ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1659 บูชายัญความงาม
ในเมื่ออีกฝ่ายหยิ่งยโสถึงเพียงนี้ มู่เฉียนซีก็ไม่ถือสาที่จะหยิ่งผยองกลับคืนให้มากกว่าเช่นกัน
“พวกเจ้าคิดว่าเป็นใครกัน ไม่คิดเลยว่าจะกล้ามาจับผู้ผูกพันธสัญญาของข้า”
ถึงความแข็งแกร่งจะไม่เพียงพอ แต่มู่เฉียนซีก็ระเบิดแรงกดดันของพลังวิญญาณออกมาโดยตรง
แรงกดดันของพลังวิญญาณชนิดนี้ ทำให้ช่างกวานซูเยว่รู้สึกราวกับว่าถูกคนกดลงไปในน้ำอย่างไรอย่างนั้น และเกือบที่จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
นางเบิกตากว้างแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้าจะเป็นใคร เจ้ามีสิทธิ์จะรู้อย่างนั้นหรือ? รีบขอโทษราชาโม่เดี๋ยวนี้”
“ขอโทษหรือ นังหนูน้อยไร้เดียงสา อย่าคิดว่าเจ้ามีพลังวิญญาณที่น่าตกใจเล็กน้อย แล้วจะทำให้ข้ากลัวเจ้า…”
เป็นครั้งแรกที่ช่างกวานซูเยว่ได้พบสาวน้อยที่อายุน้อยไร้มารยาทต่อนางเช่นนี้ มันทำให้นางโกรธขึ้งขึ้นมาในทันที และเตรียมที่จะลงมือ
แต่ทว่ายังไม่ทันรอให้นางลงมือ ก็มีเงาหนึ่งโผล่พรวดมาเสียก่อน
พรวด!
เหรียญชิ้นหนึ่ง พาดผ่านจากบนใบหน้าของนางโดยตรง
บนใบหน้าของนางมีรอยแผลฝังลึกจนเผยให้เห็นถึงกระดูก ช่างกวานซูเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งร่างกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่กลับจำต้องรับเหรียญชิ้นนั้นเอาไว้
นางกล่าวอย่างสั่นสะท้านว่า “นี่คือเหรียญของนายท่านเหมย! จะ…เจ้า ที่จริงแล้วเจ้า…เป็นใครกันแน่?”
จู่ ๆ มีชายผู้หนึ่งสวมชุดสีดำและใส่หน้ากากสีดำปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของมู่เฉียนซี แรงกดขี่ของเขาทำให้ช่างกวานซูเยว่สั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว
“เช็ดเหรียญของข้าให้สะอาด!”
ช่างกวานซูเยว่ขานรับ “เจ้าค่ะ!”
นางไม่กล้าจะทำท่าทางหยิ่งผยองอีกแล้ว และไม่สนใจใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นของตนเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็นำเหรียญเหมยแดงชิ้นนั้นมอบกลับไปให้อย่างระมัดระวัง
และเหรียญชิ้นนั้นก็หายไปในทันที
ช่างกวานซูเยว่รู้ดีมากว่าความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ สูงกว่านางถึงหนึ่งระดับครึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าววว่า “ยังคิดที่จะจับเสี่ยวโม่โม่ของข้าอยู่อีกหรือไม่?”
“มิกล้า! มิกล้าแล้ว!”
“เช่นนั้น คำขอโทษล่ะ!”
ช่างกวานซูเยว่กำหมัดแน่น ถึงภายในใจของนางจะโกรธมาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะต่อต้าน
ชายที่สวมชุดสีดำผู้นั้น สามารถใช้มือบีบนางให้ตายได้ และพวกเขายังเป็นคนของนายท่านเหมยอีกด้วย
ช่างกวานซูเยว่กล่าวว่า “ราชาโม่ ก่อนหน้านี้ข้าน้อยไร้มารยาทไปแล้ว ตอนนี้ข้าน้อยจะต้องขอโทษท่านด้วยจริง ๆ”
ราชาโม่กล่าวว่า “เช่นนั้นโม่หลิ่วขวงล่ะ? ยังจะให้ปล่อยอยู่หรือไม่?”
“เขาได้ฝ่าฝืนกระทำความผิด ราชาโม่ฝ่าบาทโปรดสั่งสอนเขาด้วย” ช่างกวานซูเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ช่างกวานซูเยว่มาปล่อยคนไม่ได้ กลับยังต้องมาหดหู่ใจอีก นางไม่กล้าที่จะอยู่อีกต่อไปแล้ว ถึงอยากจะรีบลากลับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่จำต้องค่อยเป็นค่อยไป
มู่เฉียนซีจ้องมองไปทางจิ่วเยี่ย “ดูแล้วอยากจะปลอมตัวอยู่ที่โลกของหงส์สินะ! แล้วยังต้องมีตัวตนที่เก่งกาจด้วย ลูกน้องของเทพราชามีมากเพียงใด จิ่วเยี่ยท่านรู้หรือไม่?”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “ลูกน้องของเทพราชามีทั้งหมดเจ็ดคน คือเหมย หลาน จู๋ จวี๋ มู่ เหม่ยและหยู ส่วนเหมยเฉียนซีก็เป็นคนของจื่อโยว เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ จื่อโยวสามารถจัดการได้”
ขวงจวิ้นอ๋องรอให้ช่างกวานซูเยว่มาช่วยเขาในคุก แต่ผลกลับมารู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังผู้คอยสนับสนุนมู่เฉียนซีเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าช่างกวานซูเยว่อย่างที่คาดไม่ถึง และช่างกวานซูเยว่ต่างก็ไม่กล้าที่จะก่อเรื่องอีก
โม่หลิ่วขวงกล่าวอย่างมืดมนว่า “ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้น้ำใจไร้คุณธรรมเสียจริง”
ช่างกวานซูเยว่ได้ทิ้งโม่หลิ่วขวงไว้ข้างหลังแล้ว นางยังได้เตรียมของขวัญอย่างดีไว้ให้ราชาโม่และมู่เฉียนซีเพื่อเป็นการขอโทษด้วย
ใครต่างก็รู้ว่านายท่านเหมยเป็นเจ้านายที่โหดเหี้ยมอำมหิต คนของเขา ไม่สมควรที่จะเข้าไปยุ่ง!
ราชาโม่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เอาของของเจ้ากลับไปด้วย พวกเราไม่ต้องการ”
ช่างกวานซูเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ราชาโม่ ที่ข้ามาแคว้นหงส์นิลนั้น แท้จริงแล้วมีเรื่องที่สำคัญมากจะต้องทำ และการมาช่วยเหลือขวงก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?” ราชาโม่ถามขึ้น
“เบื้องบนได้เปิดโครงการหงส์ศักดิ์สิทธิ์ โครงการนี้เป็นการเฟ้นหาอัจฉริยะจากทุกเผ่าพันธ์ุ โดยเฉพาะอัจฉริยะที่เป็นผู้ผูกพันธสัญญากับมนุษย์ เนื่องจากว่าข้ามีความเกี่ยวข้องกับขวง จึงได้รับผิดชอบเผ่าหงส์นิล และตอนนี้ขวงก็ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว เช่นนั้นราชาโม่ผู้มีคุณธรรมสูงส่งโปรดอย่าได้เอาความผิดของผู้น้อยไปใส่ใจ แล้วแนะนำอัจฉริยะให้ข้าสักสองสามคนเถิด” ช่างกวานซูเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แคว้นหงส์นิลของพวกเราไม่มีอัจฉริยะ และเผ่าหงส์นิลของพวกข้าก็ไม่อยากที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ของเจ้าด้วย เชิญกลับไปเสียเถิด!” ราชาโม่กล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ช่างกวานซูเยว่กล่าวอย่างเจ็บปวดเป็นอย่างมาก “ราชาโม่ท่านอย่าเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเช่นนี้เลย! ข้าทุ่มสุดตัวเลยเชียวนะ ข้าจะบอกความลับสำคัญอย่างหนึ่งให้แก่ท่านแล้วกัน!”
ช่างกวานซูเยว่ขยับเข้าไปใกล้ราชาโม่จากนั้นก็กระซิบกระซาบที่ข้างหูของเขา สิ่งนี้ทำให้ราชาโม่ตกใจเล็กน้อย
“ท่านจะต้องคิดเพื่อเผ่าหงส์นิลของพวกท่านนะ! เดิมทีแล้วเผ่าหงส์นิลของพวกท่านได้ตกต่ำลงแล้ว หากท่านไม่คว้าโอกาสที่สวรรค์ส่งมาให้ในครั้งนี้ ก็อย่าคิดที่จะลุกขึ้นมาได้อีกเลย”
ราชาโม่กล่าวว่า “ได้ ให้ข้าคิดดูก่อน!”
“ราชาโม่อย่าทำให้ข้าเสียเวลามากเกินไปล่ะ! พรุ่งนี้ข้าจะมาอีกครั้ง หากว่าพรุ่งนี้ท่านยังไม่ได้ทำการตัดสินใจออกมา ก็จะถือว่าเผ่าหงส์นิลสละสิทธิ์”
“ตกลง!”
หลังจากที่ช่างกวานซูเยว่ไปแล้ว ราชาโม่ก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับมู่เฉียนซี “สาวน้อยมู่ เมื่อครู่นี้ช่างกวานซูเยว่ได้บอกข้ามาเรื่องหนึ่ง! ว่าเทพราชาได้เตรียมเปิดโครงการหงส์ศักดิ์สิทธิ์ และคนที่ได้ฝึกซ้อมออกมาตามโครงการนี้ สุดท้ายแล้วก็จะถูกส่งไปยังสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะตัดสินใจทำเช่นไร ที่จริงแล้วในสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ มีความเป็นไปได้มากว่าจะมีคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยังต้องพูดอะไรอีกหรือ? ต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว”
“ซีไม่จำเป็นต้องไป!” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยดังขึ้นมาจากด้านหลังของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหันไม่จ้องมองดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกคู่นั้น “จิ่วเยี่ย ท่านรู้อยู่แล้วอย่างนั้นหรือ?”
“รู้เร็วกว่าเขาเล็กน้อยเท่านั้น” จิ่วเยี่ยมองไปทางราชาโม่
“จื่อโยวเตรียมคนเอาไว้แล้ว ซีแค่อยู่กับข้าก็พอแล้ว” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น
“ส่งคนอื่นไป พวกเราจะวางใจได้อย่างนั้นหรือ? โอกาสเช่นนี้ ไม่อาจผิดพลาดได้”
“สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ มันอันตราย!”
“ก็มีท่านอยู่ด้วยนี่นา”
“สถานที่แห่งนั้น มีความเป็นไปได้ว่าพลังงานมิติจะเกิดปัญหาได้ง่าย ข้าไม่อยากจะให้เจ้าเข้าไปเสี่ยงอันตราย”
“นี่มีความเป็นไปได้ถึงเพียงไหนกัน น้อยมากละสิ!”
“น้อยก็ไม่ได้!”
“เชื่อฟังข้าหรือจะเชื่อฟังท่าน? ท่านบอกข้ามา”
“เกี่ยวกับเรื่องที่อันตราย เชื่อฟังข้า ส่วนเรื่องอื่น เชื่อฟังซี”
เมื่อทั้งสองมองหน้ากันและกัน ราชาโม่ก็รู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นส่วนเกินไปเสียแล้ว
เขากล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าจะมายืนยันอีกครั้งก็แล้วกัน!”
พูดตามตรง เขาก็ไม่อยากที่จะให้หลานสาวของตนเองต้องไปเสี่ยงภัยเช่นกัน!
ไม่ได้มีเพียงแต่ที่สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่มีอันตราย อีกทั้งยังมีอัจฉริยะของแต่ละเผ่าอีกด้วย และคนพวกนี้ก็ไม่ใช่คนที่จะไปก่อเรื่องด้วยได้เลย
มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยถกเถียงกันจนถึงทางตัน นางได้แต่ลอบกัดฟัน แล้วตัดสินใจที่จะบูชายัญความงามสักหน่อย
มู่เฉียนซีหันไปกล่าวกับจิ่วเยี่ย “จิ่วเยี่ย ท่านมานี่หน่อย”
จิ่วเยี่ยไม่ได้คาดการณ์ว่ามู่เฉียนซีต้องการที่จะทำอะไร และเดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง
ผลก็คือมู่เฉียนซียืนเขย่งเท้าแล้วกอดเขาเอาไว้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นจูบเขา
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยก็ลุ่มลึกขึ้นทันที สุดท้ายก็ถูกนางยั่วยวนเข้าจนได้
หลังจากที่จูบนั้นสิ้นสุดลง มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ข้าให้ความหวานแก่ท่านแล้ว ท่านจะต้องตอบรับข้า! นี่ไม่ใช่เพียงแค่การไปหาคัมภีร์หมื่นคำสาปเท่านั้น แต่ท่ามกลางการฝึกซ้อนนี้เสี่ยวโม่โม่ก็สามารถเติบโตขึ้นได้อีกด้วย”
“เห็นชัดว่ามีข่าวมาแล้ว จะให้ข้านั่งรอเป็นเป็ดเช่นนี้ ข้าทำไม่ได้หรอก!”
“แล้วอีกอย่าง…!” มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่หวงจิ่วเยี่ย
“ท่านอย่าลืมว่า ท่านเป็นคนป่วย และข้าก็คือหมอ ท่านจะต้องเชื่อฟังข้าทั้งหมด การที่ท่านเจ้ากี้เจ้าการตัดสินใจแทนข้าเช่นนี้ ระวังว่าข้าจะไม่สนใจ…อื้อ…”
คำพูดของมู่เฉียนซียังไม่ทันที่จะพูดจบ จิ่วเยี่ยก็ก้มหน้าลงมาจูบนางเสียแล้ว ซีสำหรับเขาแล้ว ไม่มีทางสู้ได้เลยแม้แต่น้อยเลยจริง ๆ