระนั้นก็นับว่าตกรอบ!”
ทุก ๆ คนล้วนตกตะลึงไปในทันที ก็เพียงแค่ข้ามทะเลสาบเท่านั้น มันจะง่ายอะไรถึงเพียงนี้!
อย่าแต่พวกเขาที่อย่างน้อยก็เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิวิญญาณเลย ถึงแม้จะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตหรือราชาแห่งภูตก็สามารถผ่านไปได้ในเวลาหนึ่งชั่วยาม ถึงแม้ทะเลสาบหนานเจ๋อจะคดเคี้ยวเลี้ยวลดเป็นอย่างยิ่งก็ตาม
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าว “ทุก ๆ คน! หากพวกเจ้าดูแคลนการแข่งขั้นในรอบนี้ละก็ ข้าขอบอกได้เลยว่าพวกเจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ” เจ้าเมืองหนานเจ๋อแหงนหน้ามองดูท้องนภา แล้วกล่าว “เมื่อข้ากล่าวว่าเริ่มได้ พวกเจ้าจึงจะสามารถไปได้ เตรียมตัวไว้ให้ดี!”
.
.