ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1670 ความเป็นอมตะ
หลังจากที่ชิงอ้าวเทียนได้ถูกนำลงไปไต่สวนแล้ว การฝึกพิเศษก็ได้เริ่มต่อไป
เพียงไม่นาน ครูฝึกจื่อก็ได้รับรายงานเร่งด่วน
“ท่านผู้อาวุโสของเผ่าเราและยอดฝีมือจากเผ่าเทพ ได้เปิดเส้นทางที่นำไปสู่สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต่อไปจะต้องเริ่มต้นเลือกผู้ที่เข้ารอบสุดท้าย และให้เลือกออกมาสิบคนขอรับ”
“จะทำการจัดการแข่งขันกันที่เวทีประลอง ต่อไปก็เริ่มทำการแบ่งกลุ่ม”
การแข่งขันบนเวทีประลอง ได้เริ่มดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด
เมื่อต้องเผชิญหากับพวกเขา และมู่เฉียนซีก็ได้ร่วมมือกับเสี่ยวโม่โม่ จากนั้นก็ได้รับชัยชนะได้อย่างไร้ข้อกังขา
พวกเขาต่างก็พากันตื่นตกใจในการเติบโตของเสี่ยวโม่โม่ ที่จริงแล้วเจ้าตัวน้อยนี้ไปกินอะไรมาถึงได้เติบโตขึ้นอย่างกล้าหาญชั่วพริบตาเช่นนี้
ในเวลาเดียวกันนั้นคนที่ได้ช่วงชิงสิทธิ์ได้อย่างราบรื่นก็ยังมีหลานเนี้ยนหลี่ และอีกแปดคนนั้นก็ผ่านด่านแล้วเช่นกัน
แต่ทว่าในเวลานี้เอง ชิงอ้าวเทียนของเผ่าหงส์หยกเดินออกมาอย่างไม่คาดคิด
“เหมือนข้าจะมาสายไปหน่อยเสียแล้ว!” หลังจากที่ชิงอ้าวเทียนได้รับการไต่สวน ไม่คาดคิดว่าจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย
สีหน้าของครูฝึกจื่อเคร่งขรึมขึ้น เขาเชื่อในคำพูดของมู่เฉียนซี ว่ามีความน่าจะเป็นแปดถึงเก้าในสิบที่เป็นเรื่องจริง
“ถึงอ้าวเทียนจะมาช้าไปเสียหน่อยก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เอาชนะหนึ่งในพวกเขาได้ เท่านั้นก็พอแล้ว”
ไม่ได้มีเพียงแค่ชิงอ้าวเทียนที่มา แต่ทว่าผู้นำของเผ่าหงส์หยกก็มาด้วยเช่นกัน
และในเวลาเดียวกันนั้นก็ยังมีผู้ผูกพันธสัญญาของหัวหน้าเผ่าที่เป็นเผ่าเทพอีกท่านหนึ่ง และเขาก็นั่งอยู่ตำแหน่งหนึ่งในเจ็ดยอดฝีมือของเทพราชา นั่นก็คือท่านจวี๋
กล้ากล่าวคำพูดเช่นนี้ได้ ก็มีเพียงแค่ใต้เท้าท่านนี้เท่านั้น
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “เช่นนี้มันไม่ผิดกฏหรือ?”
ท่านจวี๋กล่าวว่า “คนที่มีคุณสมบัติเข้าสู่สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ นั้นต้องมีฝีมือความสามารถที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน หากว่าให้ผู้ที่มีความสามารถไม่เพียงพอเหล่านี้ไป เมื่อถึงเวลานั้นไม่ได้รับรางวัล ก็จะเสียสติปัญญาและกำลังของพวกเราโดยเปล่าประโยชน์ ครูฝึกจื่อ ท่านรับผิดชอบไหวหรือไม่?”
“เช่นนั้น นี่ก็จำเป็นต้องแข่งขันสิ!”
ท่านจวี๋มักจะใช้อำนาจตามอำเภอใจมาโดยตลอด ครูฝึกจื่อไม่มีทางควบคุมการตัดสินใจของเขาได้
เขากล่าวว่า “ไปแข่งเถอะ!”
ท่านจวี๋เลือกคนจากเผ่าหงส์ทองออกมาคนหนึ่ง ต่อมาฝ่ายตรงข้ามก็พ่ายแพ้ให้กับชิงอ้าวเทียนจนได้
ชิงอ้าวเทียนเชิดคางขึ้น แล้วเหลือบมองมาทางมู่เฉียนซีอย่างภูมิใจ
คิดจริงหรือว่าฟ้องร้องเขาแล้วจะสามารถทำอะไรเขาได้อย่างนั้นหรือ?
สีหน้าของมู่เฉียนซีเรียบเฉย ชิงอ้าวเทียนเพียงคนเดียว เขาคิดว่าตนเองสามารถสร้างกระแสได้มากถึงเพียงนั้นจริง ๆ หรือ?
ท่านจวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดี! ทำดีมาก! หากเจ้าได้รับสมบัติมาจากสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าจะให้รางวัลตอบแทนคุณงามความดีของเจ้าอย่างดี ทำมันให้ดีล่ะ”
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกและท่านจวี๋ก็มีคนที่ยุ่งมากคนหนึ่งเช่นกัน หลังจากที่ได้กล่าวเตือนครูฝึกจื่อเล็กน้อยแล้ว จึงได้จากไป
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งสิบคนแยกย้ายได้ คืนนี้พักผ่อนกันให้มาก ๆ! เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ!”
ในคืนนั้น คนที่พักผ่อนได้ไม่ดีเท่าไรนักกลับเป็นครูฝึกจื่อเสียเอง
และครูฝึกจื่อก็ได้ไปหามู่เฉียนซีด้วยตนเอง พลางกล่าวว่า “เผ่าหงส์หยกต้องการที่จะปกป้องชิงอ้าวเทียนคิดอยากจะสร้างความดีความชอบ เรื่องนี้ข้าไม่อาจจะจัดการอย่างยุติธรรมได้ ต้องขอโทษเจ้าจริง ๆ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ครูฝึกจื่อ ข้าเชื่อว่าท่านได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องขอโทษแต่อย่างใด”
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “คนของเผ่าหงส์หยกกำเริบเสิบสานมากเกินไป พวกเขาก็ยอมจำนนอยู่ภายใต้เผ่าเทพอย่างสมบูรณ์ และไม่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย”
“ที่ครูฝึกจื่อฝึกฝนให้พวกเรา หรือว่าไม่ใช่เพื่อที่จะรับใช้พวกเผ่าเทพอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว สิ่งของที่พวกเขาต้องการ หากไม่สามารถเอามาได้ตลอดไปจะดีที่สุด พวกเราเพียงแค่ต้องการที่ยังยืมมือของเผ่าเทพ เปิดเส้นทางเท่านั้น และเพื่อให้อัจฉริยะของเผ่าหงส์ของเราสามารถได้รับมรดกอีกครั้ง และเปลี่ยนไปแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หรือสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ครูฝึกจื่อพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่กลัวผู้อื่นจะรู้อย่างนั้นหรือ”
“เรื่องที่พวกเราต้องการที่จะทำ เผ่าเทพก็สามารถคาดการณ์ได้เช่นกัน! แน่นอนว่าพวกเขาดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก พวกเขากระหยิ่มยิ้มย่องที่ตนเองความคุมการเคลื่อนไหวของเผ่าหงส์ได้ การเปิดสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ ก็คือการเดิมพันของเผ่าหงส์ของพวกเรา เนื่องจากโอกาสที่จะเอาชนะได้นั้นน้อยมาก แต่อย่างไรก็ต้องเดิมพันดูสักที” ครูฝึกจื่อกำหมัดแน่น
“เช่นนั้น เหตุใดท่านถึงได้พูดเรื่องเหล่านี้กับข้า?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา หากเป็นเพียงเท่านี้ ข้าคงไม่อาจมาหาเจ้าด้วยตนเองได้ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ดินแดนโกลาหล ทำให้ข้าชื่นชมในบุคลิกและจิตวิญญาณที่กล้าหาญของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เหมือนกับคนจากเผ่าเทพเหล่านั้น” ครูฝึกจื่อกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ครูฝึกจื่อช่างตาถึงเสียจริง ข้าไม่เหมือนกับพวกเขาหรอก”
“เผ่าหงส์ของพวกเราพ่ายแพ้ให้กับเผ่าเทพ ในส่วนนี้ก็ยังมีบางส่วนที่ต่อต้านการกระทำของราชาเทพด้วย” ครูฝึกจื่อกล่าว
“พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแล้ว แต่ครูฝึกจื่อมาเยี่ยมในยามวิกาลเช่นนี้ น่าจะมีเรื่องอะไรที่ต้องการจะกำชับสินะ!”
ครูฝึกจื่อกล่าวว่า “ใช่แล้ว! ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยเหลือเหล่าเด็กน้อยนั้นได้รับการสืบทอดสมบัติของท่านเทพหงส์ที่สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ได้ เด็กน้อยนั่นไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจหรือว่าพรสวรรค์ก็ไม่เลวเลย หากมันสามารถได้รับสืบทอดสมบัติของท่านเทพหงส์ได้ บางทีหลังจากนี้พันปี อาจจะมีสักคนหนึ่งในเผ่าหงส์ของพวกเราที่มีความแข็งแกร่งอย่างไร้เทียมทานและต่อต้านกับพวกเผ่าเทพ และทำให้เผ่าหงส์ของพวกเรา ได้หลุดพ้นออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่คือผู้ผูกพันธสัญญาณของข้า ถึงแม้ครูฝึกจื่อจะไม่บอก หากข้าได้พบเจอกับเรื่องที่ดีเช่นนี้ ก็จะไม่ปฎิบัติต่อมันอย่างขาดความยุติธรรมอย่างแน่นอน”
“มรดกของท่านเทพหงส์ที่อยู่ภายในสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ ก็คือเพลิงหงส์อมตะ! เพลิงหงส์อมตะนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก เพียงแต่กำหนดเฉพาะข้าก็ไม่รู้อย่างชัดเจนเช่นกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ขอบคุณครูฝึกจื่อมากที่มาแจ้งเรื่องนี้ ข้ารู้แล้ว”
“ระวังคนของเผ่าเทพเอาไว้ ไม่ได้มีเพียงแค่ชิงอ้าวเทียนเท่านั้น แม้แต่อัจฉริยะจากเผ่าหงส์ม่วงต่างก็มีคนคอยควบคุมพวกเขา ฉะนั้นไม่ง่ายที่จะจัดการพวกเขาได้”
“อื้ม!”
หลังจากที่ครูฝึกจื่อพูดคุยเรียบร้อยแล้ว ก็ได้จากไปทันที
จากนั้นก็มีเสียงเคาะหน้าต่างดังขึ้นมาอีกครั้ง หลานเนี้ยนหลี่กล่าวอย่างอบอุ่นว่า “แม่นางมู่ เมื่อไปที่สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ ได้โปรดชี้แน่ะข้าด้วย”
แววตาของเขาชัดเจนมาก แต่กลับไม่เหมือนกับตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกเช่นนั้น เนื่องจากว่ามีบางอย่างเก็บซ่อนอยู่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คุณชายหลาน ท่านเกลียดนักเล่นคาถาอาคมหรือ!”
หลานเนี้ยนหลี่กล่าวว่า “ใช่แล้ว ข้าเกลียดนักเล่นคาถาอาคม ข้าเกลียดคนที่ใช้คำสาป แต่ทว่าแม่นางมู่คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า ข้าจึงไม่อาจแสดงความเกลียดชังนั้นบนใบหน้าของข้าได้ และก็ไม่อาจที่จะลงมือกับท่านได้”
“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นคนเปิดเผยเช่นนี้” มู่เฉียนซีกล่าวพลางยิ้มบางเบา
“ราตรีสวัสดิ์!” หลานเนี้ยนหลี่กล่าว
“ซี!” เสียงของจิ่วเยี่ยดังออกมา
“สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าเข้าไปไม่ได้ เมื่อครู่นี้ข้าไปลองมาแล้ว”
มู่เฉียนซีชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่! ไม่คิดเลยว่าท่านจะกล้าไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนั้นโดยไม่บอกข้าก่อนเลยสักคำ”
ที่นั่นคือพื้นที่ที่ถูกปิดตายหลังจากที่บรรพบุรุษของเผ่าหงส์ล่มสลายนะ! ในร่างกายเจ้าหมอนี่มีระเบิดลูกใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง ยังทำเรื่องส่งเดชเช่นนี้อีก!
“ข้าไม่เป็นอะไร ซีลองตรวจดูได้!” จิ่วเยี่ยมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นก็เปลื้องผ้าออก
ไม่เพียงแต่ถอดออกเท่านั้น แต่ยังลากยาวไปที่จุดที่เรียกว่าเปลือยเปล่าเลยด้วย
สิ่งที่ควรเปิดเผยก็เปิด สิ่งที่ไม่ควรเปิดเผยก็ไม่ได้ปิดบัง
รูปร่างที่งดงามเช่นนี้ ทำให้คนที่ได้เห็นต่างก็ต้องเลือดกำเดาไหล
ผิวพรรณที่เนียนละเอียดและเต่งตึง ช่างดึงดูให้คนอยากที่จะกัดสักสองสามคำ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หวงจิ่วเยี่ย ท่านดูถูกหมอปีศาจอย่างข้ามากเกินไปแล้ว! หากข้าอยากจะตรวจอาการบาดเจ็บของใครสักคนหนึ่ง จำเป็นต้องเปลื้องผ้าด้วยเช่นนั้นหรือ?”
“ซีตรวจสอบร่างกายของข้า ฝีมืออาจจะแย่ลงนิดหน่อยก็ได้”จิ่วเยี่ยสาวเท้าเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีอย่างได้คืบจะเอาศอก จากนั้นก็เอื้อมมือออกไป และเริ่มปลดเปลื้องเครื่องแต่งกายของมู่เฉียนซีเช่นกัน