ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1678 ฉกเอาความดีความชอบ
บันไดขั้นสุดท้ายนั้น ขึ้นไปได้อย่างยากลำบากมาก
แต่ทว่าเมื่อพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีปะทุออกมาอย่างสมบูรณ์ แรงกดดันจากพลังของเทพหงส์ก็สามารถทำได้แค่ล่าถอยไปเท่านั้น
ในระดับของจิตวิญญาณ การดำรงอยู่ของวิญญาณลิขิตสวรรค์ถือได้ว่าผิดกฎการดำรงอยู่ที่สุดแล้ว
เมื่อมู่เฉียนซีไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ทุกคนต่างก็พากันกลั้นหายใจ
ม้วนหนังสือโบราณเล่มนั้นอยู่เบื้องหน้าของนาง แต่มู่เฉียนซีกลับไม่ได้เอื้อมมือออกไปหยิบมันมา
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีแผ่กระจายออกไป จากนั้นก็ร้องเรียกว่า “ท่านเทพหงส์ ท่านอยู่หรือไม่?”
“ท่านเทพหงส์!”
“……”
มีเสียงของผู้ชายใสกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ไม่ต้องเรียกแล้ว ข้าไม่อยู่!”
“พรูดด!” มู่เฉียนซีอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
จื่อเหยากล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “มู่เฉียนซีกำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่หยิบเอาสมบัตินั้นลงมา หรือว่านางอยากจะอยู่บนนั้นไปตลอดชีวิตเลยหรืออย่างไร?”
มู่เฉียนซีตอบกลับไปว่า “ท่านเทพหงส์ แสร้งทำเป็นหลอกผู้อื่นมันไม่ดีหรอก! ข้ารู้ว่าท่านอยู่”
“เจ้าเด็กน้อยที่มีวิญญาณลิขิตสวรรค์ แม้แต่บันไดเปลวเพลิงของข้าก็ขวางเจ้าไว้ไม่ได้ และข้าก็ไม่อยากที่จะรับฟังเจ้าเช่นกัน”
“แต่ว่าข้าผ่านด่านจนบุกมาถึงที่นี่ได้ ท่านอย่าขี้โกงให้มากเกินไปนักเลย!”
“จะต้องมีรางวัลแน่นอนอยู่แล้ว นี่ของของเจ้า!”
ม้วนหนังสือเล่มนั้นบินเข้ามา นึกไม่ถึงว่าเทพหงส์จะยัดของสิ่งนี้เข้าไปในอ้อมแขนของมู่เฉียนซีอย่างจริงจัง
“เอาไป! แล้วรีบไปซะ!”
มู่เฉียนซีที่ถูกพลังของเขาผลักให้ลงไป มันจึงทำให้มู่เฉียนซีโกรธเคืองมาก
“ท่านเทพหงส์ ท่านนี่ไร้ยางอายเกินไปแล้ว เอาของปลอมที่วางอยู่ตรงนั้นมาหลอกข้าได้อย่างไร!”
“นี่มันคือของจริงแน่นอน! ผู้ใดบอกว่าเป็นของปลอมกัน”
เมื่อมู่เฉียนซีลงมาถึงพื้นดิน ผลลัพธ์คือนางถูกคนของเผ่าหงส์ม่วงล้อมเอาไว้
แววตาของจื่อเหยาจับจ้องไปที่ม้วนหนังสือโบราณเล่นนั้นที่อยู่ในอ้อมกอดของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซี พวกเขาไม่อยากที่จะใช้กำลัง เอาสมบัติของเผ่าเรามอบมันมาให้แก่ข้าซะ! เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะให้ความดีความชอบแก่เจ้า”
“ความดีความชอบ! เจ้าคิดว่าความดีความชอบอะไรนี่มันพิเศษมากเลยอย่างนั้นหรือ?”
ความจริงแล้วนางยินดีมากที่จะส่งมอบของปลอมนี้ให้กับแม่นางผู้นี้ เพื่อท่ีจะให้นางได้มีความสุขอย่างเปล่าประโยชน์ไปสักทีหนึ่ง
แต่ทว่า! เจ้าพวกนี้ท่าทีไม่ได้เอาเสียเลยนี่สิ!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ลองใช้ความสามารถที่มีมายาวนานแย่งสมบัตินี้ไปสิ!”
พลังวิญญาณบนร่างกายของจื่อเหยาใช้ประโยชน์ได้ราวกับกระแสน้ำแรง และได้แปลงร่างเป็นหงส์สีม่วงตัวหนึ่ง
“ลงมือพร้อมกัน!”
จื่อเหยาออกคำสั่งกับคนอื่น ในเมื่อสี่ต่อหนึ่ง อย่างไรเสียวันนี้มู่เฉียนซีก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
ในตอนที่จื่อเหยาเตรียมตัวจะเข้าโจมตีมู่เฉียนซีอย่างสุดกำลังอยู่นั้น คนของเผ่าหงส์ม่วงอีกสองคนก็ถูกคนมาขวางเอาไว้อย่างกะทันหัน
“พวกเจ้าทั้งสองคนมาเรียนรู้กับข้าสักหน่อย เป็นอย่างไร?”
“จื่อเยว่ซาง!” จื่อเหยากราดเกรี้ยว
ไม่คาดคิดเลยว่าจื่อเยว่ซางจะทรยศในเวลาเช่นนี้ และนี่เป็นเรื่องที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
“เจ้าบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ?” นางกล่าวด้วยความโกรธแค้น
จื่อเยว่ซางกล่าวว่า “จื่อเหยา เจ้าอย่าโกรธถึงเพียงนั้นเลย! แม่นางมู่งดงามมากกว่าเจ้า อีกทั้งยังมีความสามารถมากกว่าเจ้าเสียอีก ข้าคงยอมให้นางถูกพวกเจ้ารังแกไม่ได้หรอก จะช่วยก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ถึงอย่างไรเมื่อได้สมบัติแล้วต้องเอาไปมอบให้อยู่ดี ผู้ใดจะถือออกไปก็เหมือนกันทั้งนั้น”
นี่มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไรล่ะ? จื่อเหยาโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
“ดี! เจ้านี่มันดีจริง ๆ! ข้าเพียงคนเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับผู้หญิงอย่างมู่เฉียนซีแล้ว”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าคนที่จิ่วเยี่ยได้เตรียมพร้อมไว้อีกคนหนึ่ง จะเป็นจื่อเยว่ซางของเผ่าหงส์ม่วงจริง ๆ
หลังจากที่ถูกจื่อเยว่ซางยั่วให้เกิดความโมโหแล้ว แววตาของจื่อเหยาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีพร้อมจิตสังหาร ดาบขนาดใหญ่เล่มหนึ่งร้องคำรามออกมา แล้วจากนั้นก็ได้กลายเป็นลำแสงสีม่วง
ตูม!
ลำแสงสีม่วงบานสะพรั่ง และทั่วทั้งร่างกายของมู่เฉียนซีก็ถูกลำแสงห่อหุ้มเอาไว้
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
มังกรวารีที่เป็นน้ำแข็งสีฟ้าพุ่งออกมา จื่อเหยากล่าวพลางหัวเราะเยาะว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าก็ไม่เห็นจะเท่าไรเลย!”
ปัง ปัง ปัง!
จื่อเหยาโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง และมู่เฉียนซีก็เลือกที่จะหลบหลีกการโจมตี
ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นเร็วอย่างหาที่สุดไม่ได้ แม้การโจมตีของจื่อเหยาจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็เร่งการโจมตีให้รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย และยังต้องการทำให้มู่เฉียนซีบาดเจ็บสาหัสถึงจะรู้สึกพึงพอใจอีกด้วย
ตูม ตูม ตูม!
ทั่วทั้งพื้นดิน แปรเปลี่ยนกลายเป็นหลุมเป็นบ่อขึ้นมาทันที
พลังที่รุนแรงหมุนวนอยู่รายรอบมู่เฉียนซีอย่างต่อเนื่อง และมู่เฉียนซีก็ไม่ได้หลบหลีกอีกต่อไปแล้ว จากนั้นก็กวาดกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณที่ถือเอาไว้แน่นออกไป
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
เปลวเพลิงสีแดงก่ำระเบิดขึ้น และเปลวเพลิงแห่งการทำลายล้างก็พุ่งเข้าไปหาจื่อเหยาอย่างบ้าคลั่ง
บนร่างกายของจื่อเหยาถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงชั้นหนึ่ง มันอ้าปากค้าง และเสียงกรีดร้องแหลมสูงของหงส์ก็ดังขึ้นมา จนทำให้คนต้องรู้สึกแสบแก้วหู
ปัง ปัง ปัง!
ความสามารถของจื่อเหยานั้นแข็งแกร่งมาก แต่ทว่าร่างกายของมู่เฉียนซีก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน ทั้งสองได้ต่อสู้แบบตัวต่อตัวกันนับครั้งไม่ถ้วน
พวกของฉื้อเหยียนเซียวและหลานเนี้ยนหลี่ที่ถูกทำให้หมดสติไปได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว หลานเนี้ยนหลี่กล่าวว่า “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มู่เฉียนซีและจื่อเหยาจะต่อสู้กัน แต่ทว่าเรื่องที่จื่อเยว่ซางต่อสู้กับคนของตนเองนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
คู่ต่อสู้ทั้งคู่ของอีกฝ่ายต่างก็ไม่ใช่คู่มือของจื่อเยว่ซาง สุดท้ายแล้วจื่อเยว่ซางก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับสูงของเผ่าหงส์ม่วง
“ลูกพี่เยว่ซาง ท่านอย่าทำอะไรตามอำเภอใจอีกเลย! เชื่อฟังคุณหนูจื่อเหยาเถอะ!”
“ใช่แล้ว!”
จื่อเยว่ซางกล่าวว่า “ผู้ใดบอกเจ้า ว่าข้ากำลังทำตามอำเภอใจกัน”
ปัง ปัง ปัง!
จื่อเยว่ซางได้จัดการทั้งสองคนจนพ่ายแพ้ไปแล้ว และฉื้อเหยียนเซียวคิดอยากที่จะเข้าไปช่วยเหลือมู่เฉียนซี แต่กลับถูกจื่อเยว่ซางขวางทางเอาไว้
“อย่ามาขวางทาง!”
“จื่อเยว่ซาง เจ้าหาเรื่องอย่างนั้นหรือ!”
จื่อเยว่ซางกล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า หากจะต่อสู้ ก็เป็นเจ้าเองที่หาเรื่อง”
ฉื้อเหยียนเซียวโกรธขึ้นมาแล้ว จากนั้นจึงชกเข้าไปที่ใบหน้าอันน่าขยะแขยงของจื่อเยว่ซางอย่างแรง
ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีและจื่อเหยา ก็ได้ระเบิดออกอย่างสมบูรณ์ และต่อสู้กันจนมืดฟ้ามัวดิน
จื่อเหยางัดเอาไผ่ตายของนางออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังคงไม่อาจทะลวงเกาะป้องกันของมู่เฉียนซีได้อยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จื่อเหยา เจ้ามาได้เพียงเท่านี้แหละ!”
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
ทันใดนั้น ก็มีมังกรวารีสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น เมื่อตอนที่มังกรขนาดใหญ่ปรากฏตัวออกมานั้น ความมาดมั่นอันโอหังอย่างหยิ่งผยองของจื่อเหยาก็ถูกปรามลงได้ในทันที
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงแค่ทักษะวิญญาณรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แต่จื่อเหยากลับรู้สึกว่าตนเองได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่มีขนาดใหญ่มหึมาและยังมีพลังของความดึกดำบรรพ์อันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากอีกด้วย
ปัง!
จื่อเหยาถูกมังกรวารีเข้าครอบงำ และได้พ่ายแพ้ไปในทันที
พรวด!
อาการบาดเจ็บของภายในและภายนอกสาหัสเป็นอย่างมาก จนนางกระอักเลือดออกมาไม่หยุด นางพ่ายแพ้เสียแล้ว!
ต้องมาพ่ายแพ้ให้มันมนุษย์ผู้หนึ่งที่ผูกสัญญากับหงส์นิลเพียงตัวเดียวเท่านั้น
พรวด!
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงไว้แน่น จื่อเยว่ซางกล่าวว่า “แม่นางมู่ เห็นแก่ที่นางมีตัวตนเป็นถึงคนของเผ่าหงส์ม่วง ข้าขอร้องแทนนาง! ไว้ชีวิตนางสักครั้งเถิด”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะสังหารผู้ใด! แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าก็ออกไปจากสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”
แววตาที่เย็นยะเยือกของมู่เฉียนซี ทำให้สีหน้าของจื่อเหยาเคร่งขรึมเป็นที่สุด
ตอนนี้ ทำได้เพียงแค่ออกไปอย่างอับอายเท่านั้น
“ตกลง! ข้าจะออกไป!”
“……”
จื่อเหยาได้พาทั้งสามคนออกไปแล้ว แต่จื่อเยว่ซางกลับยังไม่ได้ออกไปด้วย
ฉื้อเหยียนเซียวกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้ยินที่ลูกพี่มู่บอกให้พวกเจ้าออกไปหรืออย่างไร? เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ไปอีก?”
“ข้าก็เคยช่วยพวกเจ้ามาครั้งหนึ่งเช่นกันนะ! พวกเจ้าคิดจะได้รับผลประโยชน์แล้วก็จะถีบหัวส่งอย่างนั้นหรือ?”
“ลูกพี่มู่สามารถจัดการได้โดยไม่จำเป็นต้องขอให้เจ้าช่วยเหลือ ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นการคิดเอาเองฝ่ายเดียวของเจ้าทั้งนั้น”
จื่อเยว่ซางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวพร้อมหัวเราะไปด้วยว่า “แม่นางมู่เห็นข้าทรยศอย่างกะทันหันเช่นนี้แต่กลับไม่ตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย หรือว่าท่านมองออกมานานแล้วเช่นนั้นหรือ?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ!”
“แม่นางมู่ช่างตาถึงเสียจริง เพียงแค่พริบตาเดียวก็มองออกแล้วว่าข้าจิตใจดีเพียงใด” จื่อเยว่ซางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ เสียงของเทพหงส์ก็ดังขึ้นมา “มีวิญญาณลิขิตสวรรค์ และเจ้ายังเป็นเจ้าของแห่งแหวนศักดิ์สิทธิ์อย่างแหวนมังกรเทพวารีด้วยสินะ”