ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1679 ขอแต่งงานกะทันหัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อท่านมองออกแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิเสธ! เป็นอย่างที่ท่านพูดนั่นแหละ”
“ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านมังกรวารี เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้งหนึ่ง”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ซับซ้อนมากเช่นนี้ จะทำให้เทพหงส์ปล่อยวางได้
“ตกลง! ขอบคุณท่านเทพหงส์มาก”
ทันใดนั้น เปลวเพลิงของเทพหงส์ก็ได้พามู่เฉียนซีออกไป
มู่เฉียนซีกล่าวกับพวกของหลานเนี้ยนหลี่ว่า “ข้ายังมีเรื่องที่จะต้องจัดการ ไม่นานก็กลับมาแล้ว”
เวลานี้มู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้นอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนักเทพหงส์ และทอดสายตามองไปที่สระเพลิงที่ร้อนผ่าวแห่งหนึ่ง
“เจ้าครอบครองวิญญาณลิขิตสวรรค์ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่อาจทดสอบจิตวิญญาณของเจ้าได้ เช่นนั้นข้าขอทดสอบกายเนื้อของเจ้าก่อนก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากข้าสามารถผ่านด่านได้ เช่นนั้นท่านจะบอกข้าในทุกเรื่องที่ข้าอยากรู้ใช่หรือไม่?”
“นั่นก็ต้องรอให้เจ้าเข้าไปก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที!”
“นายท่าน!” เสี่ยวโม่โม่มองไปที่สระเพลิงแห่งนั้น ดูเหมือนว่าจะทรงพลังมากกว่าเปลวไฟในทะเลเพลิงก่อนหน้านี้เสียอีก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่เป็นไร!”
เมื่อนางเข้าไป เสี่ยวโม่โม่ก็พุ่งตามเข้ามาด้วยทันที
“นายท่าน! ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
ทันใดนั้น เปลวเพลิงก็ได้แผดเผาเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของมู่เฉียนซีไปจนหมดสิ้น
ความแข็งแกร่งของร่างกายอันน่าสะพรึงกลัว บวกกับคุ้มครองของธาตุวารี ทำให้เปลวเพลิงนี้ไม่สามารถทำอะไรมู่เฉียนซีได้เลยแม้แต่น้อย
เทพหงส์กล่าวว่า “ได้รับธาตุวารีของท่านมังกรวารี เจ้านี่ช่างขี้โกงเสียจริง!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอาล่ะ ๆ ๆ! ข้าเพียงแค่รับมาก็พอแล้ว!”
เปลวเพลิงแห่งราชันย์อันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา และได้เริ่มทำการควบคุมเปลวเพลิงเหล่านี้
“จะ…เจ้าขี้โกงอีกแล้ว!”
“ข้าก็จะต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวสักเล็กน้อยอยู่เสมอ เพราะข้าไม่คิดที่จะถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่านหรอก”
จากตอนแรกเริ่ม นางจำเป็นที่จะต้องใช้เปลวเพลิงของมังกรเพลิงเพื่อปกป้องร่างกาย และภายหลังที่ร่างกายเริ่มจะคุ้นชินกับเปลวเพลิงนี้แล้ว ก็เริ่มลดการป้องกันลง
และในตอนนี้มู่เฉียนซีก็ยังมีฝีมือมากพอที่จะว่างมาคอยดูแลเสี่ยวโม่โม่ที่อยู่ข้างกายไปด้วย การปรับตัวของเสี่ยวโม่โม่นั้นแข็งแกร่งมาก และเปลวเพลิงในสระเพลิงนี้ก็ยากที่จะหยุดมันไว้ได้
มู่เฉียนซีก็ไม่รู้ว่าจะยืนหยัดอยู่ภายในนี้ได้นานแค่ไหน หลังจากนั้นนางก็สามารถที่จะว่ายน้ำอยู่ภายในสระเพลิงได้อย่างอิสระแล้ว
พรึ่บ! ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังว่ายน้ำอยู่นั้น ทันใดนั้นภายในน้ำก็มีคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งเข้ามากอดมู่เฉียนซีเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “จิ่วเยี่ย ท่านมาแล้ว!”
“อื้ม!”
ธาตุวารีที่อยู่ในนี้ เมื่อสัมผัสเข้ากับจิ่วเยี่ยก็ต้องล่าถอยออกไปโดยตรง และไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้อีก
จิ่วเยี่ยกล่าวพลางแนบชิดติดอยู่ข้างหูของมู่เฉียนซี “ตั้งแต่ซีมาที่นี่ ก็ใช้เวลาไปไม่น้อยแล้ว”
“มันใกล้จะจบในไม่ช้านี้แล้ว ท่านรอข้าอยู่ข้างนอกก็พอแล้ว ช่างดื้อดึงเสียจริง!”
“หากข้าไม่มาแล้วละก็ จะไปสามารถ…” จิ่วเยี่ยก้มหน้าลง และจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี
เมื่อถูกล้างบาปอยู่ในสระเพลิงนี้ ทุกตารางนิ้วบนผิวหนังของมู่เฉียนซีก็เปล่งประกายเป็นสีชมพูระเรื่องดงาม
“เหตุใดซีถึงเย้ายวนใจเช่นนี้ ข้าทนที่จะเห็นมันไม่ได้แล้ว”
มู่เฉียนซีสั่งให้เสี่ยวโม่โม่กลับไปที่ห้วงมิติ จากนั้นจิ่วเยี่ยก็ตรงไปปิดล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้
ถึงแม้ว่าจะเป็นวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของเทพหงส์ ต่างก็ไม่สามารถที่จะมองลอดเข้าไปในที่แห่งนี้ได้แม้แต่น้อย
เทพหงส์กล่าวว่า “วัยหนุ่มสาวสมัยนี้ต่างก็ร้อนแรงกันเช่นนี้แล้วอย่างนั้นหรือ? ข้านี่ช่างแก่มากเกินไปแล้วจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่าจิ่วเยี่ยต้องการที่จะจับนาง นางก็กระโดดออกไปจากตรงนั้นในทันที
“คิดที่จะลวนลามข้า ก็ตามข้าให้ทันก่อนค่อยว่ากัน!”
เปลวเพลิงราชันย์นั้นระเบิดออก พรที่เปลวเพลิงของสระเพลิงนี้มอบให้ ก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยขวางไว้เช่นกัน
แต่ทว่าเมื่อราชาจิ่วเยี่ยพุ่งออกไปอย่างรุนแรง ก็ได้ตรงเข้าไปทำลายสิ่งที่ขวางหน้าเอาไว้ และกอดหญิงสาวผู้งดงามนางนี้ไว้ได้อย่างราบรื่น
เปลวเพลิงของสระเพลิงนี้มีการเผาไหม้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และเปลวเพลิงบางสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายของหวงจิ่วเยี่ยนั้นก็รุนแรงมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
…
เทพหงส์ขุ่นเคืองใจ เจ้าเด็กน้อยนี่เริ่มกำเริบเสิบสานเกินไปแล้วจริง ๆ!
ใช้ไพ่ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้สระเพลิงนี้ไม่อาจทำอะไรนางได้ก็ช่างเถอะ
แต่สิ่งที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ยังพาคนรักของนางมาพลอดรักกันอยู่ที่นี่อีก ช่างเป็นการรังแกคนแก่ที่โดดเดี่ยวคนหนึ่งมากเกินไปแล้ว
จิ่วเยี่ยได้อุ้มมู่เฉียนซีออกมาจากกลางสระเพลิง ภายในห้วงมิติเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่เขาเลือกมาเพื่อซี จากนั้นเขาก็หยิบพวกมันออกมาให้นางใส่ชุดหนึ่ง ก่อนที่จึงทำลายสิ่งที่ปิดกันออกไป
ในตอนนี้มู่เฉียนซียังคงรู้สึกเหนื่อยอยู่เล็กน้อย เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ลืมธุระของตนเอง
“ท่านเทพหงส์ ด่านนี้ ข้าผ่านได้แล้วใช่หรือไม่?”
ถึงเทพหงส์กำลังอารมณ์เสียอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางที่จะเบี้ยวหนี้ได้อีกแล้ว
“ใช่! เจ้าผ่านด่านนี้แล้ว เจ้าแข็งแกร่งมาก! สมกับที่เป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์”
“เช่นนั้น ท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ ว่าหนึ่งในคัมภีร์หมื่นคำสาปทั้งสามเล่ม อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“นี่…นี่เจ้าต้องการจะให้ข้าตอบเจ้าอย่างไร…”
“พูด!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
พลังของแรงกดดันก็ปะทุออกมาในทันที อีกทั้งยังมาพร้อมกับพลังคำสาปของพลังแห่งความมืดด้วย สิ่งนี้ทำให้เทพหงส์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เจ้า…ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะมีสิ่งนี้อยู่ภายในร่างกาย มันอันตรายเกินไปแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านเทพหงส์ ท่านก็มองออกเช่นกันหรือ ข้าจำเป็นที่จะต้องได้คัมภีร์หมื่นคำสาปนี้มาถึงจะได้”
“เจ้าเป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์ ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้รับคัมภีร์หมื่นคำสาปไปแล้วก็คงไม่อาจทำเรื่องเลวทรามอย่างการทำร้ายคนทั่วไปหรอก เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าก็แล้วกัน! คัมภีร์หมื่นคำสาป ไม่ได้อยู่ที่ข้า! สิ่งที่เจ้ารับไปนั้นเป็นของปลอมที่ข้าทำขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้มาตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ?” เทพหงส์กล่าว
หวงจิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ที่เจ้าพูดคือเรื่องจริงหรือ? หากว่าโกหกแล้วละก็ เมื่อคำสาปของข้าระเบิดออกมาละก็ ข้าจะโจมตีเผ่าหงส์เป็นที่แรก เช่นนั้นเจ้าก็จำเป็นที่จะต้องคิดถึงผลที่ตามมาให้ดี”
ถึงแม้ว่าเทพหงส์จะดับสูญไปนานหลายร้อยล้านปี แต่ดันถูกเจ้าเด็กน้อยนี้ข่มขู่เอาเสียแล้ว
คำข่มขู่นี้ ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน!
“คำมั่นสัญญาของเผ่าข้านั้นสำคัญมาก แต่ข้าก็ไม่อาจเอาชีวิตของผู้ที่มีชีวิตอยู่ในเผ่าของข้ามาล้อเล่นได้ พูดว่าอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อท่านเทพหงส์กล่าวเช่นนี้ อย่างนั้นข้าก็จะเชื่อท่าน”
“ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่อยากจะขอร้องให้ท่านเทพหงส์ช่วยเหลือสักหน่อย! ของต้องการเพลิงหงส์อมตะ”
“แม่สาวน้อย เจ้ามีความต้องการไม่น้อยเลย! ทันทีที่เอ่ยปาก ก็ต้องการสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว แต่ทว่าเจ้าไม่ใช่คนของเผ่าหงส์ ทั้งยังมีเพลิงราชันย์ด้วย ฉะนั้นเจ้าใช้เพลิงหงส์อมตะมิได้หรอก”
“ข้าใช้ได้!” เสี่ยวโม่โม่กล่าวพลางวิ่งออกมา
“เจ้าตัวเล็กนี่…” เทพหงส์กล่าว
“ถือข้าว่าทำเรื่องสุดท้ายเพื่อเผ่าหงส์ก็แล้วกัน! เจ้าตัวน้อยตามข้ามา หากเจ้าสามารถผ่านด่านไปได้ เช่นนั้นเจ้าก็สามารถรับเอามรดกของข้าไปได้”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “ขอบคุณท่านเทพหงส์มากเจ้าค่ะ ข้าจะพยายาม”
“ข้าไปเป็นเพื่อนมันได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“แม่นางน้อย เจ้ารออยู่ที่นี่กลับคู่รักตัวน้อยของเจ้าเถิด! เด็กน้อยคนนี้เป็นเด็กของเผ่าหงส์ของข้า ถึงแม้จะยังเล็ก แต่เจ้าก็ต้องปล่อยให้มันได้หัดเรียนรู้ด้วยตัวคนเดียวบ้าง วางใจเถอะ! หากว่าไม่สำเร็จ แล้วเด็กคนนี้อย่างมากที่สุดก็แค่ได้รับบาดเจ็บ ข้าไม่กล้าทำเรื่องที่จะทำร้ายเด็กทารกน้อยนี้ถึงตายหรอก”
“เช่นนั้นเสี่ยวโม่โม่ต้องรบกวนท่านแล้ว”
เทพหงส์พาเสี่ยวโม่โม่ไปแล้ว ส่วนมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยก็รออยู่ที่นี่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ไม่มีทั้งที่หอหลอมอัสนีและสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์เลย เช่นนั้นก็เหลือเพียงสถานที่สุดท้ายอย่างสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ หากที่สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไม่มีแล้วละก็ เกรงว่าจะต้องงมเข็มในมหาสมุทรแล้ว”
จิ่วเยี่ยตอบกลับมาว่า “ซีไม่ต้องเป็นกังวล! หากไม่รวมทั้งสองที่นี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปจะต้องอยู่ที่สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”
“รอให้แก้คำสาปได้แล้ว ข้าจะไปขอเจ้า ซีจะแต่งงานกับข้าใช่หรือไม่?” ภายในตำหนักใหญ่สีแดงเข้มแห่งนี้ ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นจับจ้องไปที่มู่เฉียนซีด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งไม่รู้จบ หัวใจของมู่เฉียนซีเต้นเร็วมากขึ้นอย่างผิดปกติ
จิ่วเยี่ย…ผู้ชายคนนี้ไม่คาดคิดเลยว่าจะขอแต่งงานอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้