ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1644 คัดออกสถานที่หนึ่ง
พรวด! เลือดสดทะลักออกมาจากปาก และมู่เฉียนซีก็ล้มลงไปบนพื้น
นางใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายทั้งหมด ฝังเข็มให้ตนเองสองสามเข็ม เพื่อที่จะฟื้นฟูและซ่อมแซมร่างกายที่แตกสลาย
แกร่ก! เสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่องไม่หยุด และสายฟ้าก็ยังคงอยู่ทั่วทุกที่รอบร่างกายของนาง
หลังจากที่ฝึกฝนร่างกายอยู่ที่ชั้นเก้า และการโจมตีครั้งสุดท้ายของจักรพรรดิเฟิงเหลย ทำให้ร่างกายของนางก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
เขาได้ยั้งมือในครั้งสุดท้ายเอาไว้ และไม่ได้ปล่อยให้นางตาย
เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงมากเกินไป จึงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว
หอหลอมอัสนีทั้งเก้าชั้น ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมาเป็นเวลานานมากแล้ว
เดิมทีแล้วคนภายนอกสามารถเห็นจุดแสงที่อยู่ภายในหอหลอมอัสนีได้ แต่ทว่าตอนนี้จุดแสงนั้นหายไปแล้ว!
“ตายแล้ว! คนแรกที่ขึ้นไปถึงชั้นที่เก้าในรอบหลายปีนั่นตายเสียแล้ว”
“ไม่ใช่ว่ามีอันตรายถึงชีวิตแล้วจะถูกส่งออกมาอย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ที่จะตายหรอก!”
“ตัวแปรที่ปรากฏขึ้นในชั้นที่เก้าของหอหลอมอัสนี ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะสามารถจินตนาการถึงได้”
ในเวลานี้ ฉื้อลั่วอวี่ก็ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว นางกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้น ตายแล้วหรือ!”
“ใช่แล้วล่ะ! หายไปจากชั้นที่เก้าแล้ว เช่นนั้นจะต้องตายแล้วอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีสูญหายไปนานเกินไปแล้ว และมีคนจากอีกหลายเผ่าที่เริ่มแยกย้ายไปกันไปแล้ว
ไป๋ฉางกล่าวว่า “ชิงอู่ ไม่ต้องรอแล้ว พวกเราก็รีบกลับไปกันเถอะ! มู่เฉียนซีต้องตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย คงไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว น่าเสียดายที่หงส์นิลที่ครอบครองสายเลือดราชันย์ของพวกเจ้า ต้องได้รับความทุกข์ทรมานไปกับนางด้วย”
โม่ชิงอู่กระซิบกล่าวว่า “ขอรออีกสักหน่อย!”
มู่เฉียนซีผู้นี้มีจุดที่น่าสงสัยมากมายเกินไป และก็จะทำเรื่องอะไรก็ตามที่เกินกว่าความคาดหมายของทุกคนไปเสียทุกครั้ง
ไป๋ฉางกล่าวว่า “ชิงอู่ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังไม่เลิกล้มความตั้งใจอีก”
ฉื้อเมิ่งกล่าวว่า “ลั่วอวี่ พวกเรากลับเผ่ากลับเถอะ!”
“ไม่! ข้าจะรออีกหน่อย!”
หายสาบสูญ ไม่ได้แปลว่าจะต้องตายเสมอไป บางทีไม่แน่ว่าอาจจะเข้าใกล้สมบัติของเผ่าหงส์แล้วก็ได้
“แล้วพวกท่านพ่อล่ะ?” ฉื้อลั่วอวี่กล่าวถาม
“ท่านหัวหน้าเผ่ากำลังเดินทางมาเจ้าค่ะ!”
แต่ทว่าในตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการใช้ยาที่ดีที่สุดกับตนเอง และบวกกับการที่ฝึกฝนร่างกายมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันจึงทำให้ความสามารถใจการรักษาตนเองของนางแข็งแกร่งมากขึ้น
มู่เฉียนซีลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก และกล่าวว่า “จักรพรรดิเฟิงเหลย ข้าคิดว่าท่านจะฆ่าข้าเสียแล้ว”
จักรพรรดิเฟิงเหลยตรัสว่า “คนที่ใช้ประโยชน์จากหอหลอมอัสนีในการฝึกฝนร่างกายขึ้นมาทีละขั้น ไม่ว่าคนที่เข้ามาข้างในนี้จะเป็นเผ่าหงส์หรือมนุษย์ ก็มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่ทำได้”
“พวกเขานั้นมักจะหวาดกลัวความล้มเหลวอยู่เสมอ จึงใช้ประโยชน์จากสมบัติชนิดต่างๆในการป้องกันสายฟ้า กลับไม่รู้ว่าสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่ชั้นเก้า ทว่าเป็นพลังงานของสายฟ้าในทุก ๆ ชั้นต่างหาก แต่ไม่มีใครสักคนที่ค้นพบถึงสิ่งนี้ได้เลย”
“นอกจากนี้ เคล็ดวิชาการฝึกฝนร่างกายเช่นนี้ เจ้าน่าจะเป็นผู้สืบทอดของท่านผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น และเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของข้า เช่นนั้นข้าไม่อาจทำร้ายผู้สืบทอดของท่านผู้นั้นได้แน่นอนอยู่แล้ว”
คนลึกลับที่ผีเข้าผีออกผู้นั้นมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มากเลยสินะ! มู่เฉียนซีพึมพำเบา ๆ
นางกล่าวว่า “เช่นนั้น ท่านช่วยบอกข้าหน่อย ข้าอยากที่จะรู้คำตอบ! สมบัติของเผ่าหงส์…”
“ไม่สิ! ข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมา คัมภีร์หมื่นคำสาป อยู่ในหอหลอมอัสนีนี้หรือไม่”
ภายในแววตาของจักรพรรดิเฟิงเหลยมีลำแสงคมกริบเปล่งประกายออกมา “ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเพื่อคัมภีร์หมื่นคำสาป”
แรงกดดันที่แข็งแกร่งนั้น เริ่มเข้าโจมตีอีกครั้ง
“หากเจ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น ตอนที่เจ้าพูดประโยคเหล่านั้นออกมา ข้าจะต้องโจมตีเจ้าอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อยแล้วอย่างแน่นอน” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
มู่เฉียนซีตอบกลับไปว่า “ข้าอยากที่จะได้คัมภีร์หมื่นคำสาป เพียงคิดที่จะช่วยคนเท่านั้น หรือว่าท่านจักรพรรดิเฟิงเหลยจะผิดสัญญา”
จักรพรรดิเฟิงเหลยค่อย ๆ ตรัสอธิบายว่า “ในตอนแรกที่ข้าล้มลง จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของข้ายังคงหลงเหลืออยู่ในหอหลอมอัสนี และในช่วงวิกฤตของเผ่าหงส์ มีเหล่าผู้อาวุโสได้มาขอร้องข้าเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการเฝ้าอยู่ที่นี่ และพวกเขาก็จงใจที่กระจายข่าวออกไปว่า คัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นอยู่ในสามสถานที่ โดยที่หอหลอมอัสนีก็เป็นหนึ่งในนั้น! ข้าจึงจำเป็นที่จะต้องเฝ้าอยู่ที่หอหลอมอัสนีเพื่อไม่ให้ถูกผู้อื่นมาบุกรุก และทำให้ผู้คนไม่มั่นใจว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปถูกเก็บอยู่ในหอหลอมอัสนีจริงหรือไม่”
“ด้วยวิธีอ้อม ๆ เช่นนี้ ก็ไม่อาจทำให้เผ่าหงส์ของพวกเราเฝ้าคัมภีร์หมื่นคำสาปไว้ได้ตลอดไป ข้าเชื่อในสายตาของท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้น เช่นนั้นจึงบอกเจ้าได้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ภายในหอหลอมอัสนีนี้ ไม่มีคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าได้คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว”
“เพียงแต่ว่า…” มู่เฉียนซีมองไปทางจักรพรรดิเฟิงเหลย
“เผ่าหงส์ของพวกท่านจงใจสร้างแผนลวง แต่คงไม่จงใจที่จะหลอกคนใช่หรือไม่! เพราะความจริงแล้วคัมภีร์หมื่นคำสาปเดิมทีแล้วไม่ได้อยู่ทั้งสามที่นี้เลยต่างหาก”
จักรพรรดิเฟิงเหลยตรัสว่า “เจ้าคิดว่าเผ่าคำสาปกับคนของเผ่าเทพจะหลอกล่อได้ง่ายเช่นนั้นหรือ? ทางที่ดีที่สุดคือเผ่าหงส์ของพวกเราต้องซ่อนสมบัตินั้นในสถานที่ทั้งสามแห่งนี้ หากนำไปซ่อนยังสถานที่อื่น ก็จะถูกค้นพบได้โดยง่าย”
“สถานที่แรกอย่างหอหลอมอัสนีถูกเอาออกไปแล้ว เช่นนั้นก็เหลือสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์กับสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณจักรพรรดิเฟิงเหลยที่ท่านแจ้งเรื่องนี้กับข้า เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“แม่สาวน้อย เจ้าไม่รีบร้อนเกินไปหน่อยหรือ? หรือว่าเจ้าไม่อยากได้รางวัลแล้วล่ะ?” จักรพรรดิเฟิงเหลยตรัสถาม
“รางวัล? รางวัลที่ข้าอยากได้มิใช่ว่าท่านให้มาแล้วหรอกหรือ? มันก็คือข้อมูลนั้น”
“คิดว่าจักรพรรดิอย่างข้าจะตระหนี่ถี่เหนียวเช่นนั้นเลยอย่างนั้นหรือ? เจ้ายังสามารถรับรางวัลอีกอย่างได้”
“ยังได้อีกหรือ!” ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายแวววาว
“เสี่ยวโม่โม่ ออกมา!”
แสงสีดำสว่างวาบขึ้นมา เสี่ยวโม่โม่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของมู่เฉียนซี และจ้องมองไปที่จักรพรรดิเฟิงเหลย
ชายร่างใหญ่คนนี้เกือบที่จะฆ่านายท่าน จนทำให้นางตกใจแทบตาย
จักรพรรดิเฟิงเหลยก็มองไปที่เสี่ยวโม่โม่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเด็กน้อยนี่ไม่เลวเลย ดูมีอนาคตมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นโชคชะตาที่ตายไปแล้ว แต่กลับมามีชีวิตเพื่อต่อต้านโชคชะตา อีกทั้งยังเกิดมาพร้อมกับพลังชีวิตอันบริสุทธิ์ และพลังจิตวิญญาณก็แข็งแกร่งมาก…”
เดิมทีแล้วเสี่ยวโม่โม่ไม่ค่อยชอบเขา ผลสุดท้ายกลับถูกจักรพรรดิเฟิงเหลยทำให้เขินอายเล็กน้อย
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่เคยมีผู้ใดยกย่องมันเช่นนี้มาก่อน
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “นายท่านดีที่สุดแล้ว และนายท่านก็เก่งที่สุดด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จักรพรรดิเฟิงเหลย ท่านตรัสได้ถูกต้องแล้ว เสี่ยวโม่โม่มีพรสวรรค์และศักยภาพที่ยอดเยี่ยม! ดังนั้นข้าจึงไม่มีเคล็ดวิชาที่เอาไว้ฝึกฝนมันได้อย่างส่งเดช ไม่รู้ว่าท่านที่อยู่ที่นี่มานานจะมีเคล็ดวิชาที่เหมาะสม สำหรับไว้ใช้ฝึกฝนเสี่ยวโม่โม่หรือไม่?”
จักรพรรดิเฟิงเหลยกล่าวว่า “สิ่งนี้ เคล็ดวิชาของเจ้าตัวน้อยนี้ควรที่จะเลือกสรรเป็นอย่างดี และเลือกจากเคล็ดวิชาที่เหมาะสมที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปเกรงว่าเจ้าตัวน้อยนี้อาจจะไล่ตามข้ามาได้ทันก็เป็นได้ ข้าไม่กล้าที่จะบอกว่าไม่มีเคล็ดวิชาที่เหมาะสมอยู่ที่นี่”
จักรพรรดิเฟิงเหลยตรัสอย่างละอายใจเล็กน้อย “เพียงแต่มีทักษะการต่อสู้หนึ่ง ค่อนข้างที่จะเหมาะสมกับเจ้าตัวน้อยนี้อยู่บ้าง”
จักรพรรดิเฟิงเหลยเดินมาถึงด้านหน้าของเสี่ยวโม่โม่ อัสนีสีดำเคลื่อนผ่านเข้าไปภายในร่างกายของเสี่ยวโม่โม่ และมันก็ทำให้เสี่ยวโม่โม่ได้เห็นถึงทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุดอย่างหนึ่ง
“หมัดดาวตกโม่เหยียน!”
จักรพรรดิเฟิงเหลยตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือทักษะการต่อสู้ที่เผ่าหงส์นิลมอบให้ข้าไว้ในตอนแรก ชายผู้นั้นน่าจะถือว่าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ เช่นนั้นทักษะการต่อสู้นี้ก็ถือว่าเหมาะสมกับเจ้าเด็กน้อยนี่เป็นอย่างมาก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส นี่ถือว่าท่านได้นำสิ่งของของบรรพบุรุษส่งมอบให้กับเสี่ยวโม่โม่ สิ่งนี้มันไม่ถือว่าเป็นของขวัญนะ! หรือว่าที่นี่ไม่มีสิ่งของอย่างอื่นแล้วเช่นนั้นหรือ จะเป็นพวกผลึกวิญญาณอัสนีเหล่านั้นก็ย่อมได้!”
“ข้าคิดว่าสาวน้อยเช่นเจ้าจะรู้เหตุรู้ผล และเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดมาก ไม่คาดคิดเลยว่าตอนนี้จะมารีดไถคนแก่อย่างข้าเสียแล้ว” จักรพรรดิเฟิงเหลยตรัสด้วยความโมโห
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ไม่ใช่ว่าเป็นท่านจักรพรรดิเฟิงเหลยให้ข้ารีดไถหรอกหรือ? หากข้าไม่รีดไถ ก็มีแต่จะทำให้ท่านเสียน้ำใจ ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”