ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1600 พิการโดยสมบูรณ์
กระบี่มังกรเพลิงถูกนำออกมาอวดศักดาแล้ว เปลวเพลิงร้อนแรงราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งที่ขวางตรงหน้าได้ระเบิดออกมาภายในชั่วพริบตา
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
การโจมตีในครั้งนี้ทำให้ฉางอวี่ไม่มีแรงตอบโต้กลับแม้แต่น้อย!
ปัง!
ฉางอวี่ถูกบีบบังคับให้ลงจากแท่นประลองไปในที่สุด
สนามนี้มู่เฉียนซีเป็นฝ่ายชนะ!
การประลองได้ดำเนินติดต่อกันมาเจ็ดสนามแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผู้คนได้เห็นพลังและความน่าเกรงขามที่แท้จริงของมู่เฉียนซี
การที่ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักฉางยวนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ และศิษย์สำนักฉางยวนคนอื่น ๆ ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขนั้น ก็ไม่ได้เป็นเรื่องไร้เหตุผลแม้แต่น้อย
การประลองยังคงดำเนินต่อไป คู่ต่อสู้คนที่แปดของมู่เฉียนซีก็คือ จีหว่านเหนียง!
นี่ไม่ใช่การปะทะกันครั้งแรกระหว่างจีหว่านเหนียงและมู่เฉียนซี จีหว่านเหนียงไม่เคยดูแคลนพลังและความสามารถอันน่าประหลาดของมู่เฉียนซีแม้แต่น้อย
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มู่เฉียนซี วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้ต่อสายตาผู้คน ทำให้เจ้าพิกลพิการ ล้างแค้นให้น้องสามของข้า!”
แส้น้ำแข็งของนางได้ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นความหนาวเย็นก็เข้าปกคลุมไปทั่วแท่นประลองในทันที
“นะ…นี่มันอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี่!”
“ต้องเป็นอาวุธศักดิศิทธิ์แน่ ๆ คาดไม่ถึงว่าเจ้าสำนักฉางฮวนจะนำของสิ่งนี้ออกมาด้วย เห็นทีความหวังในการชนะของบุตรสาวของเขาในครานี้จะไม่ใช่น้อย ๆ”
“มันก็ไม่แน่หรอก เจ้าก็ได้เห็นพลังของมู่เฉียนซีแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ไอ้เห็นมันก็เห็นอยู่หรอก แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้มันไม่เหมือนกันนี่!”
นางทราบดีว่านางไม่อาจจัดการมู่เฉียนซีได้ง่าย ๆ แน่นอนว่านางจึงต้องนำอาวุธออกมาใช้!
ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของนางล้วนเต็มไปด้วยอุปกรณ์และอาวุธต่าง ๆ นับว่าเป็นการทุ่มเทของทั้งสำนักฉางฮวนเลยก็ว่าได้
มู่เฉียนซีจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
จีหว่านเหนียงลงมือจัดการด้วยด้วยความโหดเหี้ยม ภายในชั่วพริบตาลมหนาวก็ได้โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย!
แส้ของนางเส้นนั้นก็ได้กลายเป็นอสรพิศนับไม่ถ้วน และพร้อมใจกับพุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซี
“อสรพิษน้ำแข็งพันร่าง!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงและดุดัน มู่เฉียนซีก็ไม่คิดหลบหลีกแต่อย่างใด
แส้ของอีกฝ่ายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่มันจะร้ายกาจไปกว่ากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณของนางอย่างนั้นหรือ?
คิดมาเปรียบเทียบกับอาวุธวิญญาณของนาง เป็นอะไรที่ผิดมหันต์!
มู่เฉียนซีแกว่งกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกไป กระบี่อันแหลมคมก็ได้วาบผ่านไปกลางอากาศ!
“มังกรเพลิงพิฆาต!”
ปัง!
การปะทะกันในครั้งนี้ ทำให้อสรพิษน้ำแข็งพันร่างถูกมังกรเพลิงกลืนกินไปทั้งหมด
จีหว่านเหนียงก้าวถอยหลังไปหลายสิบก้าว ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว!
ร่างสีม่วงเริ่มเคลื่อนไหว มู่เฉียนซีพุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ทุก ๆ คนต่างกล่าวด้วยความตกใจจนตาเบิกโพลง “ความเร็วของนางสุดยอดไปเลย!”
“เร็วมาก! เร็วเกินไปแล้ว!”
เพียงแค่แส้ของจีหว่านเหนียงโบกสะบัด ขอบเขตของการโจมตีก็แผ่ขยายขึ้น ทำให้มู่เฉียนซีไม่อาจเข้าใกล้นางได้
โครม!
แส้ที่สะบัดออกไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง ได้ทำลายล้างไปรอบ ๆ บริเวณด้วยความรุนแรง ตราบใดที่มันสัมผัสมู่เฉียนซีได้ มู่เฉียนซีก็จะต้องตายในทันที!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เหมือนเดิมทุกประการเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็สามารถบุกเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สามารถหากระบวนท่าที่จะสยบการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด
เพียงแค่แขนเรียวได้โบกสะบัดไป พลังทำลายล้างก็ได้พุ่งเข้าไปในทันที!
“ทักษะโยวจั๋ว!”
โครม! เสียงของการปะทะดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว แส้ของจีหว่านเหนียงลอยคว้างออกไปไกล ร่างของนางก็ได้กลิ้งไปยังขอบแท่นประลอง
ตามร่างกายของจีหว่านเหนียงมีบาดแผลและโลหิตที่ไหลซึมอยู่ สีหน้าของนางปรากฎความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
“วิปริตจริง ๆ! สามารถมองท่าไม้ตายของอีกฝ่ายออกอย่างเฉียบขาดเช่นนี้เชียวรึ!”
“เพียงกระบวนท่าเดียวก็เผด็จศึกได้แล้ว”
“มองภายนอกแล้วอาจจะเป็นการโจมตีที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่เจ้าดูสภาพของคุณหนูใหญ่สำนักฉางฮวนสิ นางได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยนะ”
จีหว่านเหนียงกล่าว “ข้าไม่มีทางแพ้! ข้าไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!!”
“ระบำสังหารคลั่ง!”
โครม!
ความน่าเกรงขามของจีหว่านเหนียงค่อย ๆ เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นทีนางคงใกล้บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสี่ในอีกไม่ช้าแล้ว
ถึงแม้นางจะระเบิดพลังโจมตีที่แกร่งกล้าที่สุดออกไป มันก็ไม่อาจทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกระคายผิวได้แม้แต้น้อย
ส่วนมู่เฉียนซีก็ได้โจมตีด้วยกระบี่คู่ใจไปอีกหลายครา “บัวแดงพิฆาต!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
โครม!
การโจมตีอันแสนแข็งแกร่งก็ถูกทำลายลงแล้วเช่นกัน!
พรวด! ใบหน้าของจีหว่านเหนียงซีดเผือดเป็นอย่างยิ่ง นางกระอักเลือดออกมาหนึ่งกอง ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังคงไม่ยั้งมือ นางกล่าว “พวกเจ้าถือตนว่าเป็นสำนักในกองกำลังระดับสี่ แล้วยกพรรคพวกมาโจมตีสำนักลั่วเยว่! ถึงแม้ข้าจะยังไม่มีความสามารถกำจัดเคราะห์ร้ายไปจากสำนักลั่วเยว่ได้ในคราเดียว แต่เจ้าก็โชคไม่ดีเลยที่ต้องมาพบเจอคู่ต่อสู้อย่างข้า!”
“เช่นนั้นเจ้าก็จงกลายเป็นคนพิการไปเสียเถอะ!”
จีหว่านเหนียงทอดมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยดวงตาที่เบิกโพลงแล้วกล่าว “จะ…เจ้ากล้ารึ! มู่เฉียนซี เจ้ากล้ารึ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “มีอะไรให้ข้าไม่กล้ากัน?”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวจั๋ว!”
มู่เฉียนซีชำนาญในการโจมตีเป็นอย่างยิ่ง นางได้โจมตีจุดสำคัญต่าง ๆ ของจีหว่านเหนียงอย่างไม่ลังเล!
เมื่อจุดสำคัญตามร่างกายเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แม้กระทั่งเทพเซียนบนสวรรค์ก็ยากที่จะช่วยได้!
“อ้า!” เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังสนั่นไปทั่ว จีหว่านเหนียงสัมผัสได้ว่าเส้นเลือดเส้นประสาทของนางได้ขาดออกจากกันภายในชั่วพริบตา
“หยุดนะ!”
“มู่เฉียนซี เจ้าช่างบังอาจนัก เจ้ากล้าทำร้ายบุตรสาวของข้าอย่างนั้นรึ”
ในขณะนั้นเอง เจ้าสำนักจีซึ่งกำลังต่อว่ามู่เฉียนซีอยู่ในส่วนของผู้เข้าชม ก็แทบอยากจะพุ่งปรี่ขึ้นไปบนเวที แล้วจัดการมู่เฉียนซีไปประเดี๋ยวนั้น
ทว่าเจ้าเมืองหนานเจ๋อก็ได้เข้าไปห้ามการกระทำที่ผิดกฎกติกาของเจ้าสำนักจีในทันที
“ข้าขอกล่าวเตือนเป็นครั้งที่หนึ่ง หากเจ้าสำนักจียังคิดทำอะไรที่ผิดกฎกติกาอีก ทางเราก็จะทำการตัดสิทธิ์ในการแข่งขันของสำนักฉางฮวนทั้งหมด”
เจ้าสำนักจีกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “นะ…นางกล้าทำร้ายบุตรสาวของข้า ข้าจะทำให้นางไม่ตายดี! นางจะต้องไม่ตายดี!”
เจ้าสำนักฉางยวนกล่าว “นี่เป็นการประลอง! หากจะได้รับบาดเจ็บมันก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้! บุตรสาวของเจ้าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ แล้วเจ้าคิดจะให้บุตรสาวเจ้าทำร้ายผู้อื่นได้ฝ่ายเดียว และห้ามไม่ให้อีกฝ่ายทำอะไรบุตรสาวของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าสำนักจีช่างไร้เหตุผลสิ้นดี”
และในขณะเดียวกันนั้น มู่เฉียนซีก็ยังคงโจมตีต่อไป จีหว่านเหนียงกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวด นางไม่มีทางยอมแพ้อย่างเด็ดขาด!
“ไม่มีวัน!”
“ทักษะโยวจั๋ว!”
เมื่อถูกโจมตีอีกครั้ง จีหว่านเหนียงก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของกระดูกที่กำลังแตกสลาย!
ทุก ๆ คนต่างเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง นะ…นี่มันเป็นการบดขยี้ให้แหลกชัด ๆ
“อ้า!”
เจ้าสำนักจีกล่าว “ยอมแพ้! ยอมแพ้ซะ!”
“ไม่! ไม่! ข้าจะยอมแพ้มู่เฉียนซีได้อย่างไร ข้าไม่มีวันยอมแพ้อย่างเด็ดขาด!” จีหว่านเหนียงที่ใกล้จะเสียสติในอีกไม่ช้าก็ตะคอกออกมาเสียงดังลั่น
ในขณะนั้นเอง นางก็ได้จ้องมองแววตาสีดำขลับคู่หนึ่ง “ท่านพี่! ยอมแพ้ซะ!”
สุ้มเสียงเย็นชาสุ้มเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้น จิตใต้สำนึกของจีหว่านเหนียงก็แตกสลายไปในทันที
นางกล่าว “ข้ายอมแพ้!”
ทุก ๆ คนพากันจ้องมองไปยังสตรีในชุดสีดำทมิฬ ดวงตาของสตรีผู้นี้ดำขลับเสียยิ่งกว่าน้ำหมึก ราวกับจะดูดกลืนวิญญาณของผู้คนเข้าไปก็มิปาน
น่ากลัว! น่าเกรงขาม! นี่มันดวงตาอะไรกัน?
มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย ราวกับนางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันแกร่งกล้าและน่าเกรงขาม จากนั้นจึงจะเหลือบไปมองจีเอ้อร์เหนียง
ยามมู่เฉียนซีสาดส่องสายตาไปนั้น นางก็รีบหลุบใบหน้าลงในทันที
คนผู้นี้ไม่ธรรม! มู่เฉียนซีกล่าวในใจ
ฉู่หลีเองก็ได้สังเกตดูสตรีในอาภรณ์ตัวสีดำทมิฬอยู่เช่นกัน ดวงตาคู่นั้นน่าจะเป็นปีศาจดวงตากลืนวิญญาณ
เมื่อจีหว่านเหนียงยอมแพ้แล้ว มู่เฉียนซีก็ต้องหยุดการโจมตีลงในทันที
นางได้รับบาดเจ็บมากถึงเพียงนี้ ดูจากกำลังของสำนักฉางฮวนล้วน เกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจรักษาจีหว่านเหนียงให้กลับมาเป็นปกติดังเดิมได้อีก
คนของสำนักฉางฮวนก็รีบเข้ามาแบกร่างจีหว่านเหนียงลงจากแท่นประลอง
จีหว่านเหนียงทอดมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยความเคียดแค้น “เรื่องนี้จะจบเช่นนี้ไม่ได้! ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน”
ไม่นานนัก มู่เฉียนซีก็ได้ทำการประลองในสนามถัดไป!
“มู่เฉียนซีสำนักลั่วเยว่ และสวี่กังสำนักเล่ออันเชิญขึ้นมาบนแท่นประลอง!”
สวี่ฝูรู้สึกตื่นเต้นเต็มประดา “ท่านพี่ได้ประลองกับมู่เฉียนซีแล้ว เยี่ยมไปเลย! มู่เฉียนซีจะต้องตายอย่างแน่นอน”
“ท่านพี่ ท่านพี่จะปล่อยมู่เฉียนซีไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
แท้จริงแล้วสวี่กังก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับการที่ได้ประลองกับมู่เฉียนซีเหมือนน้องสาวขนาดนั้น ใบหน้าของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความเคร่งขรึม มู่เฉียนซีไม่ใช่บุคคลที่สามารถรับมือได้โดยง่าย เพียงแต่ผู้ที่จะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไป ก็คือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
.