ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1734 บดขยี้คำสาป
กุยฮุยตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง จากนั้นก็กลายร่างเป็นร่างเดิมอย่างรวดเร็ว และหดตัวเข้าไปอยู่ภายในกระดองทันที
นี่คือสถานะของการป้องกันที่สมบูรณ์แบบที่สุดของพวกเขาเผ่าเต่ามังกร และเป็นรูปแบบที่ปลอดภัยมากที่สุดด้วย
“กุยฮุย ข้าเอง!” มังกรวารีเอ่ยปากกล่าว
น้ำเสียงนี้คุ้นเคยเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เสียงของน้องชายที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานผู้นั้น และไม่ใช่เสียงของคนในเผ่าอีกด้วย เหมือนกับ…
ด้วยพลังธาตุวารีที่คุ้นเคยทำให้กุยฮุยที่ชื่นชอบน้ำราวกับชีวิตผงะไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยื่นศีรษะออกมา ก่อนจะพบว่าเป็นสุ่ยอู๋ซิน เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ดีมากเลยจริง ๆ ที่เป็นเจ้าที่เป็นคนมาช่วยข้า สุ่ยอู๋ซิน เจ้าช่างเป็นคนที่มีน้ำใจจริง ๆ” กุยฮุยกล่าวอย่างตื่นเต้น
สุ่ยอู๋ซินตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่ข้าที่ช่วยเหลือเจ้าหรอก แต่เป็นท่านมู่ที่เป็นคนช่วยเจ้าไว้”
“ท่านมู่ แม่สาวน้อยผู้นี้หรือ?” กุยฮุยมองไปทางสุ่ยอู๋ซินอย่างประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสุ่ยอู๋ซินให้ความเคารพต่อคนอื่นถึงเพียงนี้
กุยฮุยไม่เคยเห็นมู่เฉียนซีมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่าที่จริงแล้วมู่เฉียนซีเป็นผู้ใดกันแน่
สุ่ยอู๋ซินเอ่ยถามต่อไปอีกว่า “ที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่?”
กุยฮุยกล่าวอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย “น้องชายที่ขี้ขลาดตาขาวผู้นั้นของข้า ไปร่วมมือกับเผ่าคำสาปแล้วแอบมาลอบกัดข้า เพียงเท่านั้นยังไม่พอใจ ยังให้นักเล่นคาถาอาคมใช้ข้าเป็นเครื่องมือในการทำลายผนึกอย่างไม่คาดคิดอีกด้วย ให้ทำลายผนึกด้วยชีวิต หากข้าตายไปแล้ว ผนึกของก้นบึ้งยมโลกนั้นก็จะถูกทำลายไป และสัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกก็จะมาปรากฏตัวที่แดนมังกรอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็จะปั่นป่วนแดนมังกรให้โกลาหลอลหม่านไปหมด สุดท้ายแล้วข้าก็จะกลายเป็นคนบาปของเผ่ามังกร”
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ ผนึกนั้นยังไม่ถูกทำลายใช่หรือไม่! ช่างเป็นเรื่องที่ดีมากเลยจริง ๆ”
“ผนึกยังไม่ถูกทำลาย แต่ทว่าก็ใกล้ที่จะถูกทำลายแล้ว คาดว่าเจ้าคงต้องคิดหาวิธีในการเสริมผนึก ไม่อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้มากว่าผนึกนั้นจะทนไม่ไหว” มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าว
“เพิ่มพลังของผนึกหรือ ตอนนี้คาดว่าคนทั้งเผ่าเต่ามังกรน่าจะตกอยู่ในการควบคุมของน้องชายข้าหมดแล้ว เขามีคนของเผ่าคำสาปคอยให้การสนับสนุน คนอย่างข้าไม่อาจที่จะพลิกสถานการณ์ได้เลย สุ่ยอู๋ซิน เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรวารี ไม่อย่างนั้นข้าขอไปหลบภัยอยู่ในเขตของพวกเจ้าเผ่ามังกรวารีก่อนได้หรือไม่?” เขามองมาทางสุ่ยอู๋ซินอย่างมีความหวัง
จะต้องรู้ว่าเกาะมังกรวารีนั้นสุขสบายมากเพียงใด เขาคงมีความคิดที่จะอยู่ตลอดไปเป็นแน่
กุยฮุยผู้ชายคนนี้ เป็นคนที่ทั้งขี้ขลาดกลัวตายและยังไม่มีความรับผิดชอบอีกด้วย
“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าเผ่ามังกรวารีจะปกป้องพี่ได้เช่นนั้นหรือ? ท่านนี่ช่างไร้เดียงสาจริง ๆ ท่านกลับไปยังสถานที่เมื่อครู่นี้ต่อเถอะ จากนั้นก็ไปทำภารกิจสุดท้ายของชีวิตให้เสร็จสิ้นเสีย!” กลางอากาศ มีร่างของคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นมา
การมาถึงของกุยชิวนั้น ช่างมาได้ถูกเวลามากเลยจริง ๆ กุยฮุยกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “น้องรอง ข้าไม่เคยดูถูกเจ้า เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้กับข้าด้วย”
กุยชิวกล่าวอย่างเย็นช้า “เหตุใดถึงทำเช่นนี้กับท่านอย่างนั้นหรือ ทั้งการบำเพ็ญและพรสวรรค์ของท่านสู้ข้าไม่ได้สักอย่าง แต่กลับได้เป็นหัวหน้าเผ่าอย่างไรล่ะ!”
“ท่านเป็นคนที่ไร้ความสามารถถึงเพียงนี้ พวกเราเผ่าเต่ามังกรจึงต้องเจอกับสายตาที่ดูถูกดูแคลนจนไม่สามารถที่จะเงยหน้าอ้าปากได้ ข้าทนกับวันเหล่านั้นมามากพอแล้ว”
พลังที่แข็งแกร่งในร่างกายของเขาปะทุออกมา ท่านหลิ่วกล่าวว่า “เจ้าจัดการพี่ชายของเจ้าเองก็แล้วกัน ส่วนคนอื่นไปจัดการสุ่ยอู๋ซินและสาวน้อยผู้นั้น ในเมื่อความลับนี้ถูกผู้อื่นรู้เข้าแล้ว เช่นนั้นก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้พวกเขาออกไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้”
ถึงแม้ว่ากุยฮุยจะเป็นคนขี้ขลาด แต่เมื่อถูกบีบบังคับถึงเพียงนี้ เขาก็ทำได้แค่ต้องต่อสู้เท่านั้น
เขากล่างอย่างเดือดดาล “ได้! ในเมื่อเจ้าทำถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่สนใจความเป็นพี่เป็นน้องกันอีกแล้ว”
ตูม!
พี่น้องทั้งสองคนของเผ่าเต่ามังกรเริ่มต่อสู้กัน มู่เฉียนซีและสุ่ยอู๋ซินก็ได้รับการโจมตีของผู้แข็งแกร่งจากเผ่าเต่ามังกรและคนของเผ่าเทพและเผ่าคำสาปเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวกับสุ่ยอู๋ซินว่า “สุ่ยอู๋ซิน พวกคนจากเผ่าคำสาปสารเลวเหล่านี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง ส่วนคนอื่นต้องมอบให้เจ้าจัดการแล้ว!”
หากคนของเผ่าคำสาปใช้คำสาปในการลอบโจมตีสุ่ยอู๋ซิน ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยเลยทีเดียว
พวกเขามีความคุ้นเคยในการใช้คำสาป ทว่าแท้จริงแล้วกำลังในการต่อสู้กลับไม่ได้เท่าไรนัก และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มันก็ไร้ประโยนชน์สำหรับนางด้วย ดังนั้นนางจึงได้เปรียบมากเลยทีเดียว
สุ่ยอู๋ซินพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ขอรับ!”
“อะไรนะ? สารเลว นางเด็กน้อย เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” ด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามของมู่เฉียนซี ทำให้ท่านหลิ่วและผู้ที่ติดตามเขามาทำงานอย่างนักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นเกิดความรู้สึกโกรธเคืองขึ้นแล้ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังคำสาปอันน่าสะพรึงกลัวที่ระเบิดออกมานั้น คิ้วของมู่เฉียนซีกลับไม่ได้ขมวดเลยแม้แต่น้อย
“เสี่ยวโม่โม่ ออกมา!”
ทันทีที่หงส์นิลแห่งความมืดออกมา เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดก็ได้โหมกระหน่ำเข้าใส่คนเหล่านั้นทันที
อุณหภูมิของบริเวณโดยรอบเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน “สัตว์เทพหงส์ แม่สาวน้อยผู้นี้ไม่ใช่คนของเผ่ามังกร!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ออกมา!”
และในตอนที่อู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมานั้น พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อมากขึ้นไปอีก
“สัตว์พันธสัญญาถึงสามตัว นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ในตอนที่พวกเขากำลังตื่นตกใจอย่างต่อเนื่อง มู่เฉียนซีก็ได้เหวี่ยงกระบี่มังกรเพลิงขึ้นมา
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ทันใดนั้น ราชาแห่งเปลวเพลิงจอมทำล้ายก็พุ่งโหมกระหน่ำออกไป
“ชิ! เป็นเพียงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น ข้าก็คิดว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะเก่งกาจสักแค่ไหน!”
การโจมตีของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความเดือดดาล แต่ทว่าระดับเพียงเท่านี้ของนางกลับทำให้คนของเผ่าคำสาปเผยความดูถูกเหยียดหยามออกมา
พวกเขาใช้มือทั้งสองเพื่อทำการผนึก จากนั้นก็ได้เริ่มร่ายคำสาป
หลังจากที่หลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซีได้แล้ว พลังของคำสาปที่น่าสะพรึวกลัวก็พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีราวกับวิญญาณร้ายที่เข้ามาพัวพันอย่างไรอย่างนั้น
“สาวน้อย ข้าจะทำให้เจ้ารับรู้ถึงความรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นเอง”
พลังคำสาป แน่นอนว่าจะต้องเป็นพลังที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอยู่แล้ว
เนื่องจากว่าไม่ใช่คนของนักเล่นคาถาอาคม เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ดังนั้นก็จะต้องหวาดกลัวอยู่แล้ว
“ตาเฒ่า ท่านไม่ได้มีความรู้ที่อยู่ในระดับสูงก็อย่าออกมาหาสร้างความอัปยศให้แก่ตนเองเลยจะได้หรือไม่? ด้วยความสามารถอันน้อยนิดนี้ ยังคิดที่จะโจมตีข้าอีกอย่างนั้นหรือ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำสาปที่อยู่เพียงแค่ระดับนี้ มันได้ทำให้มู่เฉียนซีขี้เกียจเกินกว่าที่จะใช้คำสาปในการตอบโต้ อันที่จริงแล้วนางไม่ได้คิดที่อยากจะใช้พลังนี้เลยด้วยซ้ำ
ดังนั้น มู่เฉียนซีจึงเลือกที่จะใช้พลังจิตวิญญาณในการบดขยี้โดยตรง
มีน้อยคนนักที่รู้ หากมีพลังวิญญาณที่กล้าแกร่งเกินที่จะต้านทานได้ และหากเป็นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าผู้ที่ร่ายคำสาปแล้วละก็ พลังคำสาปของอีกฝ่ายนั้นจะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย
และท่านหลิ่วก็ได้ถูกพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของมู่เฉียนซีทำให้ตื่นตกใจไปเสียแล้ว สายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตกตะลึงพลางกล่าวติด ๆ ขัด ๆ ว่า “จะ…เจ้า…”
นี่จะต้องไม่ใช่สาวน้อยธรรมดาอย่างแน่นอน นางดูราวกับว่าเป็นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่คืบคลานออกมาจากในสุสานโบราณเลยทีเดียว! พลังวิญญาณนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
ถึงการโจมตีด้วยคำสาปจะไม่มีผลใด ๆ ก็ตาม แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็ตอบโต้กลับด้วยการโจมตีที่ดุเดือดรุนแรง
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
มังกรน้ำแข็งแผดเสียงดังกึกก้องออกมา จากนั้นก็พุ่งไปทางพวกเขาทันที
ตูมม โครมม!
อู๋ตี้และเสี่ยวหงล้อมโจมตีพวกเขาทั้งซ้ายและขวา
เสี่ยวโม่โม่ยึดครองพื้นที่บนอากาศ และเปลวเพลิงหงส์แห่งความมืดจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งมาทางพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
“หงส์เริงระบำแห่งความมืด!”
“หวางหลินท้าสวรรค์!”
“อ๊ากกก!”
“ท่านหลิ่ว ช่วยด้วย!”
“……”
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมากเช่นนี้ ก็ไม่มีทางที่จะโต้กลับได้เลย
สถานการณ์ของทางฝ่ายสุ่ยอู๋ซินก็ถือว่าดีอยู่เช่นกัน พวกเขาได้คาดการณ์ถึงความแข็งแกร่งของหัวหน้าเผ่ามังกรวารีต่ำจนเกินไป
ท้ายที่สุดแล้วเผ่าเต่ามังกรก็ไม่คุ้มค่าพอที่จะได้รับความสนใจจากเผ่าเทพและเผ่าคำสาป เนื่องจากว่าคนที่ส่งมานั้นล้วนแล้วต่างก็เป็นคนที่มีความสามารถครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น ดังนั้นสุ่ยอู๋ซินจึงฟาดคนเหล่านี้จนลอยลิ่วออกไปไกลได้อย่างง่ายดายมาก
พรวด พรวด พรวด!
ภายใต้การโจมตีที่ทรงพลังของธาตุวารี พวกเขาทุกคนต่างก็ต้องกระอักเลือดออกมา
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีและสุ่ยอู๋ซินได้โจมตีใส่เหล่าชายที่ปางตายเหล่านั้นก่อนจะโยนลงไปบนเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง
ท้ายที่สุดแล้วก็มีเพียงท่านหลิ่วนักเล่นคาถาอาคมเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ยังพยายามพยุงตนเองไว้อย่างยากลำบาก มู่เฉียนซีกล่าวกับสุ่ยอู๋ซินว่า “รวมมือกันจัดการตาเฒ่าผู้นี้กันเถอะ!”