ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1605 วางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ท่าทางของเจ้าเมืองหนานเจ๋อทำให้ผู้คนต่างรู้สึกว่า สำนักที่ถูกเจ้าเมืองหนานเจ๋อขานชื่อ จะต้องพบเจอกับอุปสรรคใหญ่หลวงอย่างแน่นอน
ท่านเจ้าเมืองหนานเจ๋อเริ่มขานเรียกชื่อ “สำนักลั่วเยว่!”
ในบรรดาสำนักต่าง ๆ สำนักที่โดดเด่นมากที่สุดในการแข่งขันผู้มากความสามารถในครั้งนี้ ก็จะถูกขานเรียกเป็นลำดับแรก และสำนักนั้นก็คือสำนักลั่วเยว่
“สำนักฉางฮวน!”
“……”
คนของสำนักที่ถูกเรียกขานชื่อ ห้ามออกไปแม้แต่คนเดียว และแน่นอนว่าสำนักที่ไม่ถูกเรียกขานชื่อ ก็รีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าสำนักฉางยวนกล่าว “แท้จริงแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก ก็แค่ปรับเงินก็เท่านั้น! เจ้านั่นโลภอย่างกับอะไรดี”
จากนั้นเจรจากันไปเจรจากันมา สำนักลั่วเยว่ก็ถูกจัดไปอยู่ในลำดับท้าย ๆ
เมื่อมู่เฉียนซีพบว่าสีหน้าของเจ้าสำนักแต่ละสำนักที่เดินออกมา ล้วนดูอึดอัดคับข้องใจ นางก็ทราบได้ในทันทีว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
จากนั้นเจ้าสำนักสวี่แห่งสำนักเล่ออันก็ได้เดินออกมา
เขาทอดมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ส่งยาถอนพิษมาให้ข้า”
“อาวุธลับนั่นเป็นของสำนักเล่ออัน! แล้วข้าจะไปมียาถอนพิษได้อย่างไร?” มู่เฉียนซีกล่าวน้ำเสียงเรียบเฉย
สีหน้าของเจ้าสำนักสวี่ค่อย ๆ คล้ำทมิฬยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ “ได้! เจ้ามันอวดดีนัก! ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปเป็นแน่”
“มู่เฉียนซี มู่เฉียนซี มานี่เดี๋ยวนี้!” ในขณะนั้นเอง เจ้าเมืองหนานเจ๋อก็ตะคอกออกมาเสียงดังลั่น
ผู้ที่ถูกเรียกให้เข้าไปหาไม่ใช่ผู้อาวุโสใหญ่ และไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่ แต่เป็นมู่เฉียนซี
ทันทีที่มู่เฉียนซีเดินเข้าไป เจ้าเมืองหนานเจ๋อก็ทอดมองมาที่มู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก เขากล่าว “เจ้าเองก็รู้ว่าครั้งนี้เจ้าใช้พลังโจมตีมากเกินไป ทำให้เมืองหนานเจ๋อของข้าเสียหายไปมากเท่าไรรู้หรือไม่?”
“ใครก็ได้เข้ามาซิ! มารายงานค่าเสียหายให้นางฟัง!”
ผู้ทำบัญชีคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา แล้วเริ่มรายงานค่าเสียหายต่าง ๆ และเมื่อได้ฟัง มู่เฉียนซีก็ต้องร้องตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึงในทันที!
“เป็นอะไรไป? เจ้าคิดจะเบี้ยวหนี้รึ! หากเจ้าไม่ชดใช้ วันนี้เจ้าก็อย่าได้คิดออกจากเมืองหนานเจ๋ออีกเลย!” เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าวข่มขู่
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าเมืองหนานเจ๋อ ท่านเพียงแค่บอกจำนวนมาก็พอแล้ว แล้วท่านก็ไปเบิกเงินกับไป๋เจ๋อก็แล้วกัน อย่างไรเสียเขาก็มีเงิน เงินของข้าส่วนใหญ่ก็อยู่ที่เขาทั้งนั้นแหละ”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อตกตะลึงไปในทันที “เจ้า…”
“ตอนที่ข้ากำลังประลองอยู่นั้น ท่านเจ้าเมืองหนานเจ๋อก็คอยสังเกตข้าเป็นพิเศษ ท่านคิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?”
“หึ!” เจ้าเมืองหนานเจ๋อเปล่งเสียงที่ฟังดูไม่พึงพอใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็บ่นพึมพำขึ้น “เจ้าจิ้งจอกน้อย เจ้าเล่ห์นัก”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าว “การแข่งขันผู้มากความสามารถในครั้งนี้ เจ้านับว่าโดดเด่นที่สุดแล้ว! เพียงแต่ไม้ที่สูงที่สุดในป่าย่อมถูกสายลมพัดจนโค่นล้มก่อนเสมอ การเดินทางกลับไปยังสำนักลั่วเยว่ของเจ้าในครานี้ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย! ถึงแม้เจ้าจะเดินทางกลับไปยังสำนักลั่วเยว่ได้อย่างปลอดภัย ข้าก็เกรงว่าสำนักลั่วเยว่จะไม่อาจคุ้มกันเจ้าได้ หรือไม่เจ้าก็อยู่ที่เมืองหนานเจ๋อนี้ไปเลยเป็นอย่างไร”
“เมืองหนานเจ๋อก็น่าจะขวางพวกเขาไว้ได้สักระยะหนึ่ง!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณในความหวังดีของท่านเจ้าเมืองหนานเจ๋อมาก ในเมื่อครั้งนี้ข้าได้ระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว ข้าก็ได้คิดถึงผลที่จะตามมาแล้วเช่นกัน! ตอนนี้ข้าไม่กลัวว่าพวกเขาจะทำอะไรข้าหรอก กลัวเพียงพวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรข้ามากกว่า”
“เจ้า…” เจ้าเมืองหนานเจ๋อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “บอกกับคุณชายไป๋เจ๋อว่าทุกสิ่งอย่างจะดำเนินไปตามแผนเดิม! ข้าจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าว “ดูเหมือนจิ้งจอกน้อยอย่างเจ้าจะได้เตรียมการวางแผนมาก่อนแล้วสินะ เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของข้าอีก!”
“เพียงแต่ เรื่องชดใช้เงินนั้นห้ามขาดแม้แต่อีแปะเดียว!ข้าไม่อยากไปทวงเงินจากจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ตัวอื่นแล้ว เจ้าจงนำเงินมาให้ข้าเสียดี ๆ!”
“ตอนนี้ข้าไม่ได้พกเงินมามากมายขนาดนั้น!”
“ไม่มีเงิน เช่นนั้นข้าก็จะกักตัวเจ้าไว้ชดใช้หนี้ที่เมืองหนานเจ๋อก่อน เมื่อใดที่ชดใช้เงินจนหมดแล้วก็ค่อยกลับไป”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อเป็นคนเห็นแก่เงิน ถึงแม้มู่เฉียนซีกล่าวว่านางจะต้องไม่เป็นอะไร แต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี!
บางคนที่เกิดคลั่งขึ้นมา มันก็น่ากลัวไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่มีเงิน มีแต่ยาลูกกลอน! ใช้ยาลูกกลอนค้ำประกันก่อนเป็นอย่างไร!”
มู่เฉียนซีนำสมุนไพรวิญญาณออกมาสามขวด เจ้าเมืองหนานเจ๋อจึงคว้าขวดยาเหล่านั้นมาแล้วกล่าว “หากเป็นยาลูกกลอนธรรมดา เจ้าก็อย่าได้คิดนำมาค้ำประกันอะไรทั้งสิ้น! อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์!”
กลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ ก็ได้โชยมา “ยา…ยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์จริงๆด้วย!”
“ท่านเจ้าเมือง นั่นเป็นยาลูกกลอนชั้นดีเชียว!”
“ท่านเจ้าเมือง แบ่งให้ข้าสักนิดจะได้หรือไม่! ท่านจะฮุบไว้เองคนเดียวไม่ได้นะ!”
“ข้าก็ต้องมีส่วนแบ่งด้วย!”
คนเหล่านี้แทบจะเข้าไปสูบเลือดสูบเนื้อท่านเจ้าเมืองผู้โลภมากอยู่รำไร!
“พวกเจ้าจงหลีกไป นี่มันของของข้า…นี่คือ…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านเจ้าเมือง ดูเหมือนท่านจะยอมรับสิ่งของค้ำประกันนี่นะ! เช่นนั้นข้าขอตัวลา”
เมื่อมู่เฉียนซีกลับออกไปแล้ว ฉู่หลีก็ได้ตามนางออกไปเช่นกัน
“ศิษย์พี่ ข้ามีเรื่องจะปรึกษา”
เมื่อปรึกษาเสร็จแล้ว ฉู่หลีจึงจะเดินออกมาอย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้บรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง สำนักลั่วเยว่ซึ่งเป็นสำนักในกองกำลังระดับสามของพวกเขา บัดนี้ได้มีผู้มากความสามารถที่เก่งกาจถึงสองคน แต่พวกเขาก็ไม่กล้ารับรองว่า ความสามารถที่พวกเขามีจะสามารถปกป้องคนทั้งสองไว้ได้หรือไม่!
เขามองไปยังฉู่หลี ก่อนที่จะออกเดินทาง ฉู่หลีก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว
ไม่ว่าอย่างเขาก็จะต้องคุ้มกันเด็กน้อยเหล่านี้ให้กลับถึงสำนักอย่างปลอดภัย
สัตวศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาได้ออกจากเมืองหนานเจ๋ออย่างรวดเร็ว
บัดนี้พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีได้กระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง ยามที่พวกเขาออกเดินทางนั้น มู่เฉียนซีก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนลอบมองพวกเขาอยู่
เมื่อเดินทางออกจากเมืองหนานเจ๋อได้ครู่หนึ่งแล้ว ผู้ที่เร้นกายอยู่ในความมืดก็ได้ลงมือจัดการมู่เฉียนซีในทันที
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกระโจนเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ผู้ที่นำอยู่เบื้องหน้าคือเจ้าสำนักจี เขาทอดมองไปยังผู้อาวุโสสูงสุดแล้วกล่าว “มู่เฉียนซีทำร้ายบุตรสาวของข้าจนพิการไปหนึ่งคน อีกทั้งยังทำให้บุตรสาวของข้าอีกคนต้องเจ็บหนัก แค้นนี้ข้าจะชำระให้สาสม! หากพวกเจ้าไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว ข้าก็จะปล่อยให้พวกเจ้ากลับสำนักไปอย่างปลอดภัย แต่หากพวกเจ้าจะเข้ามายุ่ง เช่นนั้นก็จงรอความตายได้เลย!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “เจ้าสำนักจี บทเรียนในคราก่อนยังไม่เพียงพออีกหรือ? หากท่านกล้าทำร้ายสาวน้อยมู่ เช่นนั้นสำนักของพวกข้าก็ไม่อาจปล่อยพวกท่านไปได้เช่นกัน! ไม่เช่นนั้นก็ตายกันไปข้าง!”
เจ้าสำนักจีกล่าว “พวกเจ้าก็แค่ไปขอความช่วยเหลือจากสำนักอื่นมาก็เท่านั้น พวกเจ้าคิดว่าข้ากลัวพวกเจ้าหรืออย่างไร? สำนักของข้าได้เสริมกำลังค่ายกลป้องกันให้แข็งแรงขึ้นแล้ว พวกเจ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้หรอก”
“ฆ่ามัน!”
เจ้าสำนักจีไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอีก และได้ออกคำสั่งไปในทันที
เป้าหมายที่พวกเขามุ่งโจมตีเป็นส่วนใหญ่ก็คือมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “อู๋ตี๋ เสี่ยวหง ออกมา!”
ร่างร่างหนึ่งได้วาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีได้พุ่งทะยานไปด้วยความเร็วเต็มอัตรา
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “คิดจะฆ่าข้า ก็ตามข้าให้ทันก่อนแล้วค่อยมาพูด!”
“สาวน้อยเฉียนซี!”
เมื่อพบว่ามู่เฉียนซีได้หลอกล่อคนเหล่านั้นไปเพียงลำพัง ผู้อาวุโสสูงสุดก็รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง และเตรียมที่จะไล่ตามไป
เงาดำวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของฉู่หลีเย็นชาดุจแดนน้ำแข็ง เขาชักกระบี่ออกมา แล้วแทงทะลุดวงใจของคนสำนักฉางฮวนไปหนึ่งคน
จากนั้นเขาก็ได้ทำการสังหารอย่างไร้ปราณี!
ท่วงท่านั้นเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง ทว่ามันก็น่ากลัวเกินบรรยาย
เขากล่าวกับผู้อาวุโสสูงสุด “ไม่ต้องไล่ตามศิษย์น้องไปหรอก ศิษย์น้องได้วางแผนไว้นานแล้ว”
เขาจ้องมองร่างของมู่เฉียนซีที่หายวับไปต่อหน้าต่อตาเขา สีหน้าของเขาค่อย ๆ เย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมีระดับขั้นที่เท่ากันหรือมากกว่า เขาก็สังหารอย่างไม่เลือกหน้า!
“สัตว์…สัตว์ประหลาด…” ก่อนที่ผู้อาวุโสสำนักฉางฮวนเหล่านั้นจะสิ้นใจ เขาก็ได้จ้องมองฉู่หลีด้วยดวงตาที่เบิกโพลง
นอกจากคนที่ไล่ตามมู่เฉียนซีไปแล้ว คนของสำนักฉางฮวนเหล่านั้นก็ถูกฉู่หลีสังหารไปจนหมดสิ้น
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ฉู่หลี รีบตามสาวน้อยมู่ไปเร็วเข้า! นางตัวคนเดียวมันอันตรายเกินไป!”
ฉู่หลีกล่าว “กลับสำนัก!”
“อะไรนะ? กลับสำนักอย่างนั้นรึ!” ผู้อาวุโสสูงสุดแทบไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด แม่สาวน้อยเฉียนซีเป็นคนแรกที่สามารถทำให้ฉู่หลีผู้แสนเย็นชา ห่วงใยและเอาใจใส่ผู้อื่นได้เป็นคนแรก ทว่าในยามที่นางตกอยู่ในอันตราย ฉู่หลีกลับสั่งให้พวกเขาถอยห่าง?
ฉู่หลีพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่! กลับไป พวกเราจะกลับสำนัก! แล้วปลีกวิเวก!”
.