ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1750 รู้ว่าเป็นใคร
คนในเผ่ามังกรแห่งความมืดเหล่านั้นต่างก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย หัวหน้าเผ่าของพวกเขาแพ้แล้ว ไม่คิดเลยว่าหัวหน้าเผ่าจะพ่ายแพ้
พวกเขามองไปยังร่างที่เพรียวบางนั้น ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ที่ชายผู้ที่แข็งแกร่งผู้นี้จะเอาชนะหัวหน้าเผ่าของพวกเขาได้
ในตอนที่หัวหน้าเผ่าของเผ่ามังกรแห่งความมืดปีนป่ายขึ้นมาได้แล้วนั้น เขาก็ได้เปลี่ยนกลับมาเป็นร่างมนุษย์ และคุกเข่าข้างหนึ่งลงเบื้องหน้าจิ่วเยี่ย
“นายท่าน ชื่อของข้าคืออ้านลั่ว ข้าอยากที่จะนับถือท่านเป็นเจ้านาย ทะ…ท่านจะสามารถตอบรับข้าได้หรือไม่!”
คนของเผ่ามังกรแห่งความมืดต่างพากันตกตะลึง
อะไรนะ? หัวหน้าเผ่าของพวกเขาคิดจะนับถือเจ้านายอย่างนั้นหรือ?
สุ่ยอู๋ซินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน อย่างที่รู้กันว่าเผ่ามังกรแห่งความมืดเป็นเผ่ามังกรที่หยิ่งยโสและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก และไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าพวกเขาจะนับถือผู้ใดเป็นเจ้านายได้
ความแข็งแกร่งของท่านจิ่วเยี่ย สามารถพิชิตเขาได้แล้ว
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ยอมรับ ความสามารถของเจ้าอ่อนแอเกินไป”
อ้านลั่วรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
ในฐานะที่เป็นมังกรแห่งความมืดเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของเผ่ามังกรแห่งความมืดที่มีความคิดอยากจะมีเจ้านาย แต่กลับถูกปฏิเสธกลับมา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้อ้านลั่วรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หัวหน้าเผ่าอ้านลั่ว ท่านแพ้แล้ว เช่นนั้นคงจะยอมช่วยเหลือข้าแล้วใช่หรือไม่?”
หัวหน้าเผ่าอ้านลั่วกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือเช่นนั้นหรือ?”
“หัวหน้าเผ่าอ้านลั่ว เจ้ารู้จักมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างหรือไม่? ” มู่เฉียนซีถามอย่างตรงไปตรงมา
พลังแห่งแสงสว่างอยู่ตรงกันข้ามกับพลังแห่งความมืดของพวกเขา แล้วจะมาหามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างที่เผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเขาเจอได้อย่างไร ไม่เข้าใจคนของเผ่าอื่นเลยจริง ๆ
แต่ทว่า สีหน้าของหัวหน้าเผ่าอ้านลั่วกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาเอ่ยปากว่า “ที่นี่ไม่เหมาะที่จะคุยกันเท่าไรนัก เชิญทุกท่านไปที่พระราชวังของข้าก่อน เป็นอย่างไร?”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “ตกลง!”
“นายท่านเชิญทางนี้”
มู่เฉียนซียืนยันได้แล้วว่า อ้านลั่วจะต้องรู้เรื่องของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างเป็นแน่
เมื่อมาถึงภายในพระราชวังของเผ่ามังกรแห่งความมืดแล้ว หัวหน้าเผ่าอ้านลั่วก็ได้สั่งให้คนอื่นออกไป จากนั้นเขาก็มองไปที่สุ่ยอู๋ซินและมู่เฉียนซี
“ข้าจะต้องบอกความลับของพวกข้าเผ่ามังกรแห่งความมืด หัวหน้าเผ่ามังกรวารีไม่เหมาะสมที่จะอยู่ที่นี่กระมัง”
“เช่นนั้นข้าขอออกไปก่อน!” สุ่ยอู๋ซินพูดคุยได้ง่ายจริง ๆ
ในส่วนของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “ซีคือว่าที่เจ้าสาวของข้า”
“ว่าที่เจ้าสาวของนายท่านไม่จำเป็นต้องออกไปอยู่แล้ว และนางก็ไม่ใช่คนของเผ่ามังกรด้วย” อ้านลั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อาถิงกล่าวว่า “ต้องการให้ข้าออกไปหรือ! หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าก็จะออกไป”
อาถิงเป็นคนหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก การบีบบังคับที่เปิดเผยทำให้อ้านลั่ววิตกกังวล
เจ้าหนูน้อยที่งดงามราวกับภูตวิญญาณคนนี้ มีความสามารถที่ไม่ธรรรมดาเลย
“หากไม่ใช่เผ่ามังกร ก็ไม่เป็นอะไรหรอก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตอนนี้สามารถที่จะพูดเรื่องของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างได้แล้วใช่หรือไม่?”
อ้านลั่วกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะพูด!”
“มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง ก็คือบรรพบุรุษท่านหนึ่งของพวกเราเผ่ามังกรแห่งความมืด ตัวของเขาเองก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร ถึงได้รับพลังแห่งแสงสว่างมา และจากนั้นพลังแห่งความมืดก็ได้หายสาปสูญไป หลังจากนั้นมาท่านบรรพบุรุษก็รังเกียจพลังแห่งความมืด แล้วกลายเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง”
“ความรังเกียจในพลังความมืด ทำแต่เรื่องดี และสร้างแรงบันดาลใจจนกลายเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและจิตใจดีงามที่สุด”
“เรื่องทั้งหมดเหล่านี้พวกข้าเคยได้ยินมาแล้ว มิฉะนั้นก็คงไม่มาหาถึงเผ่ามังกรแห่งความมืดหรอก” มู่เฉียนซีกล่าวว
“ใคร ใครเป็นคนพูดกัน? ตอนนี้นอกจากหัวหน้าเผ่าของเผ่าข้าแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนอื่นรู้ข้อมูลนี้ด้วย” แววตาของหัวหน้าเผ่าอ้านลั่วฉายแววดุร้ายออกมา จนมู่เฉียนซีสงสัยว่าเขาต้องการที่จะไปฆ่าคนปิดปากหรือไม่?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ พวกเราอยากจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน เนื่องจากว่าเขาได้ตายไปนานแล้ว”
“ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้ว ข้าก็อยากที่จะเห็นโครงกระดูกของเขา!” มู่เฉียนซีกล่าว
กระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่เหลือเพียงกระดูกไว้ก็พอแล้ว
“เรื่องนี้…เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”
“เช่นนั้นสถานที่สุดท้ายที่มันปรากฏตัวขึ้นคือที่ใด?”
“นั่น…”
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าบอกเรื่องที่เจ้ารู้ทั้งหมดมาให้ข้าอย่างชัดเจน มิฉะนั้น…”
ดวงตาสีฟ้าอ่อนฉายแววเย็นยะเยือกออกมา จนทำให้คนไม่กล้าที่จะปฏิเสธความต้องการของเขา
“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างเผ่าของข้าต่างมีบันทึกเอาไว้ทั้งนั้น แต่ข้าไม่ได้พลิกอ่านมากเท่าไรนัก ตอนนี้ข้าสามารถไปหามันมาให้ท่านได้”
เรื่องนั้นต่างก็เป็นเรื่องราวของการทำงานอย่างหนักในอดีตที่ยากจะทนดูได้ของพวกเขาเผ่ามังกรแห่งความมืด และเนื่องจากคนในเผ่าที่กระจายออกไปเช่นนี้ จึงทำให้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นหรือไม่?
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างไม่รีรอว่า “ไปหาด้วยกัน เดี๋ยวนี้!”
“นั่น…”
“ทำไม? ไม่รับปากอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะกล้าได้อย่างไร?” อ้านลั่วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับพลังแห่งความมืดอันแข็งแกร่งที่ระเบิดออกมาจากร่างของจิ่วเยี่ย เขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมตนเองได้อย่างสิ้นเชิง
นอกจากการที่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของชายที่แข็งแกร่งผู้นี้แล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
ดังนั้นอ้านลั่วจึงทำได้แค่เพียงพาพวกเขาไปยังหอสมุดลับแห่งนั้น และก็ได้เริ่มอ่านประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของเผ่ามังกรแห่งความมืด
หากบอกว่ามีเผ่ามังกรแห่งความมืดตัวหนึ่ง ที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องมารับผิดชอบสร้างโลกที่สดใส มีความสุข และปราศจากความเศร้าโศก
และยังเป็นมังกรแห่งความมืดที่ดีตัวหนึ่ง ที่กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องทั่วทุกหนแห่ง แต่ก็ได้ทำให้ผู้คนขุ่นเคืองใจมากมายเช่นกัน
…
ในประวัติศาสตร์ดำมืดเหล่านี้ มู่เฉียนซีได้ค้นพบมังกรที่แปลกประหลาดที่สุดตัวหนึ่ง
อ้านลั่วกล่าวว่า “เฮ้อ! ไม่รู้ว่าไอ้สารเลวคนไหนที่มาทำให้เผ่ามังกรแห่งความมืดตัวหนึ่งต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ เวรกรรมจริง!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้ารู้ ข้ารู้…” อาถิงหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เผ่ามังกรของพวกเจ้าถูกเขานำเข้าสู่หายนะเสียแล้ว ข้าเห็นใจพวกเจ้าเหลือเกิน”
มู่เฉียนซีมองไปที่อาถิงแล้วกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือ? ผู้ใดกัน?”
อาถิงกล่าวว่า “ผู้ที่สามารถเปลี่ยนคุณลักษณะของมังกรแห่งความมืดตัวหนึ่งได้ ทั้งสามารถที่จะบิดเบือนนิสัยของมังกรตัวหนึ่งให้กลายเป็นเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่มึคุณลักษณะแห่งแสงสว่าง หรือก็คือมายานิรันดร์นั่นเอง”
“เจ้าหมอนั่นก็มีนิสัยเช่นนี้แหละ! เป้าหมายก็คือทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความรัก ไม่มีผู้ใดที่เป็นคนไม่ดีและไม่มีพลังความมืดใด ๆ ทั้งสิ้น มีความบริสุทธิ์ดุจดั่งบัวขาวศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นพรหมทั้งเก้า และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเขาก็จะกลายเป็นเช่นนี้เหมือนกัน”
มู่เฉียนซีขะงักไปครู่หนึ่ง “ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่เป็นเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“เจ้าหมอนี่น่ารำคาญมาก หญิงอัปลักษณ์ เจ้าอย่าได้ไปเจอมันเป็นอันขาดเลย” ทันทีที่อาถิงคิดถึงอะไรบางอย่างได้ เขาก็ขนลุกขนพองไปทั่วทั้งตัวเลยทีเดียว
“อ่า! ขอบคุณนายท่าน ปริศนาลึกลับอันยิ่งใหญ่ของพวกเราเผ่ามังกรแห่งความมืด ในที่สุดก็ได้รับการแก้ไขแล้ว ฮืออออ! ที่แท้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นคนทำนี่เอง”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทำที่ไหนล่ะ เป็นมายานิรันดร์ต่างหาก เจ้าอย่าเอามันไปรวมกันสิ! เจ้าคิดว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะประสาทเหมือนเจ้านั้นหมดหรืออย่างไร!” อาถิงกล่าวด้วยความโกรธ
“ใช่แล้ว ๆ! มายานิรันดร์”
“เผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเจ้า หรือว่าไม่คิดที่จะแก้แค้นมันอย่างนั้นหรือ?”
“แก้แค้น! มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรือ มันคือสิ่งที่อยู่ในตำนานมาโดยตลอด ทั้งยังมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันไม่ใช่สิ่งที่หากเราอยากจะแก้แค้นแล้วเราจะไปแก้แค้นได้ ในเมื่อข้ารู้แล้ว ก็ถือว่าบรรพบุรุษของข้าได้ตายอย่างตาหลับแล้ว” อ้านลั่วกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ
“เรื่องซาบซึ้งใจนั้นช่างมันเถอะ รีบหาว่าเจ้าหมอนั่นที่จริงแล้วอยู่ที่ไหนกันแน่? หากหาไม่เจอละก็ เหอะ ๆ ๆ! ข้าจะไปหามายานิรันดร์แล้วพาออกมา จากนั้นก็สร้างพวกเจ้าให้กลายเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง! แล้วเจ้าก็จะแข็งแกร่งที่สุด และมีเพียงแต่เจ้าเท่านั้น”
อ้านลั่วอดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้ เขาไม่อยากที่จะกลายเป็นคนประสาทแบบนั้น
มู่เฉียนซีถามว่า “อย่างนี้ก็ได้หรือ?”
“เจ้าหงส์น้อยตัวนั้นไม่ได้ทำไปแล้วอย่างนั้นหรือ? สำหรับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่มีคุณลักษณะแห่งแสงสว่างถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย! ถึงอย่างไรก็ใช้ในตอนที่จำเป็นเท่านั้น หรือว่าไม่อยากที่จะตามหาหมอนั่นแล้วอย่างนั้นหรือ”
ถึงแม้ว่าอาถิงกับพิฆาตวิญญาณจะไม่เคยต่อสู้กันเลยสักครั้ง แต่ทว่ามันกลับไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนมายานิรันดร์ เขายังคงมีความเคารพนับถืออยู่ห่าง ๆ และเป็นไปได้ที่ในชีวิตนี้ก็คงไม่อยากที่จะพบเจอ
แต่มายานิรันดร์ผู้นี้ ที่จริงแล้วมันแปลกประหลาดถึงขนาดไหนกัน? เมื่อคิดถึงจุดนี้มุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย