ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1628 เผ่าหงส์ดำ
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่ลองดู แล้วจะแน่ใจได้เช่นไรว่าใช้ไม่ได้”
“คิดเพ้อเจ้อ!”
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วบริเวณ เงาร่างสองสามร่างรีบพุ่งออกไป
พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการจะหลบสายฟ้าที่ฟาดผ่านลงมาจากท้องฟ้าเท่านั้น อีกทั้งยังต้องการที่จะหาผลึกวิญญาณอัสนีจากสถานที่ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตานี้อีกด้วย
ในตอนที่ไป๋ฉางพุ่งออกมา เขาหยิบเอาผลึกสีขาวเงินเม็ดหนึ่งออกมาด้วย ผลึกเม็ดนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูท่าแล้ว โชคของข้าคงจะดีไม่น้อยเลย!”
เขาเป็นคนแรกที่หาผลึกวิญญาณอัสนีเจอ และคนอื่น ๆ ต่างก็กำลังค้นหาเช่นเดียวกัน
ร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งพุ่งผ่านไป มู่เฉียนซีก็ค้นพบผลึกวิญญาณอัสนีแล้วชิ้นหนึ่งเช่นกัน
ตูม!
มังกรเงินร่อนลงมาจากท้องฟ้า และทั่วทั้งบริเวณนั้นก็ถูกอัสนีปกคลุมเอาไว้หมดแล้ว
ซึ่งนั่นเป็นผลให้ มู่เฉียนซียังคงพุ่งเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา
ไป๋ฉางกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนี้ คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ยังไม่ทันถึงหอหลอมอัสนีก็จะมาตายตอนครึ่งทางเสียแล้วกระมั่ง และคาดว่าคงจะกลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว”
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าทำลงไปโดยไม่คิดสิ”
พ่อบุญธรรมเคยสั่งไว้ว่า ไม่ว่าอย่างไรมู่เฉียนซีก็ไม่อาจตายอยู่ที่แคว้นหลอมอัสนีได้
แต่ทว่า ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วมากจริง ๆ อันที่จริงแล้วนางก็ไม่สามารถขวางไว้ได้ทัน
เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีได้รับผลึกวิญญาณอัสนีแล้ว ก็มีเสียง ตูม! ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง และมีแสงสว่างสีเงินตรงเข้าไปห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะสามารถต้านทานการโจมตีธาตุอัสนีของไป๋ฉางได้ แต่ทว่าการโจมตีของมนุษย์ ก็ไม่อาจเทียบรูปแบบอานุภาพของอัสนีเหล่านี้แห่งฟ้าดินได้!
เกรงว่าในตอนนี้มู่เฉียนซีอาจจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
และผลลัพธ์ก็คือ เมื่อแสงสว่างสีเงินหายไป มู่เฉียนซีก็ถือผลึกวิญญาณอัสนีขนาดเท่าลูกแตงโมชิ้นหนึ่ง แล้วพุ่งตัวออกมาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ไม่เป็นไรเลย!
ไม่คาดคิดเลยว่ามู่เฉียนซีจะไม่เป็นอะไรเลยสักนิดเดียว
ทุกคนต่างเผยสีหน้าแห่งความประหลาดใจออกมา ความแข็งแกร่งทางร่างกายของมู่เฉียนซี น่าสะพรึงกลัวกว่าที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้เสียอีก
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ไปต่อกันเถอะ!”
เนื่องจากมู่เฉียนซีไม่หวาดหวั่นต่อการโจมตีของสายฟ้า และสามารถไปได้ทุกที่ อีกทั้งไม่จำเป็นที่จะต้องหลบสายฟ้าอีกด้วย เช่นนั้นแล้วตลอดเส้นทางนี้ จึงเก็บเกี่ยวมาได้มากมายเลยทีเดียว
ไป๋ฉางไม่พอใจเป็นอย่างมาก ต่อให้ได้รับผลึกวิญญาณอัสนีไปมากมายเช่นนั้นแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร เพราะไม่ว่าอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี
“โย่! นี่ไม่ใช่โม่ชิงอู่ของเผ่าหงส์นิลหรอกหรือ? มาได้เร็วดีนี่”
“ดูท่าพวกเจ้าจะรวบรวมผลึกวิญญาณอัสนีได้ไม่น้อยเลยสินะ ส่งมาให้พวกเราสักหน่อยสิ?”
ร่างเงาสีดำขลับหลายร่าง ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
โม่ชิงอู่กวาดสายตามองไปยังพวกเขาอย่างไม่แยแส และกล่าวเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าเป็นคนของเผ่าหงส์ดำ”
“หึ ๆ! ดูท่าแล้วเผ่าหงส์นิลของพวกเจ้าจะไม่มีคนแล้วจริง ๆ สินะ ดูแต่ละคนต่างก็ร่วมมือกับมนุษย์ทั้งนั้น!”
เผ่าหงส์ดำ รวมทั้งหมดแล้วมีสี่คน และหงส์ดำทุกตัวล้วนแล้วแต่ไม่ได้ผูกพันธสัญญา
ในเวลานี้พวกนั้นจ้องมองพวกเขาอย่างดูถูกเป็นอย่างมาก โม่ซูจึงโต้กลับไปว่า “ส่วนพวกเจ้า ก็ไม่มีมนุษย์ที่ไหนอยากจะมาชื่นชอบ!”
เผ่าหงส์ดำก็เกลียดชังมนุษย์เป็นพิเศษอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดสงครามครั้งใหญ่นั้นแล้ว
เช่นนั้นตอนนี้ คนในเผ่าของพวกมันจึงไม่ผูกพันธสัญญากับมนุษย์เลย และมันก็กลายเป็นเผ่าที่ค่อนข้างน่าเวทนาที่สุดในโลกของหงส์เช่นกัน ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ได้รับสิทธิ์มาแค่สี่คนเช่นนี้หรอก
และนี่คือตอนที่มู่เฉียนซีได้เห็นเผ่าหงส์ชนิดอื่น นอกเหนือจากเผ่าหงส์นิล
โม่อี้เฟยกล่าวเตือนว่า “มู่เฉียนซี คนเหล่านี้ก็คือคนของเผ่าหงส์ดำ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับเผ่าหงส์นิลของพวกเราเท่าไรนัก! แต่ทว่าพวกเขาชอบทำสงครามอย่างโหดร้ายมาก วันนี้พวกมันมาเพื่อสร้างปัญหา หากต้องสู้กันคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าจะต้องระวังตนเองด้วย”
หงส์ดำทั้งสี่นี้กล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า “นั่นเป็นเพราะพวกข้าดูถูกการผูกพันธสัญญากับมนุษย์ จะไปเหมือนอย่างเช่นพวกเจ้าได้อย่างไร”
“มอบผลึกวิญญาณอัสนีมาให้ครึ่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ พวกข้านั้นจะไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้ว” แววตาของหงส์ดำเหล่านั้นเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีเจตนาคุกคามอีกด้วย
“เจ้าคิดว่า พวกข้าจะกลัวพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” พลังวิญญาณของโม่ชิงอู่ระเบิดออกมา
พี่ใหญ่ของพวกหงส์ดำพุ่งออกมา และกล่าวว่า “โม่ชิงอู่ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะสูงมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นก็ให้ข้าได้ลองประมือกับเจ้าสักหน่อยเถอะ”
“เจ้า…”
ในตอนที่โม่ชิงอู่พุ่งตัวออกไปเพื่อจัดการ อีกสามคนที่อยู่ข้างหลังเขานั้นก็ลงมือด้วยเช่นกัน
โม่ซูและโม่อี้เฟยเข้าจัดการกับอีกสองคนนั้น ต่อจากนั้นก็มีอีกคนหนึ่ง ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี
เขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างคลุมเครือแล้วกล่าวว่า “มนุษย์ ปล่อยผู้ผูกพันธสัญญาของเจ้าออกมา”
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน และพวกของไป๋ฉางก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากนี่เป็นการประลองฝีมือของพวกเขาเผ่าหงส์
ถึงนี่ก็ไม่ได้เป็นกฏที่ถูกกำหนดไว้ แต่เผ่าหงส์ทั้งหมดต่างก็ยอมรับในกฏเหล่านี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ของข้ากำลังนอนหลับอยู่ ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเจ้าหรอก! ให้ข้าจัดการเรื่องนี้ก็เพียงพอแล้ว”
เฮยเฉิงกล่าวเหน็บแนม “กำลังนอนหลับอะไรกัน? ข้าว่าเจ้าหงส์นิลตัวนั้นขี้ขลาดตาขาวเสียมากกว่า จึงไม่กล้าออกมาละสิ!”
“เป็นเช่นนี้ก็ดี รอให้ข้าจัดการเจ้าได้แล้ว ข้าจะดูสิว่ามันจะออกมาหรือไม่?” เฮยเฉิงเซินยิ้มอย่างเย็นชา และระเบิดพลังวิญญาณที่น่าหวาดกลัวออกมา
ความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ มีกำลังความแข็งแกร่งแย่ยิ่งกว่าโม่ชิงอู่เสียอีก
และจากนั้นก็มีลำแสงสีดำระเบิดออกมา ซึ่งนั้นก็คือพลังแห่งความมืด
เผ่าหงส์ทุกเผ่า ต่างก็จะมีพลังชนิดหนึ่ง ซึ่งเผ่าหงส์นิลจะมีโม่เหยียน ส่วนเผ่าหงส์ดำนั้นก็คือพลังแห่งความมืด
พลังแห่งความมืดนี้ ช่างอ่อนแอเสียจริง ๆ เลย! มู่เฉียนซีแอบคิดในใจ
เพราะถึงอย่างไร นางก็เคยได้เห็นพลังแห่งความมืดอย่างหาตัวจับยากของจิ่วเยี่ยมาก่อน
เผ่าหงส์ดำปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยความอาฆาตแค้น ดังนั้นเมื่อเขาลงมือกันมู่เฉียนซี แน่นอนว่าย่อมเป็นกระบวนท่าที่น่าหวาดกลัวและต้องการที่จะฆ่านางอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
สีหน้าของมู่เฉียนซีนั้นสงบนิ่ง
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! เงาร่างนั้นสั่นไหว แล้วหายไปจากตำแหน่งนั้นในทันที
ตูม!
การโจมตีของเฮยเฉิง คว้าน้ำเหลวไปโดยตรง
เขายิ้มกว้างแล้วกล่าวว่า “หลบอย่างนั้นหรือ? ข้าจะดูว่าครั้งนี้ เจ้ายังจะสามารถหลบได้อีกหรือไม่?”
มีลำแสงสีดำหลายสิบลำแสง แผดเสียงก้องเข้ามาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พร้อมทั้งพลังการจู่โจมที่น่าหวาดกลัวพุ่งเข้ามาปิดล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้
แต่ครั้งนี้ มู่เฉียนซีไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด!
และได้โต้กลับ!
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณถูกชักออก และความน่าสะพรึงกลัวของเปลวไฟก็ได้ปะทุออกมา
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ด้วยอานุภาพนี้ ทำให้รูม่านตาของเฮยเฉิงหดเกร็งไปชั่วขณะ
แต่ทว่า การโจมตีของมู่เฉียนซี กลับไม่ได้มีเพียงเท่านี้แค่นั้น
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์”
มังกรน้ำแข็งตรงเข้าไปฉีกกระชากการโจมตีของพลังแห่งความมืดนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดอย่างฉับพลันและรุนแรงเช่นนี้ สีหน้าของเฮยเฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างมากในทันที
การโจมตีของตนเองถูกทำลาย และในตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่หลบหลีกเท่านั้น
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ในตอนที่เขากำลังจะหลบหลีกนั้น แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่มู่เฉียนซีได้มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาเสียแล้ว
“ทักษะโยวจั๋ว!”
เดิมทีแล้วก็ยังไม่มีโอกาสให้เฮยเฉิงผู้นี้ได้แสดงถึงรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาเลย กลับต้องถูกทักษะหนึ่งทำให้เขาร่วงหล่นล้มตึงลงไปอยู่บนพื้นเสียแล้ว
ปัง!
พรวด! เฮยเฉิงล้มลงไปบนพื้น แล้วกระอักเลือดออกมา
ความแข็งแกร่งของร่างกายสัตว์เทพสูงส่งขนาดนี้ แต่กลับถูกมนุษย์ใช้เพียงทักษะเดียวป่นกระดูกจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้
เขามองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความหวาดผวา และความคับแค้นใจอย่างถึงที่สุด!
“เจ้ามันเป็นมนุษย์ที่น่ารังเกียจ!”
ครืน!
การต่อสู้ของอีกสามฝ่ายนั้น ก็มาถึงจุดตึงเครียดที่สุดอย่างเห็นได้ชัดแล้วเช่นกัน
พวกเขาต่างก็แปลงกายเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง ภายนอกหงส์ดำและหงส์นิลมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก
แต่ทว่าขนปีกของหงส์นิล มีความนุ่มนวลและเงางามยิ่งกว่า แต่ทว่าของหงส์ดำเหล่านั้นกลับดูหยาบกร้านและยุ่งเหยิง
มิแปลกใจเลยที่เผ่าหงส์ดำและเผ่าหงส์นิลมักจะไม่ชอบหน้ากันอยู่เสมอ
ครืน!
ในตอนเริ่มต้นของการต่อสู้ คู่ต่อสู้อื่นอีกสองคนก็ถือได้ว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกัน!
แต่ทว่าโม่ชิงอู่กลับถูกกดเอาไว้ ความแข็งแกร่งจึงด้อยกว่าผู้ชายคนนั้นเล็กน้อย “โม่ชิงอู่ เจ้ายอมแพ้ไปเสียเถอะ! อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหงส์นิล ก็คงไม่มากไปกว่านี้ได้หรอก! ฮ่า ๆ ๆ!” หงส์ดำที่อยู่กลางอากาศ หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง