ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1687 ความยอดเยี่ยมของจิ่วเยี่ย
“เช่นนั้นดูท่า คงต้องเปลี่ยนสถานที่แล้วล่ะ!”
และก็ไม่อาจทำให้พวกเขาเกิดความสงสัยต่อท่านเหมยได้!
มู่เฉียนซีให้พวกเขาซื้อที่ดินที่อยู่ในหุบเขาห่างไกลที่นอกเมืองแห่งหนึ่ง ต่อมามู่เฉียนซีก็ได้ปลูกหญ้าพิษไว้มากมาย จนกลายเป็นทุ่งพืชพิษ
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา “หากว่าพวกเขากล้าที่จะมาก่อเรื่องแล้วละก็ เช่นนั้นคงจะต้องลอกผิวหนังของพวกเขาออกมาแล้วล่ะ!”
เนื่องจากชื่อเสียงของหมอปีศาจยิ่งสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีคนที่มาขอให้รักษามากขึ้นเรื่อย ๆ
หมอปีศาจจะต้อนรับคนมารักษาที่กระท่อมของหมอปีศาจวันละหนึ่งคนเท่านั้น และวันนี้ก็มีคนไข้มาแล้ว แต่กลับถูกขวางเอาไว้เสียก่อน
พลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวได้ปะทุขึ้น และน้ำเสียงที่เพริศพริ้งของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้นมา
“หากต้องการที่จะถอนคำสาป เช่นนั้นก็ต้องทำตามกฎของข้า! มีเพียงคนที่ถูกสาปเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ หากคนอื่นพยายามบุกเข้ามา จะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วย”
“มันก็เพียงแค่วางมาดใหญ่โตไปเท่านั้นแหละ ลองเข้าไปฆ่าดูก็รู้แล้ว!”
“ตกลง!”
คนที่พยายามบุกเข้ามามีท่าทีที่ก้าวร้าว แต่ทว่าทางมู่เฉียนซียังคงสงบเยือกเย็นอยู่
“บัดซบเอ๊ย! ไม่นึกว่าจะมีพิษ!”
“ต่ำช้าที่สุด!”
“……”
แน่นอนว่า คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีน้ำยา และพิษก็ไม่อาจขวางการเคลื่อนไหวของพวกเขาเอาไว้ได้นานนัก
ในตอนที่พุ่งเข้าไป เห็นแค่เพียงเด็กหนุ่มที่เป็นเหมือนกับภูตนั่งอยู่บนหลังคาเพียงเท่านั้น และเขาก็กำลังจ้องมองพวกเขาลงมาจากที่สูง
บริเวณโดยรอบนี้นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นอีก
ตัวตนของเด็กหนุ่มผู้นี้ จะต้องเป็นหมอปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“เจ้าคือหมอปีศาจ! เดิมทีแล้วเจ้าไม่ใช่คนของเผ่าคำสาปของพวกเรา แต่กลับหลอกลวงผู้อื่นแล้วแก้คำสาปให้ ทั้งยังไม่เห็นคนของเผ่าคำสาปอย่างพวกเราอยู่ในสายตาอีกด้วย”
พวกเขาแสร้งทำตัวเป็นคนป่วย เพื่อที่จะมาตรวจสอบหมอปีศาจผู้นี้เสียหน่อย
และมาดูว่าที่จริงแล้วเป็นผู้ทรยศของเผ่าคำสาปของพวกเขา หรือว่ามีคนปลอมตัวมากันแน่
เด็กหนุ่มที่รูปงามเช่นนี้ หากว่าเป็นคนของเผ่าคำสาปของพวกเขา พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน
เช่นนั้น คนผู้นี้ปลอมตัวมาแน่นอน!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน “เหตุใดข้าจะต้องใส่ใจกับเผ่าคำสาปของพวกเจ้าด้วยล่ะ?”
“เจ้าเด็กน้อยจอมหยิ่งผยอง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ สินะ วันนี้คงต้องสั่งสอนเจ้าเสียหน่อยแล้ว!”
ภายในแววตาของพวกเขาส่องประกายโหดเหี้ยมอย่างรุนแรงออกมา ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว ร่างจำนวนนับไม่ถ้วนก็กระโดดออกมา!
การที่จะจัดการเจ้าพวกนี้ มู่เฉียนซีไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตนเองเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ให้จิ่วเยี่ยมาก็เรียบร้อยแล้ว
ตราบใดที่นางไม่ได้เป็นผู้ลงมือ ก็จะทำให้พวกเขารู้สึกว่านางลึกลับมากยิ่งขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสุดท้ายก็จะน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อจิ่วเยี่ยปรากฏตัว พวกเขาไม่สามารถหายใจได้เนื่องจากแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวนั้น
สิ่งที่เผ่าคำสาปของพวกเขาเชี่ยวชาญมากที่สุดไม่ใช่การโจมตีด้วยทักษะวิญญาณ แต่เป็นการร่ายคำสาป!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
พลังของคำสาปได้ระเบิดออกมา และพวกเขาก็ได้ทำการร่ายคำสาปเข้าใส่จิ่วเยี่ยทีละคน
ตูม!
ผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตหรือตายอย่างไร เมื่อตอนที่คำสาปของพวกเขาโดนเข้ากับจิ่วเยี่ย พวกเขาแต่ละคนต่างก็จ้องมองไปที่จิ่วเยี่ยด้วยความตื่นตะลึงจนตาเบิกกว้าง
พรวด!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ไม่เพียงแต่พวกเขาจะทำไม่สำเร็จเท่านั้น ในทางกลับกันพวกเขายังถูกสะท้อนกลับอย่างน่าหวาดกลัวอีกด้วย ที่จริงแล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
ผู้คุ้มกันของหมอปีศาจยังวิปริตมากถึงเพียงนี้ แล้วพวกเขาจะไปต่อกรกับหมอปีศาจได้อย่างไรกัน!
“ถอย! รีบถอยออกไปเร็วเข้า ไปปรึกษากันให้ดีก่อน!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
พวกเขาหลบหนีออกไปด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็ต้องตกลงมาจากกลางอากาศทีละคน ๆ
หลังจากใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็มีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดอยู่
มู่เฉียนซีกระโดดลงมาจากบนหลังคา ด้วยรูปร่างที่งดงาม ราวกับภูตที่ตกลงมายังโลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
ทว่าฉากที่ดูงดงามฉากหนึ่งนี้กลับมีเพียงคนที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่ได้เห็น ซึ่งมันก็ทำให้เขาหวาดกลัวจนขีดสุดแล้ว
“ท่านหมอปีศาจโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ไว้ชีวิตข้าด้วย! พวกเราทำให้ท่านต้องขุ่นเคืองใจโดยไม่ระวัง เป็นความผิดของพวกเราเอง! ท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ!”
“ขอร้องท่านโปรดไว้ชีวิตข้าเถิด!”
เขาตกใจกลัวจนคุกเข่าลงเนื่องจากแข้งขาอ่อนแรง มู่เฉียนซีหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ได้สิ! ไม่ฆ่าเจ้า!”
“อย่างไรก็ตาม! เจ้าก็ต้องกลับไปรายงานสถานการณ์ แล้วบอกคนที่อยู่เบื้องหลังของเจ้า หมอปีศาจอย่างข้าไม่ใช่ผู้ที่จะหาเรื่องได้ง่ายดายเช่นนั้น”
“ขอบคุณท่านหมอปีศาจมาก! ขอบคุณขอรับ!”
เขารีบปีนป่ายขึ้นมาอย่างร้อนรน และอยากที่จะหนีไปโดยใช้ความเร็วที่สูงที่สุด
ไม่ทันรอให้เขาหนีไปได้ไกลเท่าไรนัก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เย็นยะเยือกหมุนวนผ่านทั่วทั้งร่างของเขา
เขาไม่ได้ตาย แต่ทว่าในเวลานี้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งกว่าเสียอีก
ท่านหมอปีศาจได้ร่ายคำสาปใส่เขา คนของเผ่าคำสาปที่โดนร่ายคำสาปใส่จะไม่หมดหนทางเหมือนคนอื่นเหล่านั้น แต่ที่ทำให้น่าตื่นตกใจก็คือ เขาไม่รู้ว่าท่านหมอปีศาจร่ายคาถาได้อย่างไร
ช่างเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ เป็นนักเล่นคาถาอาคมที่น่าหวาดกลัวเหลือเกิน!
เขาวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกไปอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่เขาหนีไปแล้ว ซากศพที่อยู่บนพื้นสองสามร่างก็กลายเป็นกระดูกขาว จนสุดท้ายแล้วก็สลายกลายเป็นผุยผงลอยไปในอากาศ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จิ่วเยี่ยเยี่ยมยอดที่สุดเลย!”
การที่พวกเขาเหล่านั้นใช้คำสาปเข้าจัดการกับมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยนั้นมันคือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแน่นอนอยู่แล้ว เพราะสุดท้ายแล้วในร่างกายของจิ่วเยี่ยก็มีคำสาปที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดอยู่ หากมีคำสาปอื่นเข้ามาใกล้ตัวของเขา มันก็เป็นการกระตุ้นผู้ชายคนนั้นทันที
และเมื่อถูกกระตุ้นแล้ว แน่นอนว่าจะต้องโต้กลับอย่างรุนแรง และคำสาปเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ ถูกโต้กลับไป
ในส่วนของมู่เฉียนซี ก็มีคัมภีร์หมื่นคำสาปทั้งสองเล่มอยู่ในครอบครองและยังได้รับความรู้ในการร่ายคำสาปจากหัวหน้าเผ่าคนเก่าของพวกเขา นักเล่นคาถาอาคมธรรมดาก็เปรียบเสมือนมดปลวกเมื่ออยู่ต่อหน้านาง
จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วจากไป “กลับเถอะ!”
ความจริงแล้วคนของเทพราชาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตลอด และเมื่อได้รู้ว่าคนของเผ่าคำสาปที่เหลือเพียงคนเดียววิ่งหนีไปอย่าตื่นตระหนก พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงอีก
ในเวลานี้ทั้งเผ่าเทพและเผ่าคำสาปต่างก็งุนงงเป็นอย่างมาก “ที่จริงแล้วหมอปีศาจที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันผู้นี้เป็นใครกันแน่? ในดินแดงหงส์และดินแดนเทพต่างก็ไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนี้มาก่อนเลย?”
“หรือว่าจะเป็นคนจากที่อื่นเช่นนั้นหรือ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอก ดินแดนหงส์ถูกปิดตายไปแล้ว หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าหรือฝ่าบาทเทพจักรพรรดิ ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะเข้ามาได้!” เทพราชากล่าว
“หรือว่าจะเป็นผู้วิเศษที่ก่อนหน้านี้ได้ถูกซ่อนเอาไว้โดยพวกหงส์ และตอนนี้ก็ได้ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เช่นนั้นพวกเราถึงไม่สามารถตรวจสอบเขาได้”
“บางทีอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดโบราณที่วิ่งออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้จริง ๆ ก็ได้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้มารบกวนแผนการของพวกเรา เช่นนั้นก็อย่าไปก่อกวนเขาจะดีกว่า เกรงว่าดึงดันทำให้เขาโกรธไปมันอาจเกิดปัญหา แม้ว่าจะถอนคำสาปของหงส์ไปแล้วหลายตัวก็ตาม ตราบใดที่เทพจักรพรรดิยังอยู่ เผ่าหงส์ ไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้อย่างแน่นอน” เทพราชากล่าว
“สิ่งที่ท่านเทพราชากล่าวนั้นก็ถูกต้อง!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับมาแล้ว หลานเนี้ยนหลี่ก็รีบมาหามู่เฉียนซีอย่างลนลาน
“แม่นางมู่แย่แล้ว เสี่ยวโม่โม่หายตัวไปแล้ว”
“อะไรนะ? เสี่ยวโม่โม่หายตัวไปแล้วอย่างนั้นหรือ!”
หลานเนี้ยนหลี่กล่าวว่า “ระหว่างที่อยู่ในโรงเรียน ได้ถูกคนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเอาตัวไป! ข้าเลยสั่งให้ยอดฝีมือของเผ่าหงส์ครามไล่ตามไป แต่ก็ดันปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปจนได้”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมทันที “ให้ตายเถอะ! ที่จริงแล้วผู้ใดเป็นคนทำกันแน่?”
“เผ่าหงส์หยก ไปตรวจสอบมาให้ข้า! แล้วก็เผ่าหงส์ม่วงด้วย!”
เมื่อตอนอยู่ในสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์เผ่าหงส์หยกถูกทำให้ขุ่นเคืองใจมากที่สุด แต่ก็เคยได้รับคำเตือนของท่านเหมยมาก่อน ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะแผลงฤทธิ์ถึงเพียงนี้
“ได้เลย!”
ทางด้านของเผ่าหงส์หยกและเผ่าหงส์ม่วงนั้นไม่ยอมรับ แต่ก็มีข้อความส่งมาจากราชาโม่เสียก่อน
มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น “ขวงจวิ้นอ๋อง โม่หลิ่วขวง ไม่คิดเลยว่าเขาจะลงมือลักพาตัวเสี่ยวโม่โม่ไป บัดซบเอ๊ย!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย พวกเรากลับไปที่แคว้นหงส์นิลกันก่อนเถอะ เร็วเข้า!”
“อื้ม! ซีอย่ากังวลไปเลย!”
หลานเนี้ยนหลี่กล่าวว่า “แม่นางมู่ ข้าก็จะไปด้วย!”
เรื่องที่เสี่ยวโม่โม่ถูกลักพาตัวไป ทำให้มู่เฉียนซีโกรธเคืองเป็นอย่างมาก และเมื่อตอนที่ไปถึงเผ่าหงส์นิล ก็ได้พบเขากับราชาโม่ที่ซูบผอม “ทั้งหมดเป็นคนผิดของข้าเอง หากข้าโหดเหี้ยมพอที่จะตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก เสี่ยวโม่โม่ก็จะไม่โดนทำร้ายโดยเจ้าตัวเดียรัจฉานนั่น”