ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1601 ความเมตตา
สวี่กังกล่าว “ชัยชนะของเจ้าจบลงเพียงเท่านี้!”
มู่เฉียนซีสามารถชนะติดต่อกันได้ สวี่กังเองก็ทำได้เช่นกัน!
ในบรรดาผู้ร่วมประลองหนึ่งร้อยคน น้อยนักที่จะมีผู้ชนะติดต่อกันแปดคนได้
“การประลองเริ่มได้!”
เมื่อสุ้มเสียงของผู้ตัดสินได้สงบลง สวี่กังก็พุ่งปรี่ออกไปอย่างรวดเร็ว!
เขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพุ่งตัวออกไปสวี่กังก็ชักกระบี่ออกมา ปลายกระบี่อยู่ห่างจากตัวมู่เฉียนซีเพียงสามชุ่นเท่านั้น
“นั่นมัน…”
ทุก ๆ คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในทันที!
“กระบี่ทะลวงมิติเล่มนั้นมัน กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นี่!”
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับมิติ จะต้องเป็นอาวุธสังหารที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน”
“……”
คุณสมบัติพิเศษของมิติเป็นอะไรที่ล้ำเลิศมากจริง ๆ
ผู้คนต่างคิดว่าไม่ว่าอย่างไรมู่เฉียนซีก็ไม่อาจหลบหลีกจากคมกระบี่นั้นได้
ผลปรากฏว่าสีหน้าของมู่เฉียนซีดูเรียบเฉยเป็นอย่างยิ่ง ครั้นคมกระบี่กำลังจะพาดผ่านทำให้อาภรณ์ของนางขาดวิ่น มู่เฉียนซีก็หายวับไปในชั่วพริบตา!
หายไปราวกับอากาศธาตุ!
นางสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณของดาบมิติของสวี่กัง ทว่ามันก็อ่อนแรงเสียเหลือเกิน แทบจะจางหายไปเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้แกร่งกล้าหรือน่าเกรงขามแต่อย่างใด
ทุก ๆ คนต่างพากันขยี้ตาด้วยความไม่อยากเชื่อ แล้วกล่าว “ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่! นั่นมันการเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา”
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์มิติ อาวุธศักดิ์สิทธิ์มิติอีกแล้ว ครั้งนี้พวกเรามาไม่เสียเที่ยวจริงๆ!ได้เห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดไปไม่น้อยเลย”
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังสวี่กังแล้วกล่าว “หากนี่เป็นที่พึ่งพิงของเจ้าล่ะก็ เช่นนั้นแล้วมันก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด”
น้ำเสียงที่ฟังดูไม่ได้จริงจังหรือหนักแน่นอะไรของมู่เฉียนซีทำให้สวี่กังรู้สึกแค้นเคืองเป็นอย่างยิ่ง!
“กระบี่สังหารคลั่ง!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
เมื่อพลังของคนทั้งสองได้สัมผัสต้องกัน ก็ทำให้เกิดการปะทะที่ดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ระดับขั้นของมู่เฉียนซีจะต่ำกว่าสวี่กังอยู่มาก ทว่าพลังในการต่อสู้ก็ไม่ได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจอมภูตทั้งสองใช้กระบี่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทำให้ผู้ชมทั้งหลายตาลายไปตาม ๆ กัน
ครืน ครืน!
ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีมากี่กระบวนท่า มู่เฉียนซีก็สามารถต้านทานไว้ได้ทั้งหมด สวี่กังจึงเพิ่มลูกไม้ในการโจมตีมากยิ่งขึ้นไปอีก
ยิ่งเขาใช้ลูกไม้ที่คิดไม่ซื่อ มู่เฉียนซีเองก็ยิ่งงัดลูกไม้ที่กลับกลอกยิ่งกว่าเขาออกมาใช้เช่นกัน!
ปัง ปัง ปัง!
ประกายแสงจากกระบี่กับเปลวเพลิงสีแดงฉานได้เข้าปะทะกันนับครั้งไม่ถ้วน ภายในชั่วพริบตาธาตุอัคคีก็ได้ระเบิดขึ้นอีกครา
“ข้า…ข้าได้เห็นสิ่งใดอยู่กันแน่?”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคี!”
“ไม่ใช่เพียงแค่กระบี่ของนางเท่านั้นที่แฝงไปด้วยธาตุอัคคี แต่ตัวนางก็มีธาตุอัคคีอยู่ด้วย!”
“พลังธาตุวิญญาณคู่! นั่นมันพลังธาตุวิญญาณคู่!”
น้อยนักที่มู่เฉียนซีจะเปิดเผยเรื่องที่นางเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่ อย่างไรเสียในดินแดนซวนเทียนก็ยังมีหมาบ้าบางกลุ่มที่ไล่ล่าคนที่มีพลังธาตุวิญญาณคู่
และหมาบ้าเหล่านั้นก็เป็นหมาที่มู่หลินหลางเลี้ยงไว้ด้วย!
เมื่อบัดนี้นางได้เปิดเผยตัวตนแล้ว ก็เท่ากับเป็นการดึงดูดให้หมาบ้าเหล่านั้นตามมาไล่ล่านาง
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่ พลังธาตุวารีอัคคี! สวรรค์!”
พลังอัคคีของมู่เฉียนซีเปิดฉากสงครามขึ้นอีกครั้ง สวี่กังไม่อาจตั้งรับได้เท่าที่ควร!
ปัง
โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็น ตามร่างกายของเขาล้วนเต็มไปด้วยบาดแผลและโลหิต
สวี่กังถอยหลบมาอยู่ข้างขอบแท่นประลอง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าเก็บซ่อนความสามารถไว้ลึกสุดใจจริง ๆ เพียงแต่…”
กลิ่นอายความน่าเกรงขามของสวี่กังก็ดูเหมือนจะแกร่งกล้าขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสี่!
รูปร่างของเขาราวกับเป็นภูตผีปีศาจตนหนึ่งก็มิปาน เขาค่อย ๆ ขยับเข้าหามู่เฉียนซีมากขึ้นเรื่อย ๆ
การเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีคล่องแคล่วและรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ภายในชั่วพริบตาเข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ปัง!
“ฮ่า ฮ่า! เจ้าสำนักสวี่ คาดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายของท่านจะเก่งกาจสามารถเช่นนี้! เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสี่เชียว!”
การที่เด็กวัยหนุ่มจากสำนักรั้งท้ายในกองกำลังระดับสี่ กลายเป็นบุคคลที่มากความสามารถเช่นนี้ได้ มันก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าสำนักสวี่หัวเราะพลางกล่าว “มิได้ มิได้! นี่เป็นเพราะโชคช่วยบุตรชายข้าทั้งนั้น”
สวี่ฝูกล่าว “มู่เฉียนซีต้องแพ้อย่างแน่นอน!”
ครืน ครืน!
การเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ส่วนการเคลื่อนไหวของสวี่กังก็นับว่ายังช้ากว่านางไปหนึ่งก้าว
ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ยกต่อกี่ยกแล้ว ทว่าผลลการประลองก็ยังครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้ข้อสรุปเสียที
“มู่เฉียนซี หากเจ้าแน่จริง เจ้าก็อย่าหลบสิ”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าโง่เง่าหรืออย่างไร ให้เจ้าผลาญพลังวิญญาณของตัวเจ้าเอง แล้วผู้ที่จะคว้าชัยชนะไปก็คือข้าเท่านั้น”
“พลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามอย่างเจ้าน่ะหรือจะมาผลาญพลังวิญญาณของข้า ฝันไปเสียเถอะ!”
การประลองอันแสนยาวนานยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ การต่อสู้ด้วยยาลูกกลอน ความอดทน และอาวุธวิเศษต่าง ๆ นับว่าเป็นการประลองรุ่นหนุ่มสาวที่ดุเดือดที่สุดเลยก็ว่าได้
ขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ทุก ๆ คนก็กล่าว “ดูเหมือนยาลูกกลอนของมู่เฉียนซีใกล้จะหมดแล้ว พลังวิญญาณก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว อาวุธศักดิ์สิทธิ์มิติเองก็ใช้ไม่ได้แล้วด้วย ความเร็วก็ลดลง แต่สวี่กังดูเหมือนจะมีแรงเหลืออยู่ เห็นทีการประลองในครั้งนี้สวี่กังจะเป็นฝ่ายชนะ”
คนอื่น ๆ ก็คิดเช่นนี้ไม่ต่างกัน เพียงแต่ผู้คนที่ทราบว่ามู่เฉียนซีเป็นนักปรุงยา ก็ไม่มีทางคิดแบบนั้นอย่างแน่นอน
ยามนักปรุงยาระดับศักดิ์สิทธิ์กำลังต่อสู้อยู่ในสนาม แล้วขาดแคลนพลังวิญญาณ เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?
พรึ่บ! กระบี่ได้พุ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว
สวี่กังกล่าว “กระบี่เพลงนี้ เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
กระบี่ของสวี่กังได้แปรเปลี่ยนเป็นประกายแสง และค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีเรื่อย ๆ
เมื่อได้เห็นการโจมตีจากกระบี่ของสวี่กังในครั้งนี้แล้ว ถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสในระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด ก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถหลบหลีกการโจมตีในครั้งนี้ได้หรือไม่?
มู่เฉียนซีแย่แล้ว!
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ไม่มีอะไรซับซ้อนแม้แต่น้อย ทักษะวิญญาณป้องกันของธาตุวารีอันสุดแสนจะอ่อนแอ ไหนเลยจะสามารถต้านทานเพลงกระบี่ในครั้งนี้ได้
ทุก ๆ คนต่างก็รู้สึกว่าตอนนี้มู่เฉียนซีได้กลายเป็นม้าตีนปลายไปแล้ว
แม้กระทั้งผู้ผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าฉู่หลีกลับมีสีหน้าที่เรียบเฉย ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นก็มิปาน
แกร่ก
เป็นอย่างที่ทุก ๆ คนคาดการณ์ไว้ โล่น้ำแข็งได้แตกออกแล้ว
กระบี่ที่พุ่งเข้ามา ทำให้ชุดกระโปรงของมู่เฉียนซีขาดวิ่น ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด!
ทุก ๆ คนเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง มันจะเป็นไปได้อย่างไร!
เป็นการป้องกันที่น่ากลัวจริง ๆ!
มู่เฉียนซีเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย นางก็ทะยานตัวขึ้นสู่กลางเวหาในทันที!
ผนึกได้พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว “ทักษะโยวจั๋ว!”
การโจมตีได้พุ่งตรงลงมาจากท้องนภา ทำให้สวี่กังไม่อาจหลบหนีไปที่ใดได้
เขาติดกับเข้าแล้ว!
“จะ…เจ้าโกง!”
ไม่ได้มีการผลาญพลังวิญญาณ และไม่ได้หลบหลีก ทว่านางได้หลอกล่อให้เขานำท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาใช้ ทำให้ละเลยการระมัดระวังตัว จากนั้นก็รอโอกาสเข้าโจมตี
ปัง!
ร่างของสวี่กังลอยคว้างออกไปไกล เขาได้ฟุบลงกับพื้น ราวกับเป็นโคลนตมไร้ค่าก็มิปาน อีกทั้งยังกระอักเลือดออกมาไม่หยุดอีกด้วย!
การโจมตีครั้งนี้ทำให้สวี่กังได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
เหตุการณ์กลับตาลปัตรอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุก ๆ คนอดรู้สึกประหลาดใขไม่ได้
“การโจมตีครั้งสุดท้ายนั่นนางทำได้อย่างไร! หรือนางจะใช้อาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์?”
“ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์หรอก ข้าสัมผัสถึงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เลย! ดูเหมือนว่า…ตัวนางนั่นแหละที่เป็นเกราะป้องกัน”
“อย่ามาโกหกข้าเลย หญิงสาวตัวน้อยบอบบางคนหนึ่ง จะฝึกฝนกระบวนท่าต่าง ๆ จนกลายเป็นคนวิปริตเช่นนั้นไปได้อย่างไร”
“ตัวน้อยบอบบางรึ! เจ้าใช้ตาดวงไหนดูว่านางบอบบางกัน?”
“ก็ภายนอกนางเป็นเช่นนั้นนี่นา แหะ แหะ แหะ!”
ในขณะนั้นเองเข็มยาสีดำสองเล่มก็ได้พุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว!
เป้าหมายก็คือดวงตาของมู่เฉียนซี ไม่ว่าการป้องกันจะแน่นหนาอย่างไร ก็ย่อมมีจุดอ่อนอยู่เสมอ
สวี่กังคิดว่าจุดอ่อนของมู่เฉียนซีก็คือดวงตาคู่นั้น
มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะเย้ยแล้วกล่าว “บาดเจ็บขนาดนั้นแล้ว ยังกล้าลอบโจมตีข้าอีกรึ!”
มู่เฉียนซีใช้นิ้วมือเรียวยาวหนีบแท่งเข็มอาบยาพิษทั้งสองเล่มไว้อย่างแม่นยำ
“คิดจะทำให้ข้าตาบอดรึ เช่นนั้นดวงตาของเจ้าก็ไม่จำเป็นเช่นกัน”
เมื่อถูกมู่เฉียนซีจ้องเขม็งมาเช่นนั้น สวี่กังก็อดรู้สึกหวาดกลัวเสียไม่ได้
เขา…เขายังไม่อยาก…
ครั้นเข็มอาบยาได้พุ่งออกไป เจ้าสำนักสวี่ก็ตะคอกขึ้นด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กบ้า ช่างบังอาจนัก! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ในขณะที่ทุก ๆ คนกำลังคิดว่าเข็มอาบยาพิษทั้งสองเล่มจะปักเข้าดวงตาของสวี่กัง สวี่กังเองก็คิดไม่ต่างจากพวกเขาเช่นกัน
คาดไม่ถึงว่าเข็มอาบยาพิษทั้งสองเล่มนั้นจะพุ่งเข้ามาปักหลังมือของเขาแทน
จากพลังของมู่เฉียนซีแล้ว การที่จะจัดการกับสวี่กังซึ่งไร้พลังให้หลบหลีกไม่ได้อีกต่อไป นางจะจัดการเขาไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน สวี่กังมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ไร้ความเมตตา ทว่าครั้งนี้มู่เฉียนซีคงจะเมตตาเขา จึงไม่คิดปลิดชีพเขาแต่อย่างใด
.
.