ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1611 ไปตามหาซีก่อน
เจ้าสำนักจีในตอนนี้น่าอนาถมาก เนื่องจากร่างกายที่เปลี่ยนไปเหลือแต่โครงกระดูก อีกทั้งมีเพียงศีรษะเท่านั้นที่ยังดีอยู่
โครงกระดูกได้ถูกพลังแห่งความมืดกัดกร่อน และนั่นก็ทำให้เขาเจ็บปวดไปจนถึงกระดูกดำและทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา
“ราชาจิ่วเยี่ย สำนักฉางฮวนของพวกเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแดนนรกเลยแม้แต่น้อย ท่าน…เหตุใดท่านต้องทำลายสำนักของข้าด้วย” เจ้าสำนักจีรวบรวมความกล้าถามขึ้น
หากไม่ได้รู้คำตอบ แม้ว่าเขาจะต้องตาย ก็คงจะตายตาไม่หลับเป็นแน่
จิ่วเยี่ยชำเลืองมองไปทางเจ้าสำนักจีอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบกลับมา เขาทำเพียงปล่อยให้เจ้าสำนักจีได้ลิ้มรสความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสต่อไปเท่านั้น
ในเวลานี้ มีร่างเงาสีเขียวเข้มร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
“เยี่ย นึกแล้วว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี่ ข้าเดาได้ไม่เลวเลยจริง ๆ”
อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นข่าวกรองที่เขาเป็นคนส่งมาให้ แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่เขาได้รับข่าวเพียงไม่นาน เยี่ยก็เริ่มลงมือเสียแล้ว
จิ่วเยี่ยมองไปยังเจ้าสำนักของสำนักฉางฮวนที่กำลังถูกทรมานราวกับตายทั้งเป็นผู้นั้นอย่างดูถูกเหยียดหยาม พลางกล่าวว่า “เป็นเพียงกองกำลังระดับสี่เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าแม้แต่อนาคตนายหญิงแห่งคุกโลหิตของข้าก็ยังกล้าที่จะไล่ล่า ช่างหาเหาใส่หัวตนเองเสียจริง!”
“นะ…นายหญิง…”
ดวงตาของเจ้าสำนักจีเบิกกว้างจนเกือบที่จะถลนออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว
ช่วงนี้ คนที่พวกเขาเคยไล่ล่ามีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
คนผู้นั้นก็คือมู่เฉียนซี!
มู่เฉียนซี นะ…นาง ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นผู้หญิงของราชาจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิต
ในเสี้ยวนาทีนั้น เจ้าสำนักจีแทบอยากที่จะเอาหัวพุ่งชนกำแพงให้ตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทว่าเขากลับไม่มีแม้แต่แรงที่จะวิ่งชนเข้ากำแพง
“ท่านราชาจิ่วเยี่ย ขะ…ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่ามู่เฉียนซี นะ…นาง…”
“ข้าผิดไปแล้ว! อีกทั้งข้าจะได้ประโยชน์อะไรจากการจัดการกับมู่เฉียนซีล่ะ? ผู้ทำร้ายนางจนตกลงไปในรอยแยกมิตินั้น ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย!”
“ให้โอกาสข้าหน่อยเถอะ! ข้าไม่ได้เป็นคนทำจริง ๆ จะต้องเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน”
ครั้งสุดท้ายเขาไล่ล่ามู่เฉียนซีไม่สำเร็จ และกลับถูกนางไล่ล่าเสียเองด้วย เรื่องที่อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ต่างก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากนึกถึงเลยด้วยซ้ำ
แต่เรื่องการตายของมู่เฉียนซี แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกดาวชั่วร้ายต้อนรับด้วยการแก้แค้นเช่นนี้
เรื่องที่มู่เฉียนซีตกลงไปในรอยแยกมิติ ถึงแม้ว่าราชาจิ่วเยี่ยจะมีพลังที่ทรงพลังเพียงใด นางก็ยังต้องตายอย่างแน่นอนอยู่ดี
“ข้ารู้ว่าเจ้าทำไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
เจ้าสำนักจีอยากที่จะอาเจียนออกมาเป็นเลือดสักสามฉื่อ แต่ทว่าเขาก็ไม่มีเลือดให้อาเจียนออกมาแล้ว
เห็นชัดว่ารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ทำร้ายมู่เฉียนซีจนน่าเวทนาเช่นนั้น เหตุใดถึงมาแก้แค้นกับพวกเขากันล่ะ
จื่อโยวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “กล้าไล่ล่าสาวงามตัวน้อย จึงทำลายพวกเจ้าโดยไม่ต้องกล่าวอะไรทั้งนั้น”
ตูม!
และแล้วทั้งสำนักฉางฮวนก็หายไปอย่างสมบูรณ์ เจ้าสำนักจีถูกฝังทั้งเป็นอยู่ภายใน เขาเพียงแค่ต้องรอความตายอย่างทุกข์ทรมานเท่านั้นเอง
จื่อโยวกล่าวว่า “เยี่ย ที่ข้ามาหาเจ้า! เป็นเพราะมีสถานการณ์อะไรใหม่ ๆ ที่อยากจะบอก?”
“ข่าวของซีหรือ?” ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่างก็ไม่สำคัญเท่ากับข่าวของซีอีกแล้ว
“สาวน้อยจะต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว! เจ้าไม่อยากรู้…”
จิ่วเยี่ยหยิบเอาเศษของสุ่ยจิงอิ๋งออกมาชิ้นหนึ่ง และสีฟ้าอ่อนนั้นก็ส่องเป็นประกายระยิบระยับ
จื่อโยวร้องตะโกนออกมาว่า “เยี่ย ช้าก่อน! อย่าใจร้อนที่อยากจะเข้าไปในอ้อมกอดของสาวน้อยเช่นนั้นสิ ข้ามีเรื่องใหญ่ที่เร่งด่วนมากจะต้องบอกกับเจ้าจริง ๆ”
จิ่วเยี่ยไม่ได้จากไป แต่ทว่าเขากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย
แสงสว่างสีฟ้าอ่อนได้จางหายไปแล้ว แต่คิ้วของจิ่วเยี่ยก็ยังขมวดอยู่เล็กน้อย
“พลังของสุ่ยจิงอิ๋งหายไปค่อนข้างมาก ตอนนี้ไม่รู้ว่าซีอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ? ส่งคนออกไปตามหา หลังจากที่หาเจอแล้ว ก็รีบมาแจ้งข้าให้เร็วที่สุด”
“แต่ว่านะเยี่ย ในที่สุดพวกเราก็หาที่อยู่อาศัยของเผ่าหงส์เจอแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปตอนนี้ล่ะ!”
เผ่าหงส์เป็นสถานที่ที่มีคัมภีร์หมื่นคำสาปเล่มสุดท้ายอยู่ที่นั่น
ขอเพียงแค่หาเจอ บางทีเยี่ยอาจไม่จำเป็นต้องถูกคำสาปให้ทุกข์ทรมานแล้ว…
ต้องทุกข์ทรมานทุกครั้งที่คำสาปกำเริบ และเนื่องจากคำสาปนั้นทำให้เยี่ยจำเป็นที่จะต้องใช้พลังมหาศาลในการกําราบเอาไว้ ทำให้เดิมทีแล้วก็ไม่สามารถที่จะลงมือทำการใหญ่ได้เลย!
คำพูดของจื่อโยวนั้นทำให้จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปตามหาซีก่อน! ให้ไวเลยด้วย!”
ตราบใดที่หลังจากพลังของสุ่ยจิงอิ๋งได้ฟื้นฟูกลับมาแล้วก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะหาสาวน้อยให้เจอได้ เหตุใดจำเป็นต้องตามหาทันทีในตอนนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรีบไปที่เผ่าหงส์ก่อนมากกว่า!
แต่ทว่า เมื่อมองเห็นแววตาที่ไม่ให้ขัดใจของจิ่วเยี่ยนั้นแล้ว จื่อโยวจะไปกล้าพูดอะไรมากได้กันล่ะ?
มิฉะนั้น คนที่อารมณ์ไม่ดีมากในตอนนี้อย่างเยี่ย ไม่รู้ว่าจะคิดหาวิธีอะไรบ้างมาทรมานเขา
“ตกลง ข้าจะไปหาแม่สาวน้อยก่อน! วางใจเถอะ! สาวน้อยผู้นั้นจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน”
หลังจากที่เหาะมาจนถึงแผ่นดินใหญ่หงส์นิลแล้ว เสี่ยวโม่โม่ก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ขณะที่โดยรอบไร้ผู้คน มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ เจ้าพักก่อนเถอะ!”
เสี่ยวโม่โม่ร่อนลงบนต้นไม้ที่สูงตระหง่านต้นหนึ่ง มู่เฉียนซีหยิบเอายาลูกกลอนออกมาสองสามขวด “กินถั่วหวานสักหน่อยสิ จะได้เติมพลังหน่อย!”
คุณสมบัติของยาลูกกลอนนี้อ่อนมากที่สุด ซึ่งมันเหมาะที่จะให้เด็กแรกเกิดอย่างเสี่ยวโม่โม่กินได้
“แกร่ก! แกร่ก!”
“นายท่าน เจ้าถั่วหวานนี้อร่อยมากเลย!”เสี่ยวโม่โม่กล่าวอย่างมีความสุข
ถึงแม้ว่าจะได้รับความทรงจำที่ถ่ายทอดมา แต่อย่างไรก็ตามเสี่ยวโม่โม่ก็ยังไม่อาจย่อยความทรงจำทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้
เช่นนั้นมันที่ทั้งไร้เดียงสาและบริสุทธิ์จึงไม่รู้ว่ายาลูกกลอนนี้มีค่ามากมายเพียงใด
มู่เฉียนซีเอนกายอยู่บนต้นไม้เพื่อพักผ่อน จากนั้นก็กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เผ่าหงส์นี้ ต้องไม่ผิดแน่นอน! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องคิดหาวิธีที่จะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปเล่มสุดท้ายที่อยู่ที่นี่ให้เจอให้ได้”
“จิ่วเยี่ย…”
นางตามหาเผ่าหงส์เจอแล้ว จึงอยากที่จะแจ้งข่าวนี้ให้จิ่วเยี่ยได้รู้โดยเร็วที่สุด
เพียงแต่ว่า ในเวลานี้นางกลับรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย
ครั้งสุดท้ายที่โลกของเผ่ามังกร ทันทีที่คัมภีร์หมื่นคำสาปปรากฏออกมา มันก็ได้ส่งผลกระทบต่อจิ่วเยี่ยเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ก่อให้เกิดคำสาปนั้น สำหรับจิ่วเยี่ยแล้วมันคุกคามเขามากเกินไป และนางก็จับพลัดจับผลูมาจนถึงที่นี่ หากนางก็แค่หามันให้เจอก่อนที่จิ่วเยี่ยก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นางเคยบอกกับจิ่วเยี่ยแล้วว่า เมื่อหาที่อยู่ของเผ่าหงส์เจอแล้วจะต้องมาบอกนาง และต้องไม่ไปเพียงคนเดียวด้วย
แต่ทว่าในตอนนี้ กลับเป็นตัวนางเองที่ทำไม่ได้!
ถึงแม้ว่าจะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปเจอได้สำเร็จ แต่จิ่วเยี่ยจะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน และผลที่ตามมาก็คือ…
“สุ่ยจิงอิ๋ง!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ซีเอ๋อร์ ทำตามความคิดของตัวเจ้าเองเถอะ!”
นางสับสนเล็กน้อย และไม่ว่าจะเลือกทางไหนต่างก็มีข้อเสียทั้งนั้น ตอนนี้นางได้เข้าใจอารมณ์ที่จิ่วเยี่ยไม่อยากจะรับปากนางในตอนแรกนั้นว่าเป็นเช่นไรแล้ว!
มู่เฉียนซีเอนกายพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ แสงระยิบระยับที่เป็นดั่งแสงสีทองของดวงตะวันสาดส่องลงมา และมู่เฉียนซีก็ได้งีบหลับอยู่ที่นี่
เมื่อรอให้นางลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของมู่เฉียนซีก็ไม่มีความลังเลอีกต่อไปแล้ว “เผ่าหงส์นี้ ถือว่าข้าจับพลัดจับผลูมาจนถึงที่นี่ แต่หากจะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปให้เจอ ข้าเพียงผู้เดียวไม่อาจหามันพบได้! และการที่ข้าไปหาเพียงลำพัง อาจจะทำให้จิ่วเยี่ยเป็นห่วง! อีกทั้งไม่ว่าจะเจออันตรายอะไรก็ตาม การที่พวกเราเผชิญหาไปด้วยกันจะแข็งแกร่งกว่าด้วย!”
“สุ่ยจิงอิ๋ง! บอกให้จิ่วเยี่ยมาที่นี่”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ถึงแม้ว่าข้าอยากจะให้เขามาที่นี่โดยเร็วที่สุดก็ตาม แต่การทะลุผ่านความว่างเปล่านั้นค่อนข้างกว้างมาก บวกกับการผนึกของเผ่าเทพด้านนอกเผ่าหงส์ด้วย มันทำให้ในตอนนี้พลังของข้าไม่เพียงพอที่จะทำให้จิ่วเยี่ยมาที่นี่ได้ ข้าจำเป็นต้องพักอีกสักหน่อยถึงจะทำได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง! หลังจากที่เจ้าพักผ่อนแล้ว ค่อยให้จิ่วเยี่ยมาที่นี่! เช่นนั้นช่วงนี้ข้าจะพาเสี่ยวโม่โม่ไปดูลาดเลาของสถานการณ์เอาไว้สักหน่อยก่อนแล้วกัน”
“อื้ม!”
สุ่ยจิงอิ๋งเข้าสู่การหลับไหลอีกครั้ง และหวังว่าจะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นค่อยให้จิ่วเยี่ยมาช่วยซีเอ๋อร์
การที่เหล่าเผ่าเทพผนึกเผ่าหงส์ไว้ มันจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน ซึ่งซีเอ๋อร์เพียงคนเดียว มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการกับอันตรายของเผ่าหงส์ไปจนจบได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ เจ้าพักผ่อนพอหรือยัง! หากเจ้าพักผ่อนดีแล้วละก็ พวกเราออกเดินทางกันต่อเถอะ ไปยังสถานที่ที่มีผู้คนอยู่ เราจะได้ไปสอบถามถึงสถานการณ์ของเผ่าหงส์สักหน่อย”
.
.