ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1729 ความทะเยอทะยาน
“กระจาย!” มู่เฉียนซีกล่าวคำที่สองออกมา และอักขระคำสาปก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ถอน!”
สุ่ยอู๋ซินเฝ้ามองอย่างนิ่งสงบอยู่อีกด้านหนึ่ง การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนว่าความสามารถของท่านมู่จะแข็งแกร่งมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
และในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังถอนคำสาปให้กับเฮยเย้า ทันใดนั้นก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวขึ้นมาบนเกาะราชามังกร
จินหลิวกวงกล่าวว่า “ผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในเกาะราชามังกรของข้ากัน”
“เผ่ามังกรม่วง ขอเข้าพบท่านราชามังกร! ท่านหลิวกวง โปรดนำทาง!”
ผู้ที่มานั้นก็คือคนของเผ่ามังกรม่วง และแต่ละคนนั้นก็ไม่ได้มีพลังที่อ่อนแอเลย
จินหลิวกวงกล่าวว่า “เกาะราชามังกรไม่ยินดีต้อนรับเผ่ามังกรม่วงของพวกเจ้า เย้าเอ๋อร์ก็ไม่ต้องการจะเจอเจ้า”
ชายหนุ่มที่ท่าทางอวดดีกล่าวขึ้นมาว่า “หึ ไม่ออกมาพบข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าเขาคงจะไม่มีชีวิตจะมาพบพวกข้าเสียแล้วมากกว่า!”
ชายร่างสูงใหญ่อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะปกปิดข่าวเอาไว้แล้ว แต่ก็อย่าคิดว่าพวกข้าจะไม่รู้ ว่าราชามังกรน้อยของพวกเจ้าตัวนั้นมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”
ผู้คนในเกาะมังกรต่างก็พากันโกรธเคืองอย่างที่สุด “พวกเจ้าพูดจาไร้สาระอะไรกัน ยังมีท่านหัวหน้าเผ่ามังกรวารีอยู่ด้วย ฝ่าบาทราชามังกรของพวกเราไม่มีทางเป็นอะไรอย่างแน่นอน”
“ข้าไม่เห็นว่าจะเป็นเช่นนั้นเลย หัวหน้าเผ่ามังกรวารีรู้เพียงแค่วิชาปรุงยาเท่านั้น แต่หากอาศัยเพียงแค่ความสามารถของเขาและคิดที่จะช่วยราชามังกรน้อย แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว!”
จินหลิวกวงกล่าวด้วยความโมโหว่า “ที่จริงแล้วพวกเจ้าคิดที่จะทำอะไรกันแน่?”
เด็กหนุ่มของเผ่ามังกรม่วงกล่าวว่า “ข้าคืออัจฉริยะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในแดนมังกร เจ้าหมอนั่นมีสายเลือดของมังกรดำที่กำลังจะสูญสิ้นไปแล้ว ส่วนไอ้แก่อย่างเจ้าก็ไร้ประโยชน์จนไม่อาจที่จะเป็นราชามังกรได้ ตำแหน่งราชามังกรนี้ มอบให้แก่ข้าไม่ดีกว่าหรือ?”
“ไม่มีสายเลือดของมังกรทอง แล้วคิดที่อยากจะเป็นราชามังกรอีก!”
“เผ่ามังกรทองของพวกเจ้าเป็นราชามังกรมาหลายปีแล้ว ไม่คิดว่าควรที่จะหลีกทางให้คนที่มีความสามารถบ้างอย่างนั้นหรือ?”
จินหลิวกวงกำหมัดเอาไว้แน่น “ไสหัวออกไปจากเกาะราชามังกรซะ”
พลังของมังกรทองระเบิดออกมา เผ่ามังกรม่วงโอหังอวดดีมากเกินไปแล้วจริง ๆ
เรื่องที่สาปแช่งลูกชายของเขายังไม่เท่าไร แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีความทะเยอทะยานเช่นนี้อยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เผ่ามังกรทองจะมีจำนวนประชากรที่เบาบาง แต่ก็ไม่มีทางที่จะยอมให้เผ่ามังกรม่วงมากดหัวได้อย่างแน่นอน
ยอดฝีมือจากเผ่ามังกรม่วงผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ท่านหลิวกวง โปรดสอนให้ข้าได้รู้ถึงพลังของอดีตองค์รัชทายาทมังกรทองแห่งเผ่ามังกรทองอย่างท่านเสียหน่อยเถิด ว่ามันมากมายเพียงใดจะได้หรือไม่?”
แรงกดดันที่มีอำนาจของเผ่ามังกรแผ่กระจายออกมา บนใบหน้าของจินหลิวกวงเผยให้เห็นถึงความจริงจัง
เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ความสามารถของเจ้าพวกเผ่ามังกรม่วงเหล่านี้ไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยนไปเป็นแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จินหลิวกวงคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ
จินหลิวกวงออกคำสั่งว่า “เอาคนจากเผ่ามังกรม่วงเหล่านี้ออกไป ขับไล่ออกไปให้หมด!”
“ขอรับ ท่านหลิวกวง!”
ตูม!
ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กัน แต่ทว่าคนของเผ่ามังกรม่วงเหล่านั้น นำยอดฝีมือออกมาด้วยไม่น้อยเลย มันจึงทำให้คนของเผ่ามังกรทองปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มของเผ่ามังกรม่วงคนนั้นกระโดดออกไป “ชิ! เดิมทีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราเผ่ามังกรม่วงอยู่แล้ว! เผ่ามังกรทองได้เสื่อมโทรมลงไปมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะไม่ยอมสละตำแหน่งให้คนที่มีความสามารถมาทำแทน นี่ต้องการจะให้พวกเราทั้งเผ่ามังกรติดตามผู้นำที่ไร้ประโยชน์อย่างเช่นพวกเจ้า และไปโชคร้ายด้วยกันเช่นนั้นหรือ?”
“พวกเจ้าค่อย ๆ ต่อสู้กันไปเถิด! ข้าจะไปดูไอ้คนที่สมควรตายผู้นั้นว่ามีท่าทางที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานเพียงใด”
เหล่าผู้พิทักษ์ของเผ่ามังกรทองเริ่มเคลื่อนไหว แต่ทว่ากลับถูกคนของเผ่ามังกรม่วงขัดขวางไว้เสียก่อน
เด็กหนุ่มมังกรม่วงผู้นั้นคล่องแคล่วรวดเร็วเป็นอย่างมาก ทั้งยังลื่นไหลจนสามารถเข้าไปได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก
“นายน้อย!”
“เมื่อหาเจ้าหมอนั่นเจอแล้ว ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างไร้ประโยชน์ แต่ทว่าเลือดของมังกรทองและพลังที่สืบทอดเหล่านั้นก็ไม่อาจที่จะสิ้นเปลืองได้ จะต้องพาคนกลับไปยังเผ่าให้ได้”
“ขอรับ นายน้อย!”
เสียงการต่อสู้ที่อยู่ภายนอกทำให้มู่เฉียนซีชะงักไปครู่หนึ่ง คำสาปได้ถูกถอนออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว และตอนนี้เฮยเย้าก็อยู่ในอาการสลบไสล
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คำสาปได้ถูกถอนออกไปเรียบร้อยแล้ว”
สุ่ยอู๋ซินกล่าวว่า “ขอบคุณท่านมู่มากขอรับ”
“ดูท่าแล้ว ในตอนนี้แดนมังกรจะไม่ค่อยเงียบสงบสักเท่าไร”
“มันมีสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาไม่น้อยเลย!”
หลังจากนั้นก็มีกลิ่นอายใกล้เข้ามา และมีเจตนาที่ไม่ดีอีกด้วย!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มีคนมาแล้ว ไว้ค่อยมาระลึกความหลังกันทีหลังก็แล้วกัน! เจ้าอยู่ที่นี่คอยปกป้องเฮยเย้าไว้ ข้าจะไปสั่งสอนบทเรียนให้กับเจ้าพวกที่ใจกล้าบ้าบิ่นเหล่านั้นเสียหน่อย”
ปัง!
ทันทีที่มู่เฉียนซีเปิดประตูออก ก็เห็นว่ามีคนอยู่สองสามคนกำลังพุ่งตรงมาทางนี้
เมื่อตอนที่ผู้ที่นำหน้ามาสองสามคนนั้นเห็นใบหน้าที่งดงามอย่างที่ไม่อาจจะหาผู้ใดมาต้านทานได้ของมู่เฉียนซีแล้วนั้น พวกเขาต่างก็พากันผงะไปเล็กน้อย “เป็นเจ้านี่เอง มู่เฉียนซี!”
“ไม่คิดเลยว่านางจะกลับมาแล้ว!”
“กลับมาแล้วก็ดี จัดการผู้หญิงคนนั้นไปด้วยกันเสียเลย”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาเล็กน้อย “จัดการข้างั้นหรือ?”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ ออกมา!”
ถึงแม้ว่าการที่แดนมังกรฟื้นฟูมาเป็นปกติแล้ว จะทำให้ความสามารถของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และมีมังกรที่ได้เลื่อนขั้นจนกลายเป็นสัตว์เทพครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม
พวกเขาคงจะคิดว่าเพียงเท่านี้ก็เก่งกาจมากแล้วสินะ!
ครืนนน!
อู๋ตี้ เสี่ยวหงและเสี่ยวโม่โม่เริ่มคลุ้มคลั่งกันขึ้นมาแล้ว พลันนั้นทั่วทั้งท้องฟ้าก็มืดสลัวลง
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดพุ่งเข้าจู่โจมศัตรูอย่างไม่รอรี จนทำให้เหล่ามังกรม่วงที่อยู่ตรงนี้นั้นต้องตกใจเป็นอย่างมาก
“นะ…นั่นคือสัตว์เทพหงส์!”
“นี่คือหงส์นิล ไม่ใช่สิ!”
ปัง ปัง ปัง!
“เพลิงเผาสวรรค์!”
“……”
ทันทีที่พวกมันทั้งสามตัวออกโรง ก็ได้เปิดฉากโจมตีเหล่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้อย่างดุเดือด
การปรากฏตัวของสัตว์เทพหงส์ในเกาะราชามังกรทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับเผ่าหงส์มาเป็นเวลานานมากแล้ว
พลังแห่งความมืดพัดโหมกระหน่ำไปทั่วเกาะราชามังกรอย่างบ้าคลั่ง และนี่ก็ทำให้เผ่ามังกรได้รับผลกระทบไปไม่น้อยเลย
พวกเขาไม่ได้ติดต่อกับเผ่าหงส์มาเป็นเวลานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าเผ่าหงส์จะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ เจ้าตัวน้อยที่เก่งกาจนี้ดูเหมือนว่าจะยังไม่โตเต็มวัยเลยด้วยซ้ำ!
เผ่ามังกรของพวกเขาและเผ่าหงส์ต่างก็เป็นเผ่าสัตว์เทพด้วยกันทั้งนั้น ไม่คิดเลยว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวจะตามหลังเผ่าหงส์ไปไกลถึงเพียงนี้
เมื่อตอนที่ร่างสีม่วงร่างหนึ่งของเผ่ามังกรม่วงคิดที่จะเข้ามาใกล้ที่พำนักของเฮยเย้า ทันใดนั้นร่างของมู่เฉียนซีก็ได้ไปขวางหน้าเขาเอาไว้
เด็กหนุ่มมังกรม่วงกัดฟันพลางกล่าวว่า “เป็นผู้หญิงอย่างเจ้าอีกแล้ว เป็นเจ้าที่สร้างปัญหาอีกแล้ว!”
เจ้าหมอนี่ถึงแม้ว่าจะยังเด็กอยู่ แต่ทว่ามันก็สามารถที่จะแสดงแรงกดดันของสัตว์เทพออกมาได้แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า “อุ๊ย! ไม่ได้เจอกันมาตั้งนานดูเหมือนว่าจะพัฒนาขึ้นมาเล็กน้อยนะ กลายเป็นสัตว์เทพไปแล้วหรือ”
รอยยิ้มของมู่เฉียนซีทำให้เด็กหนุ่มเผ่ามังกรม่วงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และทันใดนั้นเขาก็เริ่มโจมตีใส่มู่เฉียนซีอย่างรุนแรง
“อยากตายหรือ!”
ตูม!
มู่เฉียนซีไม่แม้แต่จะหลบหลีกการโจมตีของเขาเลย
ในเวลานี้การป้องกันทางกายภาพของนางไม่ต่ำไปกว่าสัตว์เทพอย่างสมบูรณ์แล้ว
“ทักษะโยวจั๋ว!”
ในตอนที่เด็กหนุ่มของเผ่ามังกรม่วงโจมตีเข้ามา ทางมู่เฉียนซีก็โจมตีกลับไปด้วยเช่นกัน
มู่เฉียนซีไม่ได้ถอยไปเลยแม้แต่ก้าวเดียว แต่เด็กหนุ่มเผ่ามังกรม่วงนั้นกลับลอยละลิ่วออกไปแล้ว
เขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตื่นตกใจ “เป็นไปได้อย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “เจ้าเด็กน้อย กลับบ้านไปกินนมเสียเถอะ”
“เจ้ามันสมควรตาย! สมควรตายจริง ๆ!”
ภายในแววตาของเขาราวกับมีเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ ทันใดนั้นมังกรม่วงก็ได้กลายร่างเป็นร่างจริง แล้วพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ “เหตุใดถึงได้ไม่เชื่อฟังกันถึงเพียงนี้นะ เช่นนั้นข้าก็คงจะต้องสั่งสอนเจ้าเสียหน่อยแล้ว!”
ตอนที่กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณสีแดงฉานได้ถูกชักออกมานั้น ทั้งสองคนก็ขึ้นไปต่อสู้กันอยู่กลางอากาศแล้ว
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
เปลวเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกมา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย ถึงแม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นสัตว์เทพไปแล้ว แต่ทว่าคนเผ่ามังกรม่วงของพวกเจ้ารีบร้อนกันมากเกินไปหน่อย! ฉะนั้นสัตว์เทพเช่นเจ้าอ่อนแอเสียยิ่งกว่าที่ข้าเคยพบเจอมาเสียอีก”
ความแข็งแกร่งของมังกรม่วงตัวนี้ อ่อนแอเสียยิ่งกว่าปิงหมิงที่เคยต่อสู้กันมาก่อนหน้านี้มากนัก
“อ๊ากกก! ข้าจะฆ่าเจ้า!”