ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1609 หงส์นิลกะเทาะเปลือก
สุ้มเสียงที่ไร้ซึ่งความเป็นกังวลของฉู่หลี ทำให้เจ้าสำนักฉู่สงบสติอารมณ์ลงได้
ต้องเข้าใจก่อนว่าเจ้าเด็กนี่ปฏิบัติกับมู่เฉียนซีดีกว่าเขาเป็นเท่าทวี ทำให้คนเฒ่าคนแก่อย่างเขาต้องใจแตกสลายกลายเป็นผุยผง
เจ้าสำนักฉู่กล่าวด้วยความตื่นเต้น “จริงหรือ? ฉู่หลีเจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่!”
“หากท่านอยากพบเจอศิษย์น้องเร็ว ๆ ก็อย่าได้รบกวนการปลีกวิเวกและเพิ่มพูนพลังของข้า” ฉู่หลีกล่าว
เจ้าสำนักฉู่กล่าว “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบว่าเจ้าต้องการฝึกฝนพลังอย่างจริงจังเช่นนี้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ!”
อย่างไรเสียคนอย่างเจ้าเด็กนี่ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่เคยคิดที่จะสนใจใยดีทั้งนั้น
เรื่องของพลังไม่จำเป็นต้องตั้งใจไปฝึกฝนก็เพิ่มพูนขึ้นรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกอิจฉายิ่งนัก
โม่ซวนเป็นคนรอบรู้ข่าวสารมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อได้รับรู้เรื่องราวแล้ว เขาก็ตกตะลึงไปในทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ? มู่เฉียนซีนาง…”
“เป็นไปไม่ได้!”
การร่วมมือระหว่างเขาและมู่เฉียนซีเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน ก็จะเกิดเรื่องขึ้นกับมู่เฉียนซีแล้วหรือ สำหรับเขาแล้วเรื่องราวในครั้งนี้ก็นับว่าส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง
“จากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือแล้ว การตกลงไปในรอยแยกมิติ เกรงว่าจะ…”
แน่นอนว่าโม่ซวนทราบดีว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ในขณะนั้นเอง สตรีในอาภรณ์สีแดงดุจเปลวเพลิง รูปร่างเย้ายวนร้อนแรงก็ได้เดินเข้ามาและกล่าวว่า “สีหน้าของเจ้าแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน! เจ้านายของข้าจะเป็นอะไรไปได้อย่างไร การร่วมมือระหว่างกันยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ”
“เจ้านายกล่าวไว้แล้วว่า เมื่อพบเจอกันคราหน้า เจ้านายก็อาจจะมาในสถานะหรือตัวตนอื่น!” เหลิ่งหนิงจือทอดมองไปยังโม่ซวนแล้วกล่าว
เหลิ่งหนิงจือเชื่อมั่นในเจ้านายของตนเองเป็นอย่างยิ่ง อันตรายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ได้ส่งผลอันใดกับเจ้านายของนางแม้แต่น้อยเลย?
โม่ซวนกล่าว “ตัวตนอีกตัวตนหรือ!”
เขาทราบดีว่านางจะปรากฎตัวมาในตัวตนใด!
ในยามที่นางตัดสินใจว่าจะก้าวเดินออกไป นางก็คงจะคิดและตัดสินใจมาดีแล้ว!
ในที่สุดโม่ซวนก็วางใจ เขากล่าว “เมื่อนางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง หอหมอปีศาจจะไม่ทำให้นางต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”
“เยี่ยมไปเลย!” เหลิ่งหนิงจือกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
…
มิติพายุได้แฉลบผ่านตัวมู่เฉียนซีไป
“สุ่ยจิงอิ๋ง ตอนนี้เหตุการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?” มู่เฉียนซีเอ่ยถาม
“มิติที่อยู่รอบกายล้วนปั่นป่วนเป็นอย่างยิ่ง มันห่างไกลกับแดนซวนเทียนมาก เมื่อกระแสลมสงบลงสักหน่อยแล้ว ข้าจะส่งเข้าไปยังแดนซวนเทียนเอง” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ได้!”
เมื่อมีสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ ความมืดมิดและปั่นป่วน รวมไปถึงภัยอันตรายทั้งสี่ทิศ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด
ครืน ครืน!
ความเวิ้งว้างที่อยู่เบื้องหน้า ได้ปรากฎรอยแยกมิติเป็นพันเป็นหมื่นสาย
ปลายทางของรอยแยกมิติเหล่านี้ อาจจะสามารถไปโผล่ในโลกอื่น ๆ ได้ หรือบางทีก็อาจจะนำพาไปพบเจอความหายนะได้เช่นกัน
แกร่ก!
แหวนเทพวารีมังกรได้ส่งสัญญาณการเคลื่อนไหวมาแล้ว
มู่เฉียนซีได้ใช้พลังจิตตรวจสอบดู ก็พบว่าชิงอิ่งกำลังหลับใหล การเคลื่อนไหวนี้ต้องเป็นของไข่ใบสีดำใบนั้นอย่างแน่นอน
เนื่องจากชิงอิ่งได้ทำการล้างบาปให้พลังชีวิตของตนเองมาระยะหนึ่ง ทำให้ไข่ใบนั้นได้รับโอกาสใหม่ สภาพในตอนนี้ก็เกรงว่ามันจะกะเทาะออกมานอกเปลือกแล้วกระมัง
ทว่าตอนนี้นางก็อยู่ในมิติอันเวิ้งว้าง ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมในการฟักออกมาสักหน่อย
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “ซีเอ๋อร์ ไม่เป็นไร! ข้าสามารถควบคุมมันได้”
มู่เฉียนซีจึงได้ล้วงเอาไข่หงส์นิลออกมาจากมิติ ทันทีที่นำออกมา เปลือกไข่ก็กะเทาะออกด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
โพละ! เมื่อเสียงแตกนี้จางลง ไข่หงส์นิลก็แตกออกอย่างสมบูรณ์ หัวเล็ก ๆ สีดำขลับได้โผล่ออกมาก่อนสิ่งใด
ดวงตาราวกับไข่มุกสีนิลดวงนั้นได้จ้องมองมายังมู่เฉียนซี ก่อนจะร้องเรียก “แม่จ๋า…แม่จ๋า…”
มู่เฉียนซีลูบหัวของมันอย่างนุ่มนวลแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า”
“พี่สาว…พี่สาว…แกร่ก…แม่จ๋า…แกร่ก…”
มันส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว พลางกะเทาะเปลือกไข่ออกไปอย่างช้า ๆ
เปลือกไข่สีนิล
แม้ว่าเจ้าตัวน้อยนี้จะเพิ่งลืมตาดูโลก แต่ความรวดเร็วของมันก็ช่างสุดยอดมาก ไม่นานนักมันก็กระเทาะเปลือกไข่ที่อยู่บนฝ่ามือของมู่เฉียนซีออกไปจนเกลี้ยง
เมื่อกะเทาะเปลือกไข่เรียบร้อยแล้ว ก็ทำให้พละกำลังของมันเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้มันได้รับความทรงจำบางส่วนที่ได้รับการสืบทอดมาด้วย
มันร้องเรียก “นายท่าน…นายท่าน…”
ก่อนหน้านี้ได้เรียกผิดไปถึงสามครา ครานี้จึงจะถือว่าเรียกถูกเสียที
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “เจ้าจะรับข้าเป็นเจ้านายอย่างนั้นหรือ?”
ถึงแม้นางจะต้องการสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาสักตัว ทว่านางก็เคารพในการตัดสินใจของเจ้าตัวน้อยนี่
“ต้องการ…”
“ชอบ! ข้าชอบมาก!”
มันใช้หัวที่มีขนขึ้นหรอมแหรมถูไถไปตามฝ่ามือของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ดี! พวกเรามาทำพันธสัญญากัน”
เข็มเรียวเล็กได้จิ้มทะลุผิวบนนิ้วมือของมู่เฉียนซี โลหิตสีแดงสดหนึ่งหยดไหลออกมา พันธสัญญาในครั้งนี้มีมู่เฉียนซีเป็นผู้นำ การลงนามในครั้งนี้คือพันธสัญญาจิตวิญญาณ
เจ้าหงส์นิลตัวนี้ไม่ได้มีความคิดที่จะขัดขืนแต่อย่างใด การทำพันธสัญญาในครั้งนี้จึงสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากมันเพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน มันจึงมีความสนิทสนมและเข้ากันได้กับมู่เฉียนซีเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นมันเองจึงได้รับผลประโยชน์ไปไม่น้อย
พลังวิญญาณที่สะท้อนกลับของมู่เฉียนซี ทำให้เจ้าหงส์นิลที่เพิ่งเกิดมาตัวนี้ได้รับพลังวิญญาณที่มันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าตัวน้อยยังไม่มีชื่อเรียกใช่หรือไม่? อยากได้ชื่อเรียกสักชื่อหรือไม่ล่ะ?”
เมื่อได้ยินวาจานี้ อู๋ตี้และเสี่ยวหงที่อยู่ในมิติก็พากันหัวเราะชอบใจบนความทุกข์ของผู้อื่นในทันที
เสี่ยวหงกล่าว “ข้าขอพนันเป็นแกนวิญญาณสัตว์เทพหนึ่งแกน เจ้าตัวน้อยนั่นจะต้องมีนามว่าเสี่ยวโม่อย่างแน่นอน”
ครั้นหวนนึกที่มาของนามตนเอง มันก็ง่ายมากที่จะคาดเดา นายท่านช่างมีความสามารถในการตั้งชื่อจนทำให้สัตว์เทพกระอักเลือดได้ดีจริง ๆ
อู๋ตี้กล่าว “ข้าว่านายท่านจะต้องไม่เลือกทางนั้นอย่างแน่นอน ข้าขอพนันด้วยแกนวิญญาณสัตว์เทพหนึ่งแกน เจ้าตัวน้อยจะต้องชื่อว่าโม่เหมาเหมาอย่างแน่นอน”
เสี่ยวหงกระตุกยิ้มมุมปาก “สู้ชื่อว่าเสี่ยวโม่ก็ไม่ได้!”
อู๋ตี๋กล่าว “จะว่าไปแล้ว เจ้าจะนำแกนวิญญาณมาจากที่ใด?”
“ติดไว้ก่อนก็แล้วกัน! เจ้าเองก็ไม่มี อีกอย่างคนที่ชนะก็ต้องเป็นข้าอย่างแน่นอน”
“ข้าชนะเห็น ๆ”
มู่เฉียนซีไม่ได้ยินบทสนทนาของเจ้าสองตัวนี้แต่อย่างใด เมื่อทอดมองไปยังดวงตาอันสุดแสนจะน่ารักน่าเอ็นดูที่จ้องมองมาที่นางแล้ว มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าหากตั้งชื่อที่ไม่น่าฟังให้ นางคงจะรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน
เมื่อครุ่นคิดไปได้ครู่หนึ่งแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าว “เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวโม่โม่ก็แล้วกัน”
“ชอบ! ข้าชอบมากเลย ข้ามีชื่อแล้ว เสี่ยวโม่โม่มีชื่อแล้ว”
เสี่ยวโม่โม่สยายปีกออกมาแล้วโบยบินไปรอบ ๆ ไหล่ของมู่เฉียนซีสองสามรอบ มู่เฉียนซีกล่าว “ระวังด้วย อย่าได้ออกห่างจากเขตที่สุ่ยจิงอิ๋งคุ้มครองอยู่”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เสี่ยวหงก็อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่าน! เหตุใดต้องเพิ่มมาอีกหนึ่งพยางค์ด้วยล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าก็คงชนะไปแล้ว!”
อู๋ตี๋กล่าว “เหตุใดจึงไม่ชื่อว่าเสี่ยวเหมาเหมาล่ะ!”
ทั้งสองจึงเสมอกันไปโดยปริยาย อู๋ตี้หัวเราะแล้วกล่าว “ฮ่า ๆ ๆ! เหตุใดในตอนนั้นนายท่านถึงไม่ตั้งชื่อให้เจ้าว่าเสี่ยวหงหงล่ะ!หากชื่อเสี่ยวหงหงก็คงจะดีไม่น้อย”
เสี่ยวหงอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ โชคดีที่ในตอนนั้นนายท่านไม่ได้มีความคิดแปลกประหลาดขึ้นมา
เสี่ยวโม่โม่ค่อย ๆ ร่อนลงมายังไหล่บางของมู่เฉียนซี ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็ได้ปรากฎรอยแยกมิติจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาอีกครา!
มันรีบเข้าไปหลบหลังเส้นผมดำสลวยของมู่เฉียนซีด้วยเนื้อตัวที่สั่นงันงก เห็นได้ชัดว่ามันตกใจไม่น้อย จากนั้นก็ราวกับว่ามันสามารถสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างได้ ครั้นชะโงกหน้าออกมามอง มันก็ได้จ้องเขม็งไปยังรอยแยกที่ยังไม่ได้ปิดสนิทเส้นหนึ่ง
“นายท่าน…นายท่าน เสี่ยวโม่โม่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในนั้น ข้าคุ้นเคยกับกลิ่นอายของที่นั่นมาก มันคล้ายกับกลิ่นอายของเสี่ยวโม่โม่มาก”
มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย “อะไรนะ? กลิ่นอายเหมือนกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“อื้ม! กลิ่นอายนี้ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของข้า เหมือนกับกลิ่นอายของท่านแม่แท้ ๆ เลย…”
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังรอยแยกเส้นนั้นด้วยความตกตะลึง จากนั้นจึงจะกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง หรือว่าในรอยแยกนั่นจะเป็นสถานที่ของเผ่านกเฟิ่งหวง?”
.