ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1638 ไม่อาจขวางได้
แม้ว่าฉื้อฉินเมื่อต่อสู้แล้วจะไม่ได้มีโดดเด่นมากนักเหมือนกับฉื้อลั่วอวี่ แต่ท่ามกลางเผ่าหงส์ทั่วไปแล้ว พวกเขาเป็นอัจฉริยะผู้ยอดเยี่ยมแน่นอน
เปลวไฟพุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศ นางกับเฮยหลิวยืนขนาบข้างกัน
พลังแห่งเปลวไฟที่ลุกโชนกับพลังอันมืดผสานพัวพันกัน
แววตาของมู่เฉียนซีฉายแววจิตสังหารอันลึกล้ำออกมา ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งมากเท่าไร นางก็ยิ่งสนใจมากขึ้นเท่านั้น
เผชิญหน้ากับการโจมตีของพวกเขาทั้งสอง มู่เฉียนซีไม่ได้ใช้เกราะป้องกันอันใด!
อันที่จริงควรจะพูดว่า ไม่จำเป็นต้องใช้การป้องกันมากกว่า
“บัวแดงพิฆาต!”
เฮยหลิวกล่าว “เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
เขาไม่เชื่อหรอกว่าการป้องกันของคนสองคน จะไม่สามารถป้องกันการโจมตีของมนุษย์ผู้นี้ได้
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง
เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น มู่เฉียนซีถูกโอบล้อมไปด้วยการโจมตีของพวกเขา และพวกเขาเองก็รีบหลบหลีกบัวอัคคีเช่นกัน
ร่างในชุดม่วงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า แขนอันเรียวยาวข้างหนึ่งพุ่งเป้าไปยังใบหน้าของเฮยหลิว
“ทักษะโยวจั๋ว!”
“เจ้า…” เฮยหลิวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงเลยว่านางจะไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
“กรงเล็บหงส์เพลิงสังหาร!”
เปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวม้วนตัวพุ่งเข้ามา มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวด้วยพลังธาตุวารีอย่างรวดเร็ว
“มังกรวารีทำลาย!”
“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!”
ทักษะวิญญาณพลังธาตุวารีทั้งสองดูเหมือนว่าจะพุ่งออกไปในเวลาเดียวกันก็มิปาน
มู่เฉียนซียังคงใช้ประโยชน์จากพลังธาตุวารีได้อย่างแม่นยำ
พลังธาตุวารีที่ทั้งบริสุทธิ์และทั้งแข็งแกร่งนั้นทำให้คนทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น มังกรวารีตัวหนึ่งและมังกรน้ำแข็งตัวหนึ่งทำให้กรงเล็บหงส์เพลิงนี้ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
เสียง ตูม! ดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้น ฉื้อฉินกระเด็นลอยออกไป
แม้ประตูหลายประตูก่อนหน้านี้จะถูกแย่งชิงกันโดยการต่อสู้ แต่ทางด้านมู่เฉียนซีนั้นเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุด
ฉื้อลั่วอวี่รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก มู่เฉียนซีแข็งแกร่งกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มากเลยทีเดียว
ฉื้อฉินกับเฮยหลิวไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน จึงลงมือกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง
“เพลิงสังหารซิวหลัว!” พลังธาตุอัคคีปะทุออกมา การโจมตีด้วยกระบี่นี้ มู่เฉียนซีไม่ยั้งมือไว้ปรานีเลยแม้แต่น้อย
ความเร็วราวกับปีศาจนั้น การป้องกันทางร่างกายอันแข็งแกร่งนั้นทำให้ฉื้อฉินกับเฮยหลิวต้องถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้
แม้จะเป็นการต่อสู้สองรุมหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังคงเสียเปรียบอยู่ดี
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ ประตูบานนี้กำลังจะถูกเปิดออก!
ฉื้อลั่วอวี่พุ่งเข้าไปอย่างไม่รีรอ และไม่สนการต่อสู้ของมู่เฉียนซีและฉื้อฉินเลย
นางกล่าว “ฉื้อฉิน มู่เฉียนซีแห่งเผ่าหงส์นิลผู้นี้มอบให้เป็นหน้าที่เจ้าจัดการแล้ว”
ตูม! โม่ชิงอู่ก็จัดการคู่ต่อสู้ของตัวเองได้แล้ว
นางมุ่งไปที่มู่เฉียนซีแวบหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “มู่เฉียนซี เจ้าสู้ ๆ ก็แล้วกันนะ!”
จากนั้นพวกเขาก็พุ่งตัวเข้าไปแล้ว
ฉื้อฉินกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางดุดันว่า “มู่เฉียนซี ต่อให้พวกข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ในตอนนี้ แต่เจ้าก็อย่าหวังจะได้เข้าไปเลย”
เพียงคำคำเดียว ยื้อ! ยื้อเวลาเอาไว้จนกว่าประตูจะถูกปิดลง เมื่อถึงตอนนั้นก็จะถูกคัดออกแล้ว
เฮยหลิวกล่าว “ข้าขึ้นไปชั้นหกไม่ได้ มู่เฉียนซี เจ้าก็อย่าหวังจะขึ้นไปได้เลย”
จากนั้นพวกเขาก็พัวพันอยู่กับมู่เฉียนซีไม่ยอมปล่อย
ไม่อาจยืดเยื้อเวลาต่อไปได้แล้ว มู่เฉียนซีพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
พลังธาตุวารีและพลังธาตุอัคคีพุ่งโจมตีออกมาในเวลาเดียวกัน ส่วนเข็มยาของมู่เฉียนซีก็เริ่มทำงานแล้วเช่นกัน
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ร่างในชุดม่วงพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ เข็มยานับไม่ถ้วนพุ่งเป้าโจมตีไปที่ดวงตาของพวกเขาทั้งสอง
พวกเขาไม่เกรงใจ นางเองก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน
เนื่องจากนางไม่อาจให้ตัวเองถูกคัดออกไปจากที่นี่ได้
เฮยหลิวรู้สึกได้ถึงความอันตรายของเข็มยานั้นอีกครั้งแต่ไม่สามารถหลบได้ และทันใดนั้นเอง จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพวกเขา
กระบี่ยาวสีแดงฉานที่เต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเล่มนั้นตัดผ่านอากาศไป จิตสังหารอันกระหายเลือดปกคลุมตัวเขา จนเขารู้สึกเสียวซ่านไปจนถึงกระดูก
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
เปลวไฟนั้นพุ่งมาราวกับเทพสังหารอย่างไร้ความปรานี
หลบหลีกอย่างนั้นเหรอ มันสายไปแล้ว
เฮยหลิวทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เปลวไฟนั้นครอบคลุมตัวเองไปอย่างไร้เรี่ยวแรง และถูกโจมตีจนร่างร่วงลงมาจากกลางอากาศอย่างน่าสังเวช
พรวด! กระอักเลือดคำโตออก ขนบนตัวถูกแผดเผามอดไหม้จนสิ้น
ร่างของเขากระแทกลงบนพื้นและกลายร่างเป็นมนุษย์ บนร่างของเขาถูกแผดเผาจนดำไหม้ไปหลายแผล
เขาที่ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงถูกส่งตัวออกไป กระบี่ของมู่เฉียนซีกวัดแกว่งไปมา ในตอนนี้ถึงคราของฉื้อฉินแล้ว
“เจ้ายังคิดจะสู้อีกหรือไม่?”
“คิดจะขัดขวางข้าไม่ให้ขึ้นไปถึงชั้นหกอย่างนั้นเหรอ?”
ฉื้อฉินมองไปที่ดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นแล้วนางก็ร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี ตอนนี้ตอนเพียงตัวคนเดียว จะสู้ได้อย่างไรกันเล่า
คาดว่านางคงจะอาการสาหัสกว่าเฮยหลิวเป็นแน่ และคาดว่าต้องเสียโฉมอย่างแน่นอน
ฉื้อฉินกล่าว “ข้ายอมรับว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่เจ้าก็อย่าได้ลำพองใจไปหน่อยเลย ต่อให้เจ้าขึ้นไปชั้นหกได้ เมื่อถึงตอนนั้นท่านพี่หญิงลั่วอวี่ก็ไม่ปล่อยเจ้าแน่”
มู่เฉียนหันหลังให้นางและพุ่งตัวเข้าประตูไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นมู่เฉียนซีไปแล้ว ฉื้อฉินก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง
ทว่า ภายในชั่วพริบตาเดียว เสียงพุ่งตัดผ่านอากาศก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังนาง
ฟึ่บ! มีเข็มขนาดเล็กเล่มหนึ่งขุดผ่านร่างของนางจนเกิดบาดแผล
มันง่ายมากที่จะลงมือตอนที่นางไม่ได้ระแวดระวังป้องกันตัวแต่อย่างใดเช่นนี้ การที่มู่เฉียนซีจะทำให้นางบาดเจ็บ มันก็ไม่มีความยุ่งยากอันใดเลย
จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองนั้นผิดปกติ สีหน้าของฉื้อฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก พลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซี…เจ้า…ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะลอบกัด แว้งกัดข้า”
“แว้งกัดเจ้าแล้วมันจะทำไมล่ะ? เจ้าเริ่มตอแยข้าก่อน และข้าก็ไม่ได้ใจกว้างมากพอที่จะปล่อยเจ้าไปด้วย” น้ำเสียงที่ไม่แยแสของมู่เฉียนซีดังออกมาจากข้างใน
ครืน! ในที่สุดประตูทั้งสิบสองบาน ก็ปิดลงอย่างสมบูรณ์
พรวด! ฉื้อฉินกระอักเลือกออกมา เปลวไฟบนร่างกายเริ่มเผาไหม้ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ และทำร้ายแม้กระทั่งตัวนางเอง!
พลังของธาตุอัคคี สูญเสียการควบคุมไปแล้ว!
“อ๊าก!” ฉื้อฉินกรีดร้องขึ้นมาอย่างน่าเวทนา
“อ๊ากกก! บัดซับเอ๊ย นังมนุษย์สมควรตายนั่น…” นางในเวลานี้อับอายเป็นอย่างมาก และร้องคํารามออกมาโดยไม่คํานึงถึงภาพลักษณ์แต่อย่างใด
และก็ยังไม่หยุดลง แม้ว่าจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปนอกหอแล้วก็ตาม
“นั่นใช่เสียงของสาวงามอันดับสองของเผ่าหงส์เพลิง ฉื้อฉินหรือไม่? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นนั้นหรือ?”
“นางบ้าไปแล้วหรือ!”
“……”
มู่เฉียนซีเดินตรงไปยังชั้นที่เจ็ด ความรู้สึกเดียวที่นางสัมผัสได้ในชั้นที่เจ็ดนี้ ก็คือความหนาวเย็น!
บนพื้นดิน ถูกปกคลุมเต็มไปด้วยชั้นของน้ำแข็ง
และโดยรอบบริเวณ ทั้งหมดต่างก็เป็นน้ำแข็ง
ทว่าบนอากาศกลับไม่มีเสียงของสายฟ้า ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงไล่ตามพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋ฉางกล่าวว่า “มู่เฉียนซีดูเหมือนว่าเจ้าจะมีโชคที่ไม่เลวเลย ไม่คาดคิดว่าจะตามขึ้นมาได้แล้ว”
สีหน้าของฉื้อลั่วอวี่เคร่งขรึมทันที ฉื้อฉินพ่ายแพ้แล้ว
ถึงจะเอาชนะมู่เฉียนซีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทว่าแม้แต่จะขวางนางเอาไว้ยังทำไม่ได้ มันช่างทำให้เผ่าหงส์เพลิงต้องอับอายขายหน้าเสียเหลือเกิน
เมื่อยิ่งเดินเข้าไปข้างใน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกหนาวมากยิ่งขึ้น
มีพลังธาตุอัคคีที่คอยปกป้องร่างกายของมู่เฉียนซีเอาไว้ ทำให้นางรู้สึกสบายอยู่ไม่น้อยเลย แต่ทว่าจอมภูตพลังธาตุอัสนีอย่างไป๋ฉางกลับต้องตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหนาวเย็น
“ชิงอู่ รีบใช้พลังธาตุอัคคีของเจ้ามาปกป้องร่างกายของข้า เร็วเข้าสิ”
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ชั้นที่หกนี้อันตรายมาก ไม่อาจเปลืองพลังไปอย่างเปล่าประโยชน์ได้ ไป๋ฉางเจ้าทนอีกหน่อยได้หรือไม่?”
“โม่ชิงอู่ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไม่ฟังคำสั่งของข้า ข้าเป็นเจ้านายของเจ้านะ”
“ข้าเพียงแค่คิดตามสถานการณ์โดยรวมเท่านั้น!”
“คิดตามสถานการณ์โดยรวมอะไรกัน ที่จริงแล้วเจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาต่างหาก!”
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! ไป๋ฉางเดือดดาลขึ้นมา จนทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยสายฟ้า!
ตูม! จากการโจมตีด้วยสายฟ้าทำให้น้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงๆ ชั่วพริบตานั้นความอันตรายก็บังเกิดขึ้น มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้โง่!”