ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1708 ลองลงมือ
มีเสียง ปัง! ดังขึ้นมา และในที่สุดกองทัพหงส์เพลิงก็พ่ายแพ้ สถานการณ์เช่นนี้ กองทัพหงส์เพลิงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะพลิกสถานการณ์ได้อีกแล้ว
“แปะ ๆ ๆ! ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก ข้าเบื่อมาเป็นเวลานานแล้ว ในที่สุดก็มีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นมาบ้างแล้ว นี่คือรางวัลที่ข้าจะให้แก่พวกเจ้า”
ในเวลานี้ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ได้หายตัวไปแล้ว และหลงเหลือไว้เพียงคัมภีร์เล่มหนึ่งเท่านั้น
ทันทีที่จิ่วเยี่ยโบกมือ คัมภีร์เล่มนั้นก็ได้มาตกอยู่ในมือของเขาในทันที
หนักมาก!
แน่นอนว่ามันจะต้องหนักอยู่แล้ว เนื่องจากว่านี่ไม่ใช่คัมภีร์ที่สร้างขึ้นมาจากกระดาษ ทว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากผลึกหิน และตัวอักษรด้านบนต่างก็เป็นการแกะสลักออกมาทั้งนั้น
ด้านบนนั้นเขียนว่า ‘ตำราพิชัยสงครามเทพหงส์จักรพรรดิ’
เหลยหมิงกล่าวว่า “พระเจ้า! นี่คือตำราพิชัยสงครามที่ท่านเทพหงส์จักรพรรดิเป็นผู้เขียนขึ้นมาด้วยตนเอง! ยอดเยี่ยมมากเลย”
“ไปกันเถอะ!”
ดูเหมือนว่าเทพหงส์จักรพรรดิชอบที่จะเล่นกับพวกเขา เพราะยังไม่ทันที่จะได้ผลักประตูเปิดออก เขาก็ได้ให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่พวกเขาเสียแล้ว
ในแต่ละครั้งที่เผชิญหน้า ก็จะได้รับตำราพิชัยสงครามมาครั้งละเล่ม
มู่เฉียนซีอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ท่านไม่สามารถให้สิ่งของที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงสักหน่อยหรือ อย่างเช่นสมุนไพรวิญญาณอายุร้อยปีหมื่นปีพวกนั้นน่ะ? ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคัมภีร์ไปเสียหมดเช่นนี้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เทพหงส์จักรพรรดิเพียงแต่หัวเราะเท่านั้น และไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
สุสานของจักรพรรดิบนอากาศแห่งนี้ ดูเหมือนกับว่าจะหาจุดสิ้นสุดไม่เจออย่างไรอย่างนั้น
และในเวลานี้ มู่เฉียนซีก็ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอเข้าจนได้
“มู่เฉียนซี ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่”
“แม่สาวน้อยมาถึงที่นี่ได้อย่างไร? คงจะเป็นแมวตาบอดเจอหนูตายล่ะสินะ!”
“……”
คนที่มานั้นก็คือหัวหน้าเผ่าหงส์หยก ในตอนที่พวกเขาเข้ามาข้างในนี้ เทพราชาได้ให้พวกเขาแยกย้ายกันเคลื่อนไหว
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกก็แยกตัวออกมา และไม่คาดคิดเลยว่าจะมาพบเข้ากับมู่เฉียนซีเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “ข้าก็คิดว่าจะเป็นผู้ใด? ที่แท้ก็หัวหน้าเผ่าหงส์หยกนี่เอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาถึงที่นี่ ดูเหมือนว่าการเลียแข้งเลียขาของท่านจะไม่เลวเลย!”
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่เฉียนซี ที่นี่คือสุสานของเทพหงส์จักรพรรดิ และท่านเหมยก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย หากข้าฆ่าเจ้า ก็ไม่อาจมีคนล่วงรู้ได้ เจ้าทำร้ายลูกชายทั้งสองคนของข้าจนต้องตาย ข้าอดทนต่อเจ้ามาเป็นเวลานานมากแล้ว”
โอกาสดีในการแก้แค้นที่หาได้ยากยิ่งเช่นตอนนี้ หัวหน้าเผ่าหงส์หยกไม่มีทางพลาดโอกาสทองเช่นนี้ไปได้อย่างแน่นอน
เหลยหมิงกล่าวด้วยความโมโห “ตาแก่นี่ช่วยมีศักดิ์ศรีหน่อยได้หรือไม่! ต่างก็อายุมากถึงเพียงนี้แล้ว ยังวางแผนที่จะมารังแกสาวน้อยอย่างเฉียนซีอีก”
“เจ้าหนูน้อยของเผ่าหงส์อัสนี ในเมื่อเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้พยานอย่างเจ้ามีชีวิตอยู่ได้ ฆ่าไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ! ข้าเห็นเจ้าแล้วไม่สบอารมณ์มานานแล้ว” หัวหน้าเผ่าหงส์หยกกล่าวด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
จิ่วเยี่ยได้เข้าไปขวางอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “เจ้ากล้าก็ลองลงมือดูสิ?”
พลังของจิ่วเยี่ยค่อนข้างที่จะน่าสะพรึงกลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาสวมหน้ากากที่น่ากลัวนั้นเลย
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกอาศัยที่ตนเองมีคนจำนวนมาก แน่นอนว่าความกล้าหาญก็ต้องมีมากขึ้นไปด้วย
เขามองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ไม่คิดเลยว่าท่านเหมยจะสนใจเจ้าถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะส่งลูกน้องมาค่อยปกป้องเจ้าด้วย ดูท่าแล้วเขาจะให้ความสนใจแก่เจ้ามากเป็นพิเศษจริง ๆ”
“เพียงแต่ เจ้าอย่าไร้เดียงสาโดยคิดไปว่าเขาเพียงคนเดียว จะสามารถจัดการพวกข้าได้”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเป็นคนไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ ไม่ต้องการให้มีคนมากมายมาคุ้มครองหรอก ข้าต้องการเขาเพียงแค่คนเดียวก็พอแล้ว แค่เขาเคลื่อนไหวก็สามารถขยี้พวกท่านให้ตายคามือได้แล้วล่ะ”
“เจ้า…” ยิ่งมู่เฉียนซีมีท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ ก็ยิ่งเป็นสาเหตุทำให้หัวหน้าเผ่าหงส์หยกโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก
“ตอนที่อยู่ข้างนอกลงมือไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก แต่ในตอนนี้มาอยู่ที่นี่ ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว และพวกเจ้าก็มาประเคนถึงที่ขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงใจอีกแล้ว”
“พูดจาสามหาว รนหาที่ตายจริง ๆ!”
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกลงมือโจมตี มู่เฉียนซีหลบถอยไปข้างหลัง ส่วนจิ่วเยี่ยพุ่งตรงไปข้างหน้า
ตูม!
มีเสียงดังสนั่นขึ้น เหลยหมิงกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าก็จะเข้าไปช่วยด้วย!”
เขาได้ถูกมู่เฉียนซีดึงเอาไว้แล้วกล่าวว่า “หากว่าเจ้าไม่อยากที่จะถูกจิ่วเยี่ยเผลอฆ่าแล้วละก็ เจ้าสามารถไปได้เลย”
พรวด!
ในระหว่างการต่อสู้นี้ หัวหน้าเผ่าหงส์หยกก็กระอักเลือดออกมา
ทันใดนั้น คนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ล้มลงไปกองกับพื้น
ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือของเผ่าหงส์หยกทั้งนั้น แต่ทว่าในตอนนี้กลับอ่อนแอเสียเหลือเกิน
ในตอนที่พวกเขาล้มลง ร่างกายของพวกเขาได้ถูกพลังที่น่าสะพรึงกลัวเข้ากลืนกิน จนใบหน้าของพวกเขาเริ่มกลายเป็นโครงกระดูกขาว
“นี่…นี่มันช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน!”
การต่อสู้กับกองทัพหงส์เพลิงก่อนหน้านี้ เขาก็รู้ดีว่าชายที่สวมชุดคลุมสีดำผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่น่าตื่นตกใจเท่ากับโครงกระดูกขาวที่อยู่ตรงหน้านี้เลย
ขาทั้งสองข้างของหัวหน้าเผ่าหงส์หยกสั่นเทา “เจ้า…ที่จริงแล้วเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? เจ้าจะสามารถไปเป็นลูกน้องของท่านเหมยได้อย่างไรกัน แม้ว่าจะเป็นท่านเหมยก็ตาม ก็ไม่มีทางที่จะเก่งกาจเช่นนี้ได้”
ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้น ซึ่งมันไม่มีมีความอบอุ่นของมนุษย์อยู่เลย เมื่อเขาจ้องมองไปทางหัวหน้าเผ่าหงส์หยก ก็ดูเป็นเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
พรวด!
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกเริ่มกระอักเลือดออกมา และคนทั้งคนก็ล้มลงไปนอนบนพื้นราวกับปลาที่ตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น
คนอื่นนั้นสบายกว่าเขามากนัก เนื่องจากได้ตายอย่างมีความสุข
“นายท่านไว้ชีวิตข้า! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ!” หัวหน้าเผ่าหงส์หยกร้องคร่ำครวญ
“ในตอนที่เจ้ามีความคิดที่อยากจะทำร้ายซี เจ้าได้ถูกกำหนดให้หายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยนั้นมาพร้อมกับจิตสังหาร และจิตสังหารนี้ก็ทำให้หัวหน้าเผ่าหงส์หยกมีอาการวิงเวียน
พรวด พรวด พรวด!
เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด
ในชั่วพริบตานั้น คนที่อยู่เบื้องหน้ายิ่งเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกคู่นั้นได้เปลี่ยนจนกลายไปดูเหมือนสีของทะเลน้ำลึกอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นหลังของเหลยหมิงก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
น่ากลัวเหลือเกิน!
“จิ่วเยี่ย!” ทันทีที่มู่เฉียนซีค้นพบบางอย่างก็คิดอยากที่จะพุ่งเข้าไป เหลยหมิงกล่าวอย่างตื่นตกใจ “เฉียนซี อย่าเข้าไปใกล้เขา! อย่า!”
สัตว์ร้ายที่อยู่เบื้องหน้าเหมือนจะสามารถทำลายล้างโลกได้อยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่อาจที่จะเข้าไปใกล้ได้ เพราะหากเข้าไปใกล้อาจจะถูกกลืนกินเข้าไปด้วยก็เป็นได้
สิ่งนี้มันคือลางสังหรณ์ของเหลยหมิงในฐานะเผ่าสัตว์เทพหงส์ ซึ่งนี่มันก็เป็นสิ่งที่แม่นยำเป็นอย่างมาก!
พรึ่บ!
มู่เฉียนซีกอดจิ่วเยี่ยไว้จากทางด้านหลัง จากนั้นก็ได้ฝังเข็มให้จิ่วเยี่ยอีกสองเข็ม แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนกลับมา
ปัง!
เขาได้เตะหัวหน้าเผ่าหงส์หยกจนกระเด็นลอยออกไป จากนั้นก็หันกลับมาแล้วกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น
ผนึกของเทพหงส์จักรพรรดิไม่มั่นคง และด้วยกลิ่นอายของคัมภีร์หมื่นคำสาปที่รั่วไหลออกมา จึงทำให้จิ่วเยี่ยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้ออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ไม่อนุญาตให้ใช้พลังอีกแล้ว”
จิ่วเยี่ยไม่ได้ให้คำตอบกลับมา เพียงแต่กอดมู่เฉียนซีไว้แน่นมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นคำตอบ
“พวกเราไปกันเถอะ!”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “อื้ม!”
เมื่อตอนที่พวกเขากำลังจะจากไป หัวหน้าเผ่าหงส์หยกก็เริ่มเคลื่อนไหว
“มู่เฉียนซี เจ้าตายไปเสียเถอะ!”
เมื่อรู้ว่าชายผู้นี้ไม่สามารถที่จะลงมือได้อีกแล้ว เขายังจะกลัวอะไรอีก? ฆ่าก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!
จิ่วเยี่ยคิดที่จะลงมือตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกมู่เฉียนซีผลักออกไป
ปัง!
มู่เฉียนซีได้รับการโจมตีของหัวหน้าเผ่าหงส์หยกเอาไว้โดยตรง และยังคงปลอดภัยดี
มู่เฉียนซีส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลือก “หัวหน้าเผ่าหงส์หยก บาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้แล้วยังคิดที่จะมาแก้แค้นข้าอีกหรือ เดิมทีแล้วท่านยังพอที่จะสามารถประคองชีวิตให้รอดต่อไปได้ แต่ไม่คิดเลยว่าท่านจะหาเรื่องตายด้วยตนเองเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็สามารถทำให้ท่านสมความปรารถนาได้!”
“จะ…เจ้าเหตุใดถึงไม่เป็นอะไรเลย?” หัวหน้าเผ่าหงส์หยกกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
เมื่อชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา มู่เฉียนซีก็ฟาดลงไปที่หัวหน้าเผ่าหงส์หยกทันที
ตูม โครมม!
การโจมตีของมู่เฉียนซีนั้นทั้งรุนแรงและบ้าเลือด ซึ่งมันแสดงว่าตอนนี้นางไม่มีความอดทนอีกแล้ว
ทุกการเคลื่อนไหว ต่างก็เป็นการโจมตีที่หมายเอาชีวิตทั้งนั้น
ปัง ปัง ปัง!
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกถูกบีบให้ถอยแล้วถอยอีก แม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ไม่น่าจะถึงกับถูกเด็กสาวบีบให้มาถึงจุดนี้ได้!
แต่ทว่า มู่เฉียนซีสามารถทำได้
บัดซบเอ๊ย!