ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1741 ล่อศัตรูมาติดกับ
สุ่ยอู๋ซินกล่าวว่า “เผ่ามังกรแห่งความมืดอาศัยอยู่อย่างสันโดษที่หุบเหวของมังกรแห่งความมืด เนื่องจากภายในนั้นมีพลังธาตุแห่งความมืดเข้มข้นมากที่สุด และเหมาะสมกับการฝึกฝนของพวกเขามากที่สุด เผ่ามังกรของพวกเขาจึงเป็นเผ่าที่ลึกลับที่สุดในเผ่ามังกรของพวกเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นเผ่ามังกรใหญ่อย่างเผ่ามังกรราชา ก็ไม่อาจที่จะเข้าใจพวกเขาได้”
“ให้ราชามังกรส่งข่าวไป ว่าพวกเราจะไปเยี่ยมอีกครั้งดีกว่า! หากเข้าไปเยี่ยมเยือนโดยตรง ก็มีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาอาจจะตรงเข้ามาโจมตีก็ได้”
เฮยเย้ากล่าวว่า “ข้าจะส่งข่าวไปให้เผ่ามังกรแห่งความมืดทันที”
เฮยเย้าไปส่งข่าวแล้ว ส่วนมู่เฉียนซีก็ไปสอบปากคำคนของเผ่ามังกรม่วงเหล่านั้น
เมื่อพวกเขามองเห็นมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “ไม่ว่าเจ้าจะซักถามข้าอย่างไร ข้าก็จะไม่บอกอะไรเจ้าทั้งนั้น!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถึงแม้พวกเจ้าจะพูดอารัมภบทอย่างสวยหรูเช่นนี้ แต่หลังจากนี้มันจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ”
ภายใต้ความทรมานจากพิษของหมอปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นหนอนหรือว่ามังกร หลังจากนี้ก็ล้วนแต่ต้องเชื่อฟังทั้งนั้น
เดิมทีหลังจากที่พวกเขาช่วยเหลือนายน้อยมังกรม่วงสำเร็จแล้ว ก็ต้องทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายบนเกาะราชามังกร หลังจากนั้นก็ส่งสัญญาณออกไป และปล่อยให้พันธมิตรที่สนับสนุนเผ่าเทพเข้ามาโจมตี
การโจมตีเกาะราชามังกรนั้นไม่สามารถทำเพียงลำพังได้!
มู่เฉียนซีได้นำผลของการสอบปากคำออกมาบอกกับสุ่ยอู๋ซิน และสุ่ยอู๋ซินก็กล่าวว่า “พวกเขานี่ไม่ยอมแพ้เลยจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แจ้งไปที่ราชวงศ์ทั้งหลาย ให้พวกเขาแอบส่งยอดฝีมือมาเงียบ ๆ! ในเมื่อพวกเขาต้องการที่จะร่วมมือกันในการโจมตีเกาะราชามังกร เช่นนั้นพวกเราก็ปล่อยให้พวกเขามาโจมตี แล้วมาดูกันว่าใครจะกลัวใครกันแน่?”
ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ใหญ่ต่าง ๆ ก็ไม่ได้ดีมากเท่าไรนัก นอกจากเผ่ามังกรวารีที่คอยช่วยเหลือราชามังกรน้อยแล้ว กลุ่มอื่น ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่แสดงออกอะไรสักเท่าไร ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาดูไร้ยางอายมากเลยทีเดียว
แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่พวกเขาไม่แสดงออก ทว่าทุกเผ่ากำลังพยายามฝึกฝนกันอย่างหนัก เพื่อที่จะยกระดับความสามารถของตนเอง แล้วหลังจากนั้นค่อยกำจัดพลังอำนาจของเผ่าเทพออกไปอย่างสมบูรณ์
หลังจากที่ข่าวแพร่กระจายออกมาแล้ว ฝ่ายเทพก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวตามแผนการร้าย
พวกเขากล่าวว่า “ถ้าเกิดจะสังหารพวกเขาบนเกาะราชามังกร พวกเราจำเป็นจะต้องควบคุมพวกเขาให้ได้! และแน่นอนว่าไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาส่งข่าวไปยังอีกสี่เผ่าที่เหลือได้เป็นอันขาด”
เมื่อยามอาทิตย์อัสดงพวกเขามีความมั่นใจในการจัดการกับเผ่ามังกรทองเป็นอย่างมาก แต่ทว่าการร่วมมือกันของทั้งห้าเผ่าไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสามารถที่จะจัดการได้
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับเผ่าอื่นอีกสี่เผ่านั้น ก็คือการค่อย ๆ จัดการพวกเขาทีละเผ่านั่นเอง
“เอาล่ะ! เช่นนั้นก็เอาตามนี้! พวกเราจะต้องเอาเลือดของมังกรทอง มาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของราชินีที่อยู่บนสรวงสวรรค์ให้ได้”
ทางฝ่ายของเผ่าเทพ ได้ยกกองกำลังเตรียมไปสังหารคนบนเกาะราชามังกรแล้ว
เงาร่างของผู้มีพลังอำนาจนับไม่ถ้วนถาโถมเข้ามา และหลังจากที่พวกเขามาถึงเกาะราชามังกรแล้ว
ตูมมมม!
มีการโจมตีนับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำเขามาหาพวกเขาจากทั่วทุกสารทิศ และมันได้เริ่มขวางพวกเขาเอาไว้
หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงตื่นตระหนก “แย่แล้ว!”
ถึงคิดอยากที่จะล่าถอย แต่ทว่าทางข้างหลังกลับถูกปิดตายไปเสียแล้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงาสองสามร่างพุ่งออกมา และพวกเขาก็ได้เห็นคนที่คุ้นเคยอย่างหัวหน้าเผ่ามังกรวารี หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ และยังมี…
ราชวงศ์ใหญ่ทั้งห้า ได้มารวมตัวกันหมดแล้ว!
ผู้แข็งแกร่งเกรียงไกรแต่ละคนของทั้งห้าราชวงศ์ใหญ่ ต่างก็มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อย่างเต็มเปี่ยม
“กับดับ ให้ตายเถอะ! เจ้าพวกนั้น ไม่คิดเลยว่าจะทรยศพวกเราเช่นนี้!” ใบหน้าของหัวหน้าเผ่ามังกรม่วงและหัวหน้าเผ่ามังกรปีศาจที่พึ่งแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ต่างเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที
“ฝ่าออกไป!”
พวกเขาได้ดึงเอาพลังวิญญาณของตนเองออกมาอย่างบ้าคลั่ง และเริ่มเปิดฉากเข้าโจมตี สุดท้ายแล้วพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งเกาะราชามังกร
ในเวลานี้ นายน้อยมังกรอัคคีได้กล่าวว่า “น้องเฮยเย้า พวกเรามาแข่งขันกันดูดีไหม ว่าผู้ใดจัดการแยกส่วนเจ้าพวกนี้ได้มากกว่ากัน”
เฮยเย้าพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งออกไป!
ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กนัก แต่ทว่าเขาก็เป็นถึงราชามังกร และในการต่อสู้ครั้งนี้ แน่นอนว่าเขาก็จะต้องออกแรงด้วยเช่นเดียวกัน
ตูมมม โครมมม!
ราชวงศ์ใหญ่ทั้งห้าลงมือพร้อมกัน และมู่เฉียนซีก็ไม่กลัวว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้เลยด้วย
นางไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ แต่ได้มุ่งหน้าไปยังคุกใต้ดินของเกาะราชามังกรนานแล้ว
ปัง
มีเสียงการต่อสู้ดังมาจากด้านหน้า และข้างหน้านั้นคนของเผ่ามังกรม่วงกำลังต่อสู้อยู่อย่างยากลำบาก ไม่คิดเลยว่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาช่วยเหลือนายน้อยมังกรม่วง ดูท่าแล้วหัวหน้าเผ่ามังกรม่วงจะเป็นห่วงลูกชายคนนี้มากเลยทีเดียว
ในเวลานี้พวกเขากำลังต่อสู้อยู่กับองครักษ์ของคุกใต้ดิน แต่ทว่าเหล่าองครักษ์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย
ในตอนที่พวกเขากำลังที่จะพุ่งเข้ามา มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่จัดการพวกเขาซะ!”
มันไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะบรรลุจากระดับสัตว์เทพได้ และการต่อสู้จริงครั้งแล้วครั้งเล่าจะทำให้พวกเขาสามารถรวบรวมความแข็งแกร่งได้ดีมากยิ่งขึ้น
ตูมมม!
คนจากเผ่ามังกรม่วงเหล่านั้นถูกโจมตีเข้าทางด้านหลัง และมันก็ทำให้พวกเขาโกรธเป็นอย่างยิ่ง
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ผู้ใดกันที่มาทำลายเรื่องที่กำลังไปได้ดีของพวกเรา?”
เห็นชัดว่ามันใกล้จะสำเร็จอยู่แล้ว บนใบหน้าของพวกเขาปรากฏแววความดุร้ายออกมา จากนั้นก็เริ่มโต้กลับ!
“ชิ! ก็แค่สัตว์ร้ายเลือดชั้นต่ำแรกเกิดสามตัวที่เพิ่งจะได้เลื่อนขั้นกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นเอง”
มาบอกว่าพวกเขาเป็นสายเลือดชั้นต่ำ พวกอู๋ตี้และเสี่ยวโม่โม่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก และแรงกดดันทางสายเลือดที่น่าสะพรึงกลัวก็ทำให้ร่างกายของพวกเขาต่างก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที
ต้องบอกว่าต่างก็เป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้วว่าหงส์สีดำตัวนั้นมีสายเลือดชั้นสูง สุดท้ายแล้วเผ่าหงส์ก็เหมือนกับเผ่ามังกรของพวกเขาที่ได้รับสืบทอดสายเลือดอันสูงส่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่ทว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าลูกแมวและหมูตัวนี้กัน? เหตุใดถึงได้ครอบครองพลังแห่งสายเลือดที่แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ได้กัน?
แต่สำหรับคำตอบนั้น แน่นอนว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงไม่อาจให้คำตอบกับพวกเขาได้อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่ากลุ่มที่จะมาช่วยเหลือกลุ่มที่สองจะมีจำนวนคนที่มาก แต่ทว่ากลับถูกพวกของอู๋ตี้โจมตีด้วยวิธีการที่โหดร้ายรุนแรงจนต้องพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน
พรวด พรวด พรวด!
ถูกแผดเผาจนเป็นแผล ทั้งยังถูกทุบตีจนบาดเจ็บ บาดแผลทั้งภายนอกและภายในต่างน่าเวทยายิ่งนัก
แน่นอนว่า นี่ถือว่าไม่ได้น่าเวทนาเท่าไรนัก
เพราะคนที่น่าเวทนามากที่สุดก็คือคนที่ถูกมู่เฉียนซีลอบโจมตี และถูกเข็มพิษทำให้ได้รับบาดเจ็บ จนพวกเขารู้สึกว่าตายไปเสียยังดีกว่า
หลังจากผ่านไปไม่นาน คนที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้ก็ได้สูญเสียพลังแห่งการต่อสู้ไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
“บุกมาถึงคุกใต้ดินของเกาะราชามังกร ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ลองบุกเข้าไปอีกล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นช้า
ใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนซีดราวกับผักต้ม และแววตาของเหล่าองครักษ์ต่างมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างชื่นชมเป็นที่สุด
“ท่านมู่ ครั้งนี้ต้องขอบคุนท่านมากจริง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็คนที่น่าเวทนาก็คงจะต้องเป็นพวกเราแน่”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นำตัวพวกเขาทั้งหมดไปขังเอาไว้ ข้าจะไปเจอกับนายน้อยของเผ่ามังกรม่วงผู้นั้นเสียหน่อย”
“ท่านมู่ เชิญทางนี้ขอรับ!”
เสียงการต่อสู้ข้างนอกนั่นไม่เบาลงเลย และนายน้อยมังกรม่วงคิดว่าจะต้องมีคนมาช่วยเหลือเขาแน่นอน
แต่เขาที่รอแล้วรอเล่า สุดท้ายกลับต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดเสียได้
“มู่เฉียนซี เป็นเจ้าอีกแล้วหรือ?”
มู่เฉียนซียิ้มอย่างเรียบเฉยพลางกล่าวว่า “ใช่แล้ว! เป็นข้าเอง ข้ามีเรื่องบางอย่าง จำเป็นที่จะต้องให้นายน้อยมังกรม่วงอย่างเจ้าช่วยเหลือ เดินไปกับข้าหน่อยได้หรือไม่?”
ลางสังหรณ์ของนายน้อยมังกรม่วงได้บอกเขาว่า นี่จะต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
“เหตุใดนายน้อยอย่างข้าจะต้องเดินไปกับเจ้าด้วย!”
“ไม่อยากไป! แต่ก็ต้องไป!”
มีเสียงแหลมสูงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ภายในห้องขังที่คับแคบนั้นนายน้อยมังกรม่วงไม่อาจหลีกหนีได้เลย
ฉึก!
เข็มยากเจาะลงไปบนผิวหนังของเขา และนายน้อยมังกรม่วงก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเขาไร้เรี่ยวแรงไปหมด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เปิดประตูห้องขัง!”
“ขอรับ!”
นายน้อยมังกรม่วงรู้สึกงุนงง หลังจากนั้นเขาก็ต้องพบกับเรื่องที่ทำให้รู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
“จะ…จะ…เจ้าต้องการที่จะทำอะไร? หรือว่า…หรือว่าเจ้าต้องการที่จะจับข้าไปข่มขู่ท่านพ่อของข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าก็ไม่ได้โง่มากเท่าไร เจ้าเดาถูกแล้วล่ะ”
“เจ้ากล้าหรือ? พ่อของข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน”
“หัวหน้าเผ่ามังกรม่วงตอนนี้ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย หากเขาต้องการที่จะหาเรื่องข้า คาดว่าคงจะยากสักหน่อย”
“เจ้ากำลังพูดจาไร้สาระอะไรกัน พ่อของข้าเก่งกาจถึงเพียงนั้น เขาจะต้องไม่เป็นไรอยู่แล้ว” นายน้อยมังกรม่วงไม่เชื่อคำพูดของมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย