ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1625 งานเลี้ยงสังหาร
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าว “ข้าไม่ได้ตัดสิทธิ์เจ้าสักหน่อย!”
“เจ้ากับเสี่ยวโม่โม่ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประลองแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเจ้าได้สิทธิ์หนึ่งในสี่แล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย!” ขวงจวิ้นอ๋องยิ้มพลางกล่าว
“ได้รับสิทธิ์นั้นแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“นี่ขวงจวิ้นอ๋องคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”
“……”
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก!
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวโม่โม่มีสายเลือดราชา เป็นสายเลือดที่หาได้ยากยิ่งนักในเผ่าหงส์ของข้า! การไปหอหลอมอัสนีเป็นเรื่องสำคัญมากในการเติบโตของมัน และไม่ว่าผลการประลองจะออกมาเป็นเช่นไร ผู้ที่มีสายเลือดราชา ย่อมได้รับสิทธิ์เข้าไปอยู่แล้ว ทุกคนคิดว่าสิ่งที่ข้ากล่าวมานั้นถูกต้องหรือไม่?”
นี่เป็นเรื่องจริง สายเลือดราชานั้นมีค่ามากเพียงใดทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ อีกอย่างยังเป็นสัตว์ตัวน้อยอีกด้วย
“ข้าว่าคงไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เช่นนั้นข้าก็ตัดสินเช่นนี้แล้วกัน!”
ความเอาแต่ใจของขวงจวิ้นอ๋องนั้น ตั้งแต่ตอนการประลองเขาก็เปิดทางให้ผู้ที่มีหงส์นิลเป็นสัตว์พันธสัญญาเข้าร่วมได้ เพียงเท่านี้พวกเขาก็รู้แล้ว
ตอนนี้ พวกเขาเองก็ไม่อาจโต้แย้งได้!
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซี อีกทั้งพลังอำนาจของเสี่ยวโม่โม่ การคว้าอันดับหนึ่งไม่ใช่ปัญหาเลย
“เห็นด้วยขอรับ!”
“ขวงจวิ้นอ๋องปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
“……”
มู่เฉียนซีก็ยิ้มออกมาเช่นกัน “ลดการประลองไปสนามหนึ่งก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณท่านขวงจวิ้นอ๋องมากที่เปิดทางให้ข้ากับเสี่ยวโม่โม่”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับอยู่แล้ว”
มู่เฉียนซีกับเสี่ยวโม่โม่ได้รับสิทธิ์มาได้อย่างราบรื่น ส่วนอีกสี่คนที่เหลือก็เริ่มประลองเพื่อแย่งชิงอีกสามสิทธิ์นั้นมาให้ได้
สุดท้ายกลับมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างการประลอง มีสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสในการประลองอย่างน้อยต้องได้รับการรักษาและการพักฟื้นตัวเป็นระยะเวลาถึงสามเดือน ร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่สามารถเข้าหอหลอมอัสนีได้
ดังนั้น ตอนนี้มู่เฉียนซี รวมทั้งผู้ที่รับชัยชนะจากการประลองอีกสองคน ทั้งหมดก็แค่สามคนเท่านั้น
สุดท้ายตามการจับฉลากของผู้อาวุโสแห่งเผ่าหงส์นิลจึงตัดสินให้ผู้ที่พ่ายแพ้ให้แก่มู่เฉียนซีอย่างโม่ชิงอู่ได้รับสิทธิ์ที่ว่างนี้แทน
ทุกคนแอบวิจารณ์กันว่าเรื่องนี้มันบังเอิญเกินไปแล้ว แต่จากการใช้ชีวิตภายใต้อำนาจของขวงจวิ้นอ๋อง พวกเขามีสิทธิ์โกรธ แต่ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากออกเสียงได้
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ที่ขวงจวิ้นอ๋องมอบสิทธิ์นี้ให้แก่ข้าก็เป็นเพราะเช่นนี้ และมันก็มีความหมายเช่นนี้นี่เอง!”
หากนางเข้าร่วมการประลองห้าในสี่ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แต่หากกำจัดนางออกไป ทุกอย่างก็จะอยู่ในการควบคุมของขวงจวิ้นอ๋อง
เขาต้องการแย่งชิงสิทธิ์นี้มาให้บุตรสาวของตัวเอง
หลังจากได้เห็นอุบายของขวงจวิ้นอ๋องแล้ว โม่เชวี่ยก็เหงื่อตกเล็กน้อย
“สี่สิทธิ์นี้ คาดว่าจะมีสามคนที่เป็นคนของขวงจวิ้นอ๋อง แม่นางมู่ เมื่อไปถึงหอหลอมอัสนีแล้วต้องระวังตัวให้มากนะ” โม่เชวี่ยกล่าว
“ข้ารู้อยู่แล้ว! หลังจากที่เข้าไปแล้ว นอกจากเสี่ยวโม่โม่แล้ว ข้าไม่มีทางไว้ใจใครง่าย ๆ เด็ดขาด”
หลังจากที่ได้รู้ว่าเสี่ยวโม่โม่มีสายเลือดราชา คนจำนวนมากต่างก็มาสอบถาม มู่เฉียนซีให้โม่เชวี่ยพูดในสิ่งที่นางเคยบอกไปก่อนหน้านี้
อย่างไรเสีย เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้
ขวงจวิ้นอ๋องยังคงนิ่งสงบไม่เคลื่อนไหว แต่หลังจากที่จัดการเรื่องสิทธิ์สี่สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเขาได้ลงมือเคลื่อนไหวแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“แม่นางมู่ ท่านผู้ดูแลแห่งจวนขวงจวิ้นอ๋องมาขอพบ” โม่เชวี่ยกล่าว
“ดี! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ชายวัยกลางคนท่วงท่าหน้าตาใจดีผู้หนึ่งยื่นเทียบเชิญให้มู่เฉียนซี
เขากล่าว “การประลองการคัดเลือกได้สิ้นสุดลงแล้ว ท่านขวงจวิ้นอ๋องได้เชิญอัจฉริยะผู้โดดเด่นเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลอง หวังว่าแม่นางมู่จะมาเข้าร่วมงานเลี้ยง”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านขวงจวิ้นอ๋องให้คนมาส่งเทียบเชิญเช่นนี้ ข้าไม่พลาดแน่นอน ข้าไปตรงเวลาแน่นอน”
“ดี! ข้าจะรอแม่นางมู่ แล้วเจอกันที่งานเลี้ยง”
ท่านลุงผู้ดูแลจวนกล่าวจบก็จากไปทันที ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยกลับรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
“แม่นางมู่ จะไปจริง ๆ หรือ ท่านขวงจวิ้นอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้รับมือได้ยากมากนะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “งานเลี้ยงสังหารก็งานเลี้ยงสังหารสิ ข้าไม่เคยกลัวอยู่แล้ว ขวงจวิ้นอ๋องเป็นคนเริ่มเข้าใกล้ข้าเอง ข้าก็ไม่อยากหลีกเลี่ยง! อีกอย่างการฝึกวิชาของสายเลือดราชาที่เหมาะสมที่สุด คาดว่าจะมีเพียงแค่เผ่าราชาเท่านั้นที่รู้ ท่านว่าข้าพูดถูกต้องหรือไม่?”
เสี่ยวโม่โม่ปรารถนาอยากจะเติบโตมาโดยตลอด การเข้าหอหลอมอัสนีก็ได้รับสิทธิ์มาแล้ว แน่นอนว่าต้องไปหาเคล็ดวิชาฝึกฝนที่เหมาะสมกับเสี่ยวโม่โม่ให้เจอให้ได้!
ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “อย่างไรเสียก็ต้องระวังตัวให้มาก ท่านขวงจวิ้นอ๋องผู้นี้มีความคิดที่ยากจะหยั่งถึงได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
“ขวงจวิ้นอ๋อง!” ตอนนี้ภายในจวนขวงจวิ้นอ๋อง เงาร่างในชุดสีดำร่างหนึ่งก็ได้เคลื่อนไหวผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“จักต้องปิดข่าวในวังให้สนิท อย่าให้ข่าวใดหลุดไปถึงหูเจ้านั่นได้เด็ดขาด ได้ยินหรือไม่?”
“ขอรับ! ช่วงนี้พระวรกายของฝ่าบาทประชวรหนักมาก เดิมทีก็ไม่มีกำลังวังชามากพอที่จะไปฟังเรื่องราวพร่างพรายเหล่านั้นจากภายนอกได้แล้ว ท่านขวงจวิ้นอ๋องโปรดวางใจเถิด” เงาร่างในชุดสีดำผู้นั้นกล่าวด้วยความเคารพ
“งานที่พวกเจ้าทำ ข้าวางใจเป็นอย่างมาก”
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด กลับมีประกายแสงวาบขึ้นมาในดวงตาของขวงจวิ้นอ๋อง
“เฮอะ! สายเลือดบริสุทธิ์ของราชวงศ์หงส์นิลหรือ?”
…
ณ วันงานเลี้ยง ภายในจวนของขวงจวิ้นอ๋องมีความคึกคักมากเป็นพิเศษ
สำหรับชายคนหนึ่งที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้เป็นราชาแห่งเผ่าหงส์นิลคนต่อไปนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็จะต้องมาคอยประจบสอพอกันอยู่แล้ว
ทุกคนต่างก็ทยอยกันมาถึงอย่างไม่ขาดสาย แต่ทว่ากลับมีเพียงมู่เฉียนซีที่ยังมาไม่ถึงเพียงเท่านั้น
“มู่เฉียนซียังไม่มาหรือ นางคงจะไม่โอหังจนไม่ให้เกียรติแม้แต่กับขวงจวิ้นอ๋องหรอกกระมัง!”
“เป็นไปไม่ได้! นางควรที่จะต้องมาสิ!”
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”
โม่ฝูเฉี่ยที่อยู่ในมุมหนึ่ง แอบคิดในใจว่า ‘อย่ามาเลยจะดีเสียกว่า!’
สุดท้ายแล้วมู่เฉียนซีก็ก้าวมาจนถึงจุดนี้ และในไม่ช้า นางก็เข้างานมาพร้อมกับหญิงสาวนางหนึ่ง นั่นก็คือโม่เฟิงเชียน
“แม่นางมู่มาแล้ว!”
“แม่นางมู่!”
ในตอนนี้ ผู้คนเริ่มห้อมล้อมเข้ามาแล้ว ขวงจวิ้นอ๋องเองก็รีบร้อนด้วยเช่นกัน
เขากล่าวอย่างเป็นพิธีรีตองขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “นี่ก็คืองานหลักของพวกเจ้าคนหนุ่มสาว ชิงอู่ เรื่องรับรองแขกเหล่านี้ ข้าขอมอบให้เจ้าก็แล้วกัน”
พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ขวงจวิ้นอ๋องนั้นเกือบจะเป็นผู้ที่ดูแลทั้งเผ่าหงส์นิล และโลกแห่งหงส์ทั้งหมด แน่นอนว่าคงจะไม่มีเวลามากพอที่จะมาคุยเรื่อยเปื่อยกับพวกเขาเหล่านี้อยู่แล้ว
หลังจากที่ขวงจวิ้นอ๋องจากไปแล้ว แน่นอนว่าทุกคนต่างก็เปลี่ยนท่าทีเป็นสบายมากขึ้น!
งานเลี้ยงเช่นนี้ จะต้องไม่ขาดเรื่องยกจอกเหล้าคารวะแน่นอนอยู่แล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ! แม่นางมู่ ถึงแม้ว่าข้าจะได้ที่หนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ แต่ข้าก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วที่หนึ่งจะต้องเป็นเจ้าอย่างแน่นอน” ในตอนนี้ ก็มีชายที่ร่างกายกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามา
“มาเถิด ให้ข้าคารวะเจ้าสักจอก!”
โม่เฟิงเชียนลุกยืนขึ้นพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ไม่ดื่มเหล้า มอบให้ข้าดื่มแทนนางเถอะ!”
คาดการณ์ว่า ที่ท่านพ่อของนางให้นางมาด้วยนั้น ก็เพื่อจุดประสงค์นี้นี่เอง!
“เจ้า…” คนผู้นั้นมองไปทางโม่เฟิงเชียนอย่างเย้ยหยัน
หญิงสาวที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีผู้นี้มาจากที่ใดกัน มีคุณสมบัติเช่นนั้นหรือ?
และในเวลานี้เอง โม่ฝูเฉี่ยก็เดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “นางไม่มี เช่นนั้นข้าล่ะ!”
“ในเมื่อร่างกายของแม่นางมู่ไม่เหมาะสมที่จะดื่มเหล้า เช่นนั้นก็ยิ่งไม่เหมาะสมที่จะดื่มเหล้าที่แรงที่สุดของเผ่าหงส์ การกลั่นแกล้งมนุษย์คนหนึ่งให้เมาด้วยเหล้าของสัตว์เทพ นั่นมันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย”
โม่อี้เฟยขบฟันแล้วกล่าวว่า “ตกลง! ในเมื่อเจ้าจะดื่มเหล้าแทนแม่นางมู่ เช่นนั้นข้าก็จะดื่มกับเจ้าเอง”
เหล้าของคนหนุ่มสาวของเผ่าหงส์เหล่านี้ ได้ถูกขัดขวางโดยโม่ฝูเฉี่ยและโม่เฟิงเชียนเสียแล้ว
ชายคนหนึ่งขวางเอาไว้ ส่วนหญิงอีกคนหนึ่งก็ขวางเอาไว้ด้วย! ทั่วทั้งงานเลี้ยงต่างก็มุ่งความสนใจมาที่มู่เฉียนซี และมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มาคารวะเหล้ากับนาง
มีมนุษย์เก้าคนเดินเข้ามา และทั้งหมดนั้นก็อยู่ภายใต้แก่นนำอย่างไป๋ฉาง
ไป๋ฉางหัวเราะและกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้รับเหล้าดี ๆ มาจากโลกของเทพไม่น้อย แม่นางมู่คงจะต้องเห็นแก่หน้าของข้า! แล้วมาดื่มกับพวกเราสักสองสามจอกแล้วล่ะ!”