ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 163 เจ็ดวันหนึ่งจุมพิต
มู่เฉียนซียังไม่ทันคิดว่าจะขอบคุณเขาอย่างไรดี จิ่วเยี่ยก็ใกล้เข้ามาแล้ว ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ เข้ามาใกล้ เขากล่าว “เจ้า… ข้าชอบกลิ่นของเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ”
“จูบกัน…”
ในพื้นที่แคบ ๆ นี้ มู่เฉียนซีไม่สามารถหลบหลีกไปที่ใดได้ ถูกจิ่วเยี่ยจับไว้ วิธีที่เขาแสดงความชอบต่อนาง ทําให้นางจนปัญญา การบุกเข้ามาอย่างไร้ยางอายทําให้หัวใจของนางเต้นรัว
— ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! —
เมื่อมู่เฉียนซีได้สติกลับมา คิดจะลงมือกับจิ่วเยี่ยทว่ามีหรือนางจะทัน จิ่วเยี่ยรีบจับนางไว้ ผลลัพธ์ยิ่งรุนแรงขึ้น!
เมื่อลุงหม่าได้ยินความเคลื่อนไหวด้านในพลันอึ้งไปเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำ
เขาชะลอรถม้า ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “วัยหนุ่มช่างเป็นสิ่งที่ดีเสียจริง”
มู่เฉียนซีผลักจิ่วเยี่ยไปที่ขอบของรถม้า “จิ่วเยี่ย ต่อไปหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าอย่ามาลอบโจมตีข้าด้วยปาก ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธเจ้าจริง ๆ ด้วย”
“ไม่รู้ ข้าควบคุมไม่ได้ …แค่คิดอยาก ก็ทำ” จิ่วเยี่ยมีเพียงสีหน้าสงบนิ่ง น้ำเสียงของเขาเผด็จการ ทําให้มู่เฉียนซีรู้สึกจนปัญญา
มู่เฉียนซี “จิ่วเยี่ย ข้าไม่ชอบให้ใครมาทําเรื่องใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้”
“ข้ากับเจ้า เรายังไม่สนิทสนมกันอีกรึ ?” สายตาของจิ่วเยี่ยจับจ้องมองร่างมู่เฉียนซี เขาแทบอยากจะเผาเสื้อผ้าของนาง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้า… หรือว่าเจ้ามารจื่อโยวนั่นบอกเจ้าถึงความคิดไม่ดีเช่นนี้ เจ้าอย่าไปฟังเขา”
หากจิ่วเยี่ยถูกจื่อโยวสอนจนเสียนิสัยไปแล้ว เช่นนั้นนางคงจะต้องบ้าคลั่งเป็นแน่แท้ จิ่วเยี่ยกลายเป็นผู้ที่ยากจะรับมือได้
“อืม ข้าจะไม่ฟังเขา แต่ฟังเจ้า” จิ่วเยี่ยพยักหน้า
“ดีมาก ต่อไปเจ้าจงฟังข้า อย่าจูบข้ามั่ว ๆ อีกล่ะ”
“ไม่” จิ่วเยี่ยปฏิเสธทันควัน คิ้วเขาขมวดเล็กน้อย “ไม่จูบ ข้าคงจะเป็นทุกข์”
ให้ตายเถอะ มู่เฉียนซีอดไม่ได้ที่จะด่าบรรพบุรุษรุ่นที่สิบแปดผู้ซึ่งสาปแช่งจิ่วเยี่ย จะต้องขาดคุณธรรมเพียงใด ถึงได้สร้างคำสาปเช่นนี้ใส่จิ่วเยี่ย
“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถรักษาข้าได้ เจ้าจูบข้าก่อนวันละครั้งเป็นอย่างไร ?” จิ่วเยี่ยถาม ทำสีหน้าใสซื่อ
วันละครั้ง! ใบหน้ามู่เฉียนซีหม่นคล้ำลง นางกล่าวว่า “ไม่ได้ มากสุดเดือนละครั้งเป็นอันเพียงพอ”
“สามวัน”
“ครึ่งเดือน!”
“สี่วัน”
“เจ็ดวัน!”
“ได้” มุมปากของจิ่วเยี่ยยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม
ในความมึนงง มู่เฉียนซีรู้สึกประหนึ่งว่าตนเองกำลังตกลงไปในคูน้ำ นางจ้องจิ่วเยี่ยเขม็ง นางนั้นหลอกคนอื่นมาตลอด วันนี้นางกลับถูกเจ้าก้อนน้ำแข็งนี่หลอก “จิ่วเยี่ย เจ้าหลอกข้า”
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา “เช่นนั้นวันละครั้ง”
มู่เฉียนซีกําหมัดแน่น กล่าวอย่างจำใจ “เจ็ดวันก็เจ็ดวัน”
พวกเขามาถึงหน้าประตูจวนสกุลมู่ มู่เฉียนซีกระโดดลงจากรถม้า ใบหน้าทาบทาความโกรธเกรี้ยว ลุงหม่าเห็นนาง ก็มองไปที่ใบหน้าที่แดงก่ำนั้นก่อนจะกล่าว “ท่านผู้นำตระกูล ท่านอย่าได้เขินอายไปเลย ท่านให้องค์ชายเยี่ยหลับนอนด้วยกันกับท่านวันละหนึ่งครั้ง เช่นนี้ตระกูลมู่ของพวกเราก็จะมีผู้นำตระกูลมู่ตัวน้อยในไม่ช้า”
ฟังวาจาลุงหม่า มู่เฉียนซีแทบเข่าทรุดลงกับพื้น รู้สึกเหมือนว่ามีอีกานับไม่ถ้วนบินผ่านหัวของนาง พวกเขาคุยกันเสียงไม่เบาเลย ทั้งความสามารถกอปรกับประสบการณ์ของลุงหม่าก็ไม่ได้ต่ำ …สิ่งที่พวกเขาพูด สิ่งที่พวกเขาทํา เกรงว่าลุงหม่าจะได้ยินอย่างชัดเจน
อับอายแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป มู่เฉียนซีรีบวิ่งเข้าไปในจวนตระกูลมู่อย่างรวดเร็วราวกับสายลม จิ่วเยี่ยมองแผ่นหลังของนางที่กำลังหายไปจากสายตา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม เจ็ดวันครั้ง นางเป็นฝ่ายรุก… ไม่เลวเลย
แม้มู่เฉียนซีจะออกมาจากพระราชวังอย่างปลอดภัย แต่ในเวลากลางคืน มีคนบุกเข้าไปในจวนของนางเพื่อลอบสังหารนาง
— โครม! —
ทว่ามู่เฉียนซีชำนาญเรื่องการวางยาเพื่อลอบสังหาร ผู้บุกรุกเข้ามาเตะแผ่นเหล็กกับดักของนางพอดี
มู่เฉียนซีถามในทันใด “ใครส่งพวกเจ้ามา ? ตอบมาเดี๋ยวนี้!”
— ตึง! ตึง! ตึง! —
คนเหล่านี้ยังไม่ทันได้ตอบ กลับล้มลงกับพื้น กระอักเลือดเสียชีวิต
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำ “กู่หนอน คนที่ถูกพิษชนิดนี้ ต้องการจะสอบปากคําก็ไม่สามารถสอบปากคําอะไรได้”
ขณะนั้น เงาร่างสีขาวพระจันทร์ค่อย ๆ โรยตัวลงมา เขาคือซวนหยวนชิงอวิ๋น
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวถาม “เฉียนซี เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ?!”
มู่เฉียนซี “ไม่มีอะไร เพียงแค่ไม่สามารถถามพวกนักฆ่าที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนี้ได้”
ซวนหยวนชิงอวิ๋น “ข้ามีเบาะแสบางอย่าง เฉียนซีอยากจะฟังหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซี “โอ้ ดี! ขอบคุณเจ้ามาก ว่ามาได้เลย ข้ายินดีที่จะฟังเจ้าแบ่งปัน”
คนเหล่านี้น่าจะเป็นองค์ไทเฮาส่งมา ในแคว้นจื่อเยี่ย คนเหล่านี้สามารถใช้กู่พิษได้ อาจจะเกี่ยวข้องกับสำนักนิกายไป๋กู่ที่ถูกทําลายเมื่อร้อยปีก่อน” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าว
“นิกายไป๋กู่รึ ? คงต้องตรวจสอบแล้ว คนพวกนี้เล่นสกปรกน่าขยะแขยงยิ่งนัก” ดวงตาของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือก
ซวนหยวนชิงอวิ๋นถามเสียงเบา “เฉียนซี เจ้ารู้สึกอย่างไรกับชายผู้นั้นกันแน่ ?”
มู่เฉียนซีมองซวนหยวนชิงอวิ๋นด้วยความประหลาดใจก่อนจะกล่าวว่า “ชิงอวิ๋น เจ้าที่ไม่แยแสกับทุกเรื่องมาตลอด ชอบซุบซิบนินทากับเขาเหมือนกันหรือ ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋น “ไม่ใช่ซุบซิบนินทา ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ”
ชายผู้นั้น หากไม่ได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการ เกรงว่าจะทําลายให้พินาศไป
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “วางใจเถอะ! จิ่วเยี่ยไม่มีทางทําร้ายข้าอย่างแน่นอน”
ในสถานการณ์ที่คำสาปปะทุขึ้น จิ่วเยี่ยไม่ได้ฉีกนางเป็นชิ้น ๆ ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าเขาจะไม่ทําร้ายนางไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ซวนหยวนชิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เฉียนซีมีสถานะที่ไม่ธรรมดาและจิตใจอันดื้อรั้น นางไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจผู้อื่นได้ง่าย ๆ แต่นางกลับเชื่อใจจิ่วเยี่ย
หากนางเชื่อ เช่นนั้นเขาก็เชื่อในสายตาของนางด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ชิงอวิ๋น ข้าถามจิ่วเยี่ยเกี่ยวกับน้องเก้าของเจ้า แม้ว่าข้าจะไม่ได้ถามถึงเรื่องราวทั้งหมด แต่ข้าก็รู้แล้วว่าเขาไปที่ไหน”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นตกตะลึง “เขาบอกมาหรือ ?”
ดูเหมือนว่าชายคนนั้น จะให้เฉียนซีเป็นคนพิเศษจริง ๆ!
“อืม เขาบอกแล้ว แต่เจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม”
“เฉียนซี เจ้าพูดมาเถอะ ข้าอยากรู้คําตอบนี้มานานแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจัง “จิ่วเยี่ยบอกว่าน้องเก้าของเจ้าอยู่ในแดนนรก เขาเลือกที่จะไปเอง แต่มันไม่จำเป็นว่าเขาต้องตาย”
ซวนหยวนชิงอวิ๋น “แดนนรก! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าน้องเก้าจะเลือกไปแดนนรก”
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม ใบหน้าฉงนสงสัย “แดนนรกคืออะไรหรือ ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋น “ข้าได้เรียนรู้บางอย่างจากความทรงจําของจักรพรรดิแห่งสงครามขวางอวิ๋น ข้ารู้เพียงว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าแดนนรก ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรามักเรียกว่านรก สถานที่นั้นสามารถทําลายทั้งทวีปเซี่ยโจวของเราได้ มันมีพลังอันยิ่งใหญ่อยู่”
“แดนนรกหรือ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจิ่วเยี่ยก็ออกมาจากที่นั่นด้วย ? คนที่นั่นมีความแข็งแกร่งมาก ไม่แปลกใจเลยที่เขาบอกตอนที่ข้ายังไม่รู้” มู่เฉียนซีพึมพํากับตัวเอง
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าว “เฉียนซี ขอบคุณเจ้ามาก ข้าได้รู้ความตามปรารถนาแล้ว น้องเก้าไปสถานที่เช่นนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา หากเขายังมีชีวิตอยู่ ข้าเชื่อว่าเขาจะกลับมา”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “มันเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ เท่านั้น”
ขณะนั้นเอง แสงสีม่วงพุ่งออกมาจากทางใต้ มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ค่ำคืนที่มืดสลัวของแคว้นจื่อเยี่ยสว่างไสวด้วยแสงสีม่วงทันที ขณะที่มีกลิ่นหอมจาง ๆ ลอยออกมาจากที่ไกล ๆ
มู่เฉียนซีนางรับรู้ได้ กลิ่นหอมนี้เป็นกลิ่นหอมของยา!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แสงนี้คืออะไรกัน ?”
.