ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1614 รางวัลแรก
เมื่ออู๋ตี้กล่าวมาเช่นนั้น เสี่ยวโม่โม่ก็รู้สึกไม่พึงพอใจเท่าใดนัก!
เสี่ยวหงกล่าว “เจ้าแมวโง่กล่าวถูกต้องเป็นที่สุด ให้จัดการเจ้านกบ้านั่น สำหรับนายท่านแล้ว มันก็ง่ายเสียยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก! ถึงแม้เจ้าคิดอยากจะช่วย อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ต้องฝึกฝนให้ระดับพลังของเจ้าเทียบเท่ากับเจ้านกบ้านั่นก่อน”
อู๋ตี้กล่าว “ใช่! เจ้าต้องฝึกฝนก่อน เจ้าจงตั้งใจศึกษาวิธีการฝึกฝนของข้า ส่วนทักษะวิญญาณข้าจะถ่ายทอดให้เจ้าเอง”
“ทักษะวิญญาณเน่า ๆ ของเจ้านะหรือ ฟังข้านี่! หากเจ้าฝึกฝนจนใกล้สมบูรณ์แล้วละก็ จะบุกฟ้าท้าดินสังหารสิ่งใดมันก็ง่ายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก”
“เจ้ามันอำมหิตเกินไป ไม่เหมาะกับเสี่ยวโม่โม่หรอก”
“เจ้ามันอ่อนแอเกินไป!”
“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า?”
“……”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงเริ่มมีปากเสียงกันอีกครา เสี่ยวโม่โม่ไม่รู้ว่าจะฟังใครดี?
“อย่าทะเลาะกันเลย! หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ! ข้าเชื่อฟังเพียงนายท่านเท่านั้น”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
สุ้มเสียงของบางสิ่งบางอย่างแว่วดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทุก ๆ คนล้วนคิดว่ามนุษย์ผู้นี้ถึงคราวดับสูญแล้ว
ภายใต้การปกคลุมของโม่เหยียน ร่างสีม่วงนั้นก็ได้กลายเป็นภาพมายาไปอย่างรวดเร็ว
ครืน ครืน!
ทุก ๆ คนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง “นางหลบไปแล้ว!”
“เร็วมากจริง ๆ! ทักษะวิญญาณของมนุษย์ผู้นี้แกร่งกล้าไม่เบา”
“เจ้าหลบได้เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นแหละ!” โม่เฟิงเชียนกล่าวหัวเราะเยาะ จากนั้นเสียงร้องอันก้องกังวาลของหงส์นิลก็แว่วดังไปทั่วทุกสารทิศ
เปลวเพลิงสีดำนิลโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรง “เพลิงนิลสะท้านสวรรรค์!”
เพลิงสีดำนิลโหมกระหน่ำเข้ามาราวกับม่านน้ำตก ความเร็วที่สาดซัดเข้ามานั้นทำให้มิติบิดเบี้ยวขึ้น
“มังกรวารีสังหาร!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากท้องนภาที่มีอนุภาคใหญ่มหึมา มู่เฉียนซีก็ไม่ได้คิดถอยหนีแต่อย่างใด ทักษะวิญญาณธาตุวารีได้เข้าปะทะกันในทันที
เปลวเพลิงสีดำนิลอันร้อนแรงก็ไม่อาจละลายมังกรน้ำแข็งได้แต่อย่างใด!
โม่เฟิงเชียนมีสีหน้าเคร่งขรึมไปชั่วขณะ จากนั้นนางจึงเข้าไปโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
การโจมตีของหงส์ซึ่งเป็นสัตว์เทพนั้นแข็งแกร่งและน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
ตูม ตูม!
มู่เฉียนซีทั้งหลบหลีกและโจมตีกลับด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้อาภรณ์ของนางจะถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนขาดเป็นรูไปบ้าง ทว่าการโจมตีของโม่เฟิงเซียนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อนางเลยแม้แต่น้อย
ทั่วทั้งแท่นประลองได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปภายในชั่วพริบตา
มู่เฉียนซีพุ่งตัวออกมาจากทะเลเพลิงอันแสนดำทมิฬ ถึงแม้อุณหภูมิจะสูงแค่ไหน ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังคงไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
เปลวเพลิงอันร้อนแรงนี้ ยังมิอาจสู้เปลวเพลิงของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณได้เลย
“เข้ามาเลย!” โม่เฟิงเชียนกล่าวด้วยความไม่จำยอม
ขนหงส์สีดำนิลก้านหนึ่งได้พุ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว นั่นเป็นขนที่นางหวงแหนเป็นที่สุด!
เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มขนนกนี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่สีดำนิลขนาดยักษ์ กระบี่ยักษ์ได้ผ่าลงมาจากท้องนภาด้วยความบ้าคลั่ง
หากคมของกระบี่ยักษ์เล่มนี้โดนร่างของมนุษย์ผู้นี้เข้าแล้ว มนุษย์ผู้นี้ก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ไม่เพียงแต่จะต้องย่ำเข้าประตูผีไปเท่านั้น ทว่าร่างของนางก็จะถูกเปลวเพลิงสีดำนิลนี้เผาจนไม่เหลือซากอีกด้วย!
“สละขนนกเพื่อสังหารหนึ่งชีวิต! คุณหนูเฟิงเชียนจะโหดร้ายเกินไปแล้ว”
“หวังว่าสถานะของมนุษย์ผู้นี้คงจะไม่ได้สูงศักดิ์มากนัก มิฉะนั้นหากนางย่ำเข้าประตูผีไปแล้ว สำหรับเผ่าหงส์นิลอย่างพวกเราแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่อย่างใด?”
“……”
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
พลังธาตุวารีถูกนำออกมาใช้ โล่น้ำแข็งชั้นหนาเตอะปรากฎขึ้นเบื้องหน้ามู่เฉียนซี
กระบี่ยักษ์สีดำนิลได้ฟันลงบนโล่น้ำแข็งราวกับหั่นเต้าหู้ก็มิปาน
ตูม!
พื้นดินถูกคมดาบฟาดฟันจนกลายเป็นร่องยาว และมู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกได้อีกครั้ง
“หลบได้อีกแล้ว ความเร็วของนางไร้ขีดจำกัดจริง ๆ ความเร็วของนางจะไปสิ้นสุดที่ใดกัน?” ทุก ๆ คนต่างรู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่เห็นเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะนั้นเอง มู่เฉียนซีก็ได้ตอบโต้กลับ!
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ปัง ปัง ปัง! มังกรน้ำแข็งสามตัวได้พุ่งตรงเข้าหาโม่เฟิงเชียนด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด!
โม่เฟิงเชียนก็รีบหลบหลีกด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทว่านางสามารถหลบมังกรน้ำแข็งได้เพียงสองตัวเท่านั้น มังกรน้ำแข็งอีกหนึ่งตัวจึงได้พุ่งมาเข้าชนนางอย่างรุนแรง
โครม!
เหล่าผู้ชมตกตะลึงจนดวงตาเบิกโพลง พลางกล่าวว่า “คุณหนูเฟิงเชียนได้รับบาดเจ็บแล้ว”
ตรงกลางของปีกสีดำนิลมีโลหิตไหลซึมออกมา
เพียงแต่รอยแผลนั้นปรากฏอยู่บนร่างของนางเพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นมันก็หายลับไปอย่างน่าอัศจรรย์
พลังรักษาตัวเองของสัตว์เทพนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นแผลขนาดเล็กเช่นนี้จึงสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อโจมตีโม่เฟิงเชียนแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้เดินหน้าโจมตีต่อในทันที
“การประลองควรจะจบลงได้แล้ว!”
ร่างของมู่เฉียนซีได้วาบหายไปจากลานประลอง ทันใดนั้นนางก็ได้ปรากฎตัวขึ้นกลางเวหา
แขนอันเรียวเล็กโบกสะบัดขึ้น ดูแล้วช่างอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าความรู้สึกต่อสิ่งอันตรายที่เฉียบแหลมของสัตว์เทพทำให้โม่เฟิงเชียนหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย เมื่อปีกโบกสะบัด การโจมตีอันแสนรุนแรงก็ได้บังเกิดขึ้นในบัดดล
มู่เฉียนซีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทักษะโยวจั๋ว!”
การโจมตีครานี้แฝงไปด้วยพลังทำลายล้าง
จากนั้นจึงพุ่งทะยานเข้าหาโม่เฟิงเชียนด้วยความรวดเร็วที่ไร้ผู้ใดเทียบ
ตูม!
โม่เฟิงเชียนไม่คิดหลบหลีกแต่อย่างใด การโจมตีนี้ได้ทำให้โม่เฟิงเชียนตกลงไปบนแท่นประลองอย่างรวดเร็ว
แกร่ก!
แท่นประลองได้พังทลายลงในทันที
ซี๊ด! โม่เฟิงเชียนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ครานี้นางตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง!
ครั้นคิดจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา นางก็รู้สึกว่ากระดูกของนางได้แตกสลายจนเหมือนไม่ใช่กระดูกของนางอีกแล้ว นางไม่อาจลุกขึ้นได้แม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวพึมพำ “ทักษะโยวจั๋ว เป็นทักษะขั้นสูงสุดในใต้หล้า พลังทำลายล้างไม่เลว! กระดูกของสัตว์เทพถึงขั้นแตกละเอียดได้ทีเดียว”
โม่เฟิงเชียนที่แทบจะรับไม่ไหวก็ได้กลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว
พรวด! นางกระอักเลือดออกมาหนึ่งกอง
มู่เฉียนซีค่อย ๆ ร่อนลงมาจากท้องนภา ในขณะเดียวกันก็ได้ปล่อยเสี่ยวโม่โม่ออกมา
เสี่ยวโม่โม่กล่าว “นายท่านเก่งที่สุด! นายท่านเก่งกาจที่สุด…”
“เสี่ยวโม่โม่เองก็อยากเก่งแบบนี้บ้าง เสี่ยวโม่โม่จะไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นมารังแกนายท่านได้อีก”
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็อยากจะเผยรอยยิ้มอันแสนขมขื่นออกมาในทันที ตอนนี้เป็นเจ้านายของเจ้าต่างหากที่กำลังรังแกผู้อื่น
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าโม่เฟิงเชียนแล้วกล่าว “กล่าวขอโทษมาเดี๋ยวนี้!”
โม่เฟิงเชียนกล่าว “ขอโทษ ข้าไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่าม แล้วเข้าไปทำร้ายเจ้าเช่นนั้น”
มู่เฉียนซีเดินออกมาจากแท่นการประลอง ส่วนโม่เฟิงเชียนในขณะนี้ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากเป็นอย่างยิ่ง
ทั้ง ๆ ที่วันนี้นางควรจะผดุงแผ่นดินใหญ่เผ่าหงส์นิลด้วยชื่อเสียงของผู้มากความสามารถแท้ ๆ คาดไม่ถึงเลยว่านางจะต้องมาพบเจอกับความหายนะเช่นนี้
นางกลัวเป็นอย่างยิ่งว่านางจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่เผ่าหงส์นิล
ครั้นมู่เฉียนซีคิดจะจากไป ผู้ดูแลการประลองในครั้งนี้ก็ได้กล่าวขึ้น “สาวน้อย ช้าก่อน! เจ้าได้เป็นที่หนึ่งแล้ว แต่เจ้ายังไม่ได้รับรางวัลเลย!”
“ข้าได้รับรางวัลด้วยหรือ?” มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย นางเพียงแค่บังเอิญเข้ามาพัวพันกับเรื่องวุ่นวายในครั้งนี้เท่านั้น
ชายชราที่อยู่เบื้องหน้าก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว! การประลองในครั้งนี้เป็นการลงนามยังสนามประลอง และทำการประลองประเดี๋ยวนั้น! เจ้าได้โค่นล้มผู้ครองอันดับหนึ่งของสมัยก่อน ๆ และตอนนี้เจ้าก็ได้เป็นอันดับหนึ่งในสมัยนี้”
มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วรางวัลคืออะไรล่ะ?”
“รางวัลคือยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ชั้นดี ยานี้ไม่ว่าจะสำหรับสัตว์เทพอย่างเรา ๆ หรือสำหรับมนุษย์อย่างพวกเจ้าก็ล้วนแต่ส่งผลดีด้วยกันทั้งสิ้น”
ยาลูกกลอน! ของสิ่งนี้นางมีไม่เคยขาดมืออยู่แล้ว
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “ข้านำยาลูกกลอนนั่นมาแลกเป็นเงินได้หรือไม่? ข้าไม่ได้พกเงินมาเลย”
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินตราของเผ่าหงส์เป็นเช่นไร หากไม่ใช่หยกซวนแล้ว นางก็คงต้องกลายเป็นยาจกไปอีกครา
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของมู่เฉียนซีแล้ว ทุก ๆ คนต่างรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
มนุษย์ผู้นี้ไม่ได้โง่เขลาใช่หรือไม่! ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์อันแสนหายากกลับไม่ต้องการ ดันไปต้องการผลึกวิญญาณหงส์เสียได้
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”
“ช้าก่อน!” มีคนเข้าไปประคองโม่เฟิงเชียนจากสนามประลอง พลางกล่าวว่า “อายุของผู้เข้าประลองในครั้งนี้ห้ามเกินยี่สิบปี!อายุของนางอยู่ในเกณฑ์หรือไม่? หากไม่อยู่ในเกณฑ์ เช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับรางวัล”
ทุก ๆ คนต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
ก็จริง!
ทว่าดูท่าทางแล้วอายุของมนุษย์ผู้นี้ก็ดูเหมือนจะไม่เกินยี่สิบปี ดั้งนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก
โม่เฟิงเชียนกำหมัดไว้แน่น ภายนอกนางก็แค่ดูอายุน้อยเท่านั้น หากอายุของมู่เฉียนซีไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ จิตใจที่ร้อนรุ่มของนางในขณะนี้ก็คงจะสงบลงมาได้บ้าง!
.