ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1739 ผู้อาวุโสกุยจอมลามก
หลังจากที่ผู้อาวุโสกุยฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาก็ยังคงใจลอยอยู่เล็กน้อย!
เขาไม่อยากที่จะเชื่อเลยว่าช่วงเวลาหลายปีมานี้ สาวงามคนแรกที่ทำให้ความรักในฤดูใบไม้ผลิของเขาเบ่งบาน สุดท้ายแล้วจะกลายมาเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นรุ่นน้องของเขาอีกด้วย
กลิ่นที่เขาเคยสูดดมไปทั้งหมดกำลังทำให้เขาปั่นป่วน “ข้าอยากจะอาเจียน อยากจะอาเจียนออกมาแล้ว”
สถานที่ที่โกลาหลแห่งนี้ ในที่สุดก็เงียบสงบลงแล้ว
ตัวตนของผู้อาวุโสกุยได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว และเขาก็ไม่สามารถที่จะปิดบังได้อีกต่อไป เขาได้เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาให้กลับมาเป็นอย่างเดิม ซึ่งก็เป็นเพียงตาแก่ลามกตัวเล็กคนหนึ่งเท่านั้น
เดิมทีคิดว่าผู้อาวุโสผู้ที่มีความลึกซึ้งในความรู้จะเป็นคนที่มีความสง่างาม อีกทั้งยังเป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีที่สูงส่งคนหนึ่ง แต่ทว่าเมื่อมาเห็นตาแก่ตัวเล็กผู้นี้ ทัศนคติทั้งหมดของมู่เฉียนซีก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เลยทีเดียว
ผู้อาวุโสกุยอับอายขายหน้าเรื่องที่โดนชายแต่งตัวเป็นหญิงหลอก จึงดุด่ากุยฮุยที่ทำให้เขาตกใจแทบตายอย่างรุนแรงเสียจนเละเทะไม่มีชิ้นดี
กุยฮุยรู้สึกน้อยอกน้อยใจเป็นอย่างมาก เขาก็เป็นเหยื่อเหมือนกันนะ! เขาก็ตกหลุมพรางของคนอื่นเช่นกัน!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านด่าทอเขามามากพอแล้ว ข้ามีเรื่องที่ต้องการจะสอบถามท่านสักหน่อย”
ในตอนที่ผู้อาวุโสกุยกำลังตื่นตระหนกเขาไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงรูปร่างหน้าตาที่งดงามของมู่เฉียนซี และทันทีที่ได้เห็นในตอนนี้ เขาก็ได้ตะลึงงันไปอย่างสมบูรณ์
“แม่นางน้อยที่งดงามถึงเพียงนี้ ไม่ได้แปลงโฉมมาหลอกกันอีกใช่หรือไม่!”
เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้มีเงาดำเกิดขึ้นในจิตใจของผู้อาวุโสกุยเสียแล้ว เขาสงสัยว่าภายใต้รูปร่างหน้าตาที่งดงามของทุกคน ล้วนมีชายหนุ่มที่หยาบกร้านซ่อนอยู่หรือไม่?
กุยฮุยกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส! แน่นอนว่าท่านมู่คือหญิงสาวผู้งดงามอย่างแท้จริงอยู่แล้ว ท่านอย่าคิดมากไปหน่อยเลย!”
“จริงหรือ!” ดวงตาทั้งสองของเขาเปล่งประกายขึ้นมาทันที
ผู้อาวุโสกุยกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางน้อย อยากจะรู้เรื่องอะไรก็สามารถมากระซิบถามได้ทั้งนั้น! ขอเพียงแค่เจ้าช่วยข้านวดไหล่ ทุบหลัง…”
สุ่ยอู๋ซินจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสกุยด้วยสีหน้าที่เย็นชา หากไม่ใช่เพราะต้องการที่จะสอบถามข้อมูลจากผู้อาวุโสผู้นี้ เขาคงไม่สนใจว่าจะเป็นอดีตหัวหน้าเผ่าของเผ่าเต่ามังกรหรือไม่ และเขาคงจะลงมือไปนานแล้ว
“อ๊าก!” มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังออกมา ผู้อาวุโสเผ่าเต่ามังกรรู้สึกราวกับว่าหลังของเขากำลังถูกสัตว์ร้ายกัดแทะอย่างไรอย่างนั้น
“อ๊ากกกก! เจ็บเหลือเกิน ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
เขากลิ้งตัวอยู่บนพื้นไปมา และด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นก็ทำให้เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาทั่วร่างกาย ราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่ในนรกอย่างไรอย่างนั้น
น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เจ้าจะพูดหรือว่าไม่พูด?”
ผู้อาวุโสกุยเห็นดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกและไร้อารมณ์คู่หนึ่งจ้องมองมา เพียงแค่สบตา เขาก็รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณทั้งหมดของตนเองกำลังจะสูญสลายไป
นี่เป็นหนึ่งในตัวตนที่โหดเหี้ยมมากจริง ๆ
ผู้อาวุโสกุยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “หยุด! หยุดทีเถอะ! หากข้ารู้ข้าจะบอกอย่างแน่นอน อย่าทรมานข้าอีกเลย! ชีวิตนี้ของข้าใกล้จะจบสิ้นอยู่แล้ว”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วนั่งลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้ามองอีกแม้เพียงพริบตาเดียว ดวงตาของเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป”
ผู้อาวุโสกุยก้มศีรษะลงต่ำ ไม่กล้าที่จะมองมู่เฉียนซีอีกต่อไปแล้ว
“มีคำถามอะไร พวกท่านถามมาได้เลย! หากข้ารู้ข้าจะตอบอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “เจ้ารู้จักมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างหรือไม่?”
ผู้อาวุโสกุยพึมพำออกมา “มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง ทันทีที่เจ้าถามคำถามกับข้า ก็ดันมาถามหาข้อมูลที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ มันทำให้ข้าลำบากใจจริง ๆ เลย”
น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือก “เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?”
“ขะ…ข้าพอรู้อยู่บ้างเล็กน้อย คนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าอย่าใจร้อนนักสิ! มันคือมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างใช่หรือไม่?” เขากล่าวอย่างเร่งรีบ
“ข้าเคยได้ยินเรื่องของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง มันคือมังกรที่มีคุณสมบัติแห่งแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในพวกเราเผ่ามังกร และที่ทำให้คนยิ่งประหลาดใจกว่านั้นก็คือ มันเคยเป็นมังกรแห่งความมืดมาก่อน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วมันกลายไปเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างได้อย่างไร”
“นับตั้งแต่เปลี่ยนไปเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง เจ้าสิ่งนี้ก็มีแรงบันดาลใจที่จะให้แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องลงมายังดินแดน มันไม่ชอบให้โลกนี้ที่มีสิ่งที่ชั่วร้ายอันเป็นพลังแห่งความมืด มันได้ลงโทษสิ่งชั่วร้ายและส่งเสริมความดี ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดมังกรแห่งความดีขึ้นมาครั้งแรกอีกด้วย! และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องที่โง่เง่าอย่างนี้เช่นกัน”
“เช่นนั้นตอนนี้มันอยู่ที่ใดกัน?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นตายไปนานเท่าไรแล้ว หากต้องการรู้ตำแหน่งเฉพาะเจาะจงของเขา สามารถไปถามได้ที่เผ่ามังกรแห่งความมืด! ถึงแม้ว่าคนของเผ่ามังกรแห่งความมืดจะเกลียดผู้ชายคนนี้มากก็ตาม และอันที่จริงแล้วหลังจากที่ชายผู้นั้นเปลี่ยนไปเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างแล้ว เขาก็เกลียดเผ่ามังกรดั้งเดิมของตนเองเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ทั้งยังทะเลาะกับเผ่ามังกรแห่งความมืดด้วย” ผู้อาวุโสกุยกล่าว
“เผ่ามังกรแห่งความมืด!” มู่เฉียนซีค่อย ๆ เอ่ยคำนี้ออกมา จากนั้นก็มองไปทางจิ่วเยี่ย
ในตอนที่นางมายังเผ่ามังกรกับจิ่วเยี่ยครั้งแรก จิ่วเยี่ยเคยถูกคนคิดว่าเป็นเผ่ามังกรแห่งความมืดด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง สำนักจะปล่อยให้เกาะสุสานมังกรปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อไร?”
ผู้อาวุโสกุยกล่าวว่า “สิ่งนี้ข้าก็ไม่อาจทำได้ ต้องรอโอกาสเท่านั้น!”
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“มีวิธีสิ! ข้ารู้ว่ามีเกาะสุสานมังกรปลอมอยู่แห่งหนึ่ง มันมีความคล้ายคลึงกับเกาะสุสานมังกรเป็นอย่างมาก! เจ้าต้องการที่จะเอามันออกมาแล้วเข้าไปทดสอบเล่น ๆ หรือไม่ กลไกและกับดักที่อยู่ข้างบนนั้นมีมากมายเลยทีเดียว! คนที่ขึ้นไปสามารถใช้มันเป็นสุสานได้เลย!” ผู้อาวุโสกุยกล่าวอย่างกระตือรือร้น
ดวงตามู่เฉียนซีเปล่งประกายแวววับขึ้นมา “เจ้ามีหนทางหรือ?”
“ใช่แล้วล่ะ! ไม่เพียงแต่ข้าจะมีวิธีเท่านั้น แต่ยังรู้เส้นทางอีกด้วย! เจ้านี่ช่างสบายจริง ๆ เลย…” ผู้อาวุโสกุยพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด
ข้อมูลนี้สมบูรณ์เป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีพึงพอใจมากเลยทีเดียว
“สิ่งที่ข้าต้องการจะรู้มีเพียงเท่านี้แหละ!”
ผู้อาวุโสกุยกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าบอกไม่เมื่อครู่นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังเอาไว้อย่างแน่นอน เช่นนั้นพวกเจ้าแก้มัดให้ข้าได้แล้วใช่หรือไม่? พวกเจ้ามัดคนเฒ่าคนแก่อย่างข้าเอาไว้ จิตใจที่มีมโนธรรมของพวกเจ้าไม่เจ็บปวดบ้างเลยหรือไร?”
“พวกเจ้านี่ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน! ข้าก็แค่รู้เรื่องซุบซิบนินทาของเผ่ามังกรมากไปหน่อยแค่นั้นเองไม่ใช่หรือ? ผู้คนมากมายต่างก็มาตามหาข้า จนข้าต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาแปลงโฉมนี้อย่างยากสำบากและสุดท้ายก็สามารถใช้มันในการท่องเขาลำเนาไพรได้อย่างสบายใจ และยังฝึกกายบ่มใจอีกด้วย ไม่มีผู้ใดหาข้าพบ แต่ข้าดันมาติดกับดักของพวกเจ้าจนถูกจับได้เช่นนี้”
หลังจากที่ได้รู้ข้อมูลที่อยากรู้เรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “หากอยากให้แก้มัด ก็อย่าได้ถามข้าเลย! เจ้าไปถามหัวหน้าเผ่าเต่ามังกรเถิด!”
หัวหน้าเผ่าเต่ามังกรกล่าวว่า “แก้มัดไม่ได้ แน่นอนว่าแก้มัดไม่ได้อยู่แล้ว! หลังจากที่แก้มัดไปแล้ว ข้าจะต้องถูกผู้อาวุโสตีตายอย่างแน่นอนเลย”
มู่เฉียนซีไม่อยากจะอยู่ที่เผ่าเต่ามังกรนานเกินไป นางจึงกล่าวว่า “สุ่ยอู๋ซิน พวกเรากลับกันเถอะ! หลังจากนี้ค่อยมาหาวิธีไปยังเผ่ามังกรแห่งความมืดกัน!”
สุ่ยอู๋ซินพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ขอรับ!”
หลังจากที่พวกของมู่เฉียนซีจากไปแล้ว ผู้อาวุโสกุยยังคงแอบมองอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยความอาลัยอาวรณ์อยู่หลายครั้ง
กุยฮุยกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส! ท่านก็เลิกมองได้แล้ว! ไม่เช่นนั้นดวงตาของท่านจะได้หายไปจริง ๆ แน่”
เมื่อคิดถึงความน่าสะพรึงกลัวของท่านจิ่วเยี่ย เรื่องเช่นนี้ มีความเป็นไปได้มากว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้
“เจ้าเด็กนี่ รีบปล่อยข้าเร็วเข้าสิ!”
“ไม่ปล่อย ข้าอาจจะถูกท่านตีตายก็ได้!”
“เจ้าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย…”
…
ระหว่างเดินทาง มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สุ่ยอู๋ซิน ที่แท้สิ่งที่เรียกว่ามีความรู้อันลึกซึ้ง ก็คือการรู้เรื่องซุบซิบนินทามากมายเช่นนั้นเองสินะ”
สุ่ยอู๋ซินก็จนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน “ข่าวที่เขาเล่าลือกันมีความผิดพลาด ทั้งข้าก็ยังเชื่อคำเล่าลือนั้นด้วยเช่นกัน”
“แต่ก็ถือว่าได้เก็บเกี่ยวมาบ้างเล็กน้อย หวังว่าเรื่องซุบซิบนินทานี้จะไม่ใช่เรื่องโกหกก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าว
ขณะนี้พวกของมู่เฉียนซีกำลังเดินทางกลับไปที่เกาะราชามังกร และในตอนที่กำลังใกล้จะถึงเกาะราชามังกรนั้น ก็สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะราชามังกรอย่างรีบร้อนเช่นเดียวกัน
พวกเขาได้แผ่กลิ่นอายในระดับสัตว์เทพออกมา ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าพลังของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลย
สุ่ยอู๋ซินกล่าวว่า “หากข้าคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ กลิ่นอายเหล่านี้น่าจะเป็นคนจากเผ่ามังกรม่วงแน่นอน”
“คนเหล่านั้นถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง และในที่สุดเผ่ามังกรม่วงก็ทนไม่ไหวจนต้องลงมือแล้วสินะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“ไปสกัดพวกเขาเอาไว้ ในเมื่อถูกพวกเราพบเข้าแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็อย่าได้คิดที่จะขึ้นไปบนเกาะราชามังกรได้เลย”