ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1631 เผ่าหงส์เพลิง
เมื่อทอดสายตามองออกไป บริเวณโดยรอบเป็นซากปรักหักพังเนื่องจากถูกสายฟ้าฟาด
และมีเพียงหอหลอมอัสนีที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น ที่สามารถต้านทานพลังการทำลายล้างของฟ้าดินที่หาที่สุดไม่ได้ของแคว้นหลอมอัสนีได้อย่างแข็งแกร่งมากที่สุด
มีร่างเงาหลายคนต่างพุ่งเข้าไปอยู่โดยรอบของหอหลอมอัสนี และมีคนอยู่อีกจำนวนไม่น้อยที่เฝ้าจับตามองการเปิดของหอหลอมอัสนีอยู่อย่างเงียบ ๆ
เผ่าหงส์นั้นมีมากกว่าร้อยชนิด และคนที่มายังหอหลอมอัสนี ก็มีคนมากถึงเกือบพันคนเลยทีเดียว
แน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่ใช่อัจฉริยะทั้งหมดของเผ่าหงส์ต่างก็ได้มาที่นี่
เดิมแล้วผู้แข็งแกร่งบางคนไม่จำเป็นต้องมาเลื่อนขั้นกันที่หอหลอมอัสนี ดังนั้นโดยธรรมดาที่พวกเขาจะไม่มาเสียเวลาในที่แห่งนี้
มีเงาร่างนับสิบพุ่งตรงเข้ามา ซึ่งกลุ่มนั้นน่าจะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนคนเยอะที่สุดกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน
“ที่แท้ก็คนของเผ่าหงส์นิลมาแล้วนี่เอง! ครั้งนี้เผ่าหงส์นิลของพวกเจ้าช่างน่าเวทนาเสียเหลือเกิน! เนื่องจากมีเพียงแค่สี่สิทธิ์เท่านั้น ถึงจะนับรวมมนุษย์ที่ผูกพันธสัญญากับพวกเจ้าเข้าไปด้วยก็มีเพียงสิทธิ์ที่จะเข้ามาเพียงแค่แปดคนเท่านั้นเอง”
คนในกลุ่มของพวกเขาเหล่านี้แต่งตัวอย่างสวยสดงดงาม โดยที่ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นสีแดงเข้มเป็นหลัก
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ฉื้อเมิ่ง เผ่าหงส์นิลของพวกข้าจะเป็นเช่นไร แล้วมันเกี่ยวข้องกับเจ้าตรงไหนหรือ?”
“โม่ชิงอู่ เจ้ายังคงน่าเบื่อหน่ายเหมือนเช่นเคยเลยนะ” ฉื้อเมิ่งกล่าวอย่างเย็นชา
จากนั้นนางก็มองไปทางไป๋ฉาง “พี่ไป๋ฉาง ท่านเลือกโม่ชิงอู่ มันจะต้องเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน! หากตอนแรกท่านเลือกข้าคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว!”
เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าและจิตใจที่เย็นชาของโม่ชิงอู่แล้ว ฉื้อเมิ่งนั้นดูเป็นคนกระตือรือร้นอีกทั้งยังเปิดเผยยิ่งกว่า
ในตอนแรกที่ไป๋ฉางคัดเลือกผู้ผูกพันธสัญญา ต่างก็มองทั้งสองคนในแง่ดี!
คนหนึ่งคือโม่ชิงอู่ของเผ่าหงส์นิล ส่วนอีกคนคือฉื้อเมิ่งของเผ่าหงส์เพลิง
สุดท้ายแล้วไป๋ฉางก็เลือกโม่ชิงอู่ นั่นไม่ใช่เพราะเรื่องของพรสวรรค์หรือความแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะว่าโม่ชิงอู่มีพ่อบุญธรรมจะที่เป็นราชาของหงส์นิลในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ความไม่พอใจของโม่ชิงอู่และฉื้อเมิ่งทั้งสองคนจึงจบลงไปเช่นนี้ และฉื้อเมิ่งยังคงมีความแค้นเคืองอยู่ในใจมาตลอด
ฉื้อเมิ่งกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “ข้ารู้สึกว่า เผ่าหงส์นิลของพวกเจ้ารีบจากไปอย่างหงอยเหงาเสียจะดีกว่า! ครั้งนี้เผ่าหงส์เพลิงของพวกข้าจะมาทำการใหญ่ เลยไม่อยากจะให้พวกเจ้ามาอยู่รกหูรกตาที่นี่”
“ฉื้อเมิ่ง!” มีเสียงเตือนที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้น
ฉื้อเมิ่งแลบลิ้นปลิ้นตาก่อนจะกล่าวว่า “ท่านพี่หญิงลั่วอวี่ ข้าเข้าใจแล้ว”
ส่วนหญิงสาวที่เพิ่งพูดคนนั้น กับคนที่พูดผู้นี้ และยังมีดวงตาสีแดงก่ำอีกคู่หนึ่ง ทำให้มู่เฉียนซีสามารถรู้สึกได้ว่าบนร่างกายของนางมีแรงกดดันของราชวงศ์หงส์อยู่ด้วย
และเมื่อดูจากตำแหน่งและบุคลิกของนางแล้ว สามารถมองออกได้ว่าเป็นผู้นำของกลุ่มเผ่าหงส์เพลิงแน่นอน
มู่เฉียนซีมองไปทางโม่ชิงอู่แล้วกล่าวว่า “โม่ชิงอู่ จะไม่แนะนำพวกเขาให้ข้ารู้จักหน่อยหรือ?”
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “พวกเขาเป็นคนของเผ่าหงส์เพลิง คนเมื่อครู่นี้คือฉื้อเมิ่ง และคนที่พูดคนนั้นก็คือฉื่อลั่วอวี่ นางเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเผ่าหงส์เพลิง และในเวลาเดียวกันก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของราชาฉื่ออีกด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าเผ่าหงส์ของพวกเจ้า เป็นเผ่าหงส์เพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดสินะ!”
เผ่าหงส์มีเจ็ดราชวงศ์หลัก และยังมีเผ่าจักรพรรดิของหงส์ทองหลากสี และบวกกับเผ่าหงส์นิล จึงเป็นที่รู้จักในฐานะเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดของสายเลือดหลักทั้งเก้า แต่เนื่องจากเผ่าหงส์นิลตกอยู่ในความยากลำบาก จึงได้ถูกขับไล่ออกมาหลายปีแล้ว
แน่นอนว่า นอกจากสายเลือดที่แข็งแกร่งของแต่ละเผ่าแล้ว ยังมีองค์ประกอบหลักของเผ่าหงส์ที่ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย แต่ทว่ากลับถ่อมตนมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่นเผ่าหงส์น้ำ หงส์น้ำแข็ง หงส์ไฟ และหงส์อัสนีเป็นต้น!
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ครั้งนี้บรรดาราชวงศ์หลายพระองค์ของเผ่าหงส์เพลิงก็มาด้วย คาดว่ายังคงดูถูกช่องทางการเลื่อนขั้นของหอหลอมอัสนีนี้เป็นแน่”
เมื่อเชื่อมโยงกับตอนที่ฉื้อเมิ่งพูดออกมาโดยที่ไม่ผ่านการใช้สมองเมื่อครู่นี้ มู่เฉียนซีรู้สึกว่าภารกิจที่พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ คาดว่าน่าจะไปหอหลอมอัสนีเพื่อตามหาคัมภีร์หมื่นคำสาปแน่นอน!
ตามข้อมูลที่นางได้สอบถามมา เป็นครั้งแรกที่รู้ว่ามีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่จะมีคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ที่หอหลอมอัสนี และทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะแสดงความภักดีต่อราชาเทพของเผ่าหงส์ จึงได้ให้อัจฉริยะสูงสุดของยอดอัจฉริยะมาด้วย แต่ผลกลับไม่ได้รับอะไรเลย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ได้ส่งคนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงไม่ได้อะไรอยู่ดี เช่นนั้นตอนนี้จึงได้ส่งคนลดน้อยลงเรื่อย ๆ และคาดว่าน่าจะไปมุ่งเน้นกับอีกสองสถานที่ที่เหลือแล้ว
ฉื้อเมิ่งไม่คิดที่จะปล่อยโอกาสในการเสียดสีโม่ชิงอู่ จากนั้นก็มองมาที่พวกเขาแล้วกล่าวว่า “เอ๊ะ! เผ่าหงส์นิลของพวกเจ้า ยังมีคนที่ขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าที่จะพบเจอผู้คนอยู่ด้วยนี่! เมื่อเข้าไปในหอหลอมอัสนีแล้ว ก็คงไม่อาจหลบซ่อนอยู่ในมิติของผู้ผูกพันธสัญญาได้แล้วล่ะนะ!”
หลังจากนั้นนางก็มองมาที่มู่เฉียนซี ด้วยใบหน้าอันงดงามและละเอียดอ่อนนั้นทำให้สายตาของนางเปล่งประกายไปด้วยความอิจฉา
“มนุษย์ผู้นี้ รูปร่างหน้าตางดงามมากเลยทีเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่าความสามารถจะเป็นเช่นไร? คงจะไม่ใช่แจกันใบหนึ่งหรอกใช่หรือไม่?”
ถึงโม่ชิงอู่จะสวยมากกว่านางก็ช่างมันเถอะ ไม่คาดคิดเลยว่าเผ่าหงส์นิลจะมีหญิงสาวที่งดงามมากเช่นนี้อยู่ด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คำพูดของเจ้ามันจะมากเกินไปแล้ว คนอย่างเจ้ามีตรงไหนที่คล้ายกับหงส์ตัวหนึ่งกัน ดูแล้วเป็นเหมือนไก่แดงตัวผู้ที่หยิ่งผยองตัวหนึ่งเสียมากกว่า?”
ไก่ตัวผู้!
ฉื้อเมิ่งโกรธขึ้นมาทันที “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
และนั่นทำให้โม่ชิงอู่อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ มู่เฉียนซีผู้นี้ไม่ว่าจะคำพูดแบบไหนก็กล้าที่จะพูดออกมาจริง ๆ สินะ?
“โอ้! เจ้าต้องการที่จะให้ข้าพูดอีกรอบหรือไม่?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าว
“มนุษย์ แล้วข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีแน่!” ฉื้อเมิ่งพุ่งตรงออกไป แล้วกล่าวว่า “ปล่อยหงส์ของเจ้าออกมา แล้วให้มาสู้กับข้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จัดการเจ้า ยังไม่ต้องใช้นางหรอก!”
“ดี! ดีเสียจริง!” บนร่างกายของฉื้อเมิ่งถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง และเตรียมที่จะลงมือ
ในตอนนั้นก็มีเสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ฉื้อเมิ่ง! พอได้แล้ว อย่ามาลงมือที่นี่”
ฉื้อเมิ่งเป็นคนใช้อํานาจบาตรใหญ่มาโดยตลอด แต่ทว่ากลับไม่กล้าที่จะไม่ฟังคำพูดของฉื่อลั่วอวี่
“ลั่วอวี่ ก็ได้ ข้าเชื่อฟังท่าน!”
ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะลงมือได้ รอให้เข้าไปในหอหลอมอัสนีค่อยว่ากัน
หวังว่า พวกคนของเผ่าหงส์นิลเหล่านี้ จะยังมีคุณสมบัติที่ได้เข้าไปสู่หอหลอมอัสนี
เพียงแต่ถ้าหากว่าพวกเขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะได้เข้าไปในหอหลอมอัสนี เช่นนั้นก็คงจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้นางได้ลงมือตั้งแต่แรก
ในเวลานี้โม่ชิงอู่เคยกวาดความเป็นอัจฉริยะจากทุก ๆ ด้าน ถึงแม้ว่าเผ่าหงส์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดจะไม่ได้มาในครั้งนี้ แต่ทว่าคนที่มาเหล่านี้ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการได้
ครืน!
สายฟ้าฟาดบนหอหลอมอัสนี ยิ่งส่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างอึกทึกครึกโครม
และนี่ก็เป็นสัญญาณว่าหอหลอมอัสนีกำลังจะเปิดออกแล้ว
ตามที่คาดไว้ ในช่วงเวลาเดียวกันกับตอนที่สายฟ้าครั่นครืนนับครั้งไม่ถ้วนเกิดขึ้น ประตูแต่ละบานของหอหลอมอัสนีก็ถูกเปิดออกแล้ว
“สิบสองประตู! ไม่คาดคิดว่าจะมีเพียงแต่สิบสองประตูเท่านั้น”
“หรือว่าหอหลอมอัสนีก็ใกล้ที่จะประคับประคองไม่ไหวแล้วเช่นนั้นหรือ? ช่วงนี้ประตูนับวันยิ่งเปิดน้อยขึ้นเรื่อย ๆ”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่ประตูทั้งสิบสองบานแล้วกล่าวว่า “ทุกคนต่างก็ตึงเครียดเช่นนี้ หรือว่าประตูบานหนึ่งจะสามารถเข้าไปได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นหรือ?”
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ประตูบานหนึ่ง เข้าได้เพียงแค่เผ่าเดียวเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ยังดี!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
หากว่าเป็นเพียงแต่คนเดียวเท่านั้น คัดเลือกสิบสองคนออกมาจากคนมากมายถึงขนาดนี้ เช่นนั้นคงจะมีปัญหาไม่น้อย
ไป๋ฉางกล่าวว่า “ยังดี ที่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่แย่มากเท่าไรนัก”
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “พวกเราจะไปคว้าประตูที่สามจากทางซ้ายมือ จำเป็นที่จะต้องรวดเร็ว ครั้งนี้ จะพ่ายแพ้ไม่ได้!”
หากแม้แต่หอหลอมอัสนีก็ไม่อาจเข้าไปได้ นางคาดว่าคงไม่มีหน้าที่จะกลับไปที่เผ่าหงส์นิลอีกแล้ว
ทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่เร็วที่สุด
พวกของฉื่อลั่วอวี่ก็เลือกประตูบานหนึ่งที่อยู่ตรงกลางมากที่สุด แล้วกล่าวว่า “ประตูบานนี้ จะต้องเป็นของเผ่าหงส์เพลิงของพวกเรา ใครกล้ามาแย่งไป เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าฉื่อลั่วอวี่ไม่เกรงใจ” หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีแรงกดดันของสายเลือดราชันย์แผ่กระจายออกมา
.
.