ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1756 ประสบภัยพิบัติ
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ทำ เพียงแต่บุรุษของข้าได้ทำไปแล้ว ส่วนพวกเจ้าสำนักเล่ออัน ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
“เหอะ เหอะ เหอะ!” เจ้าสำนักสวี่ที่เกือบต้องย่ำเข้าประตูผีไปด้วยพิษร้าย มาบัดนี้ก็ยังต้องมองดูบรรดาคนในสำนักของตนถูกกำจัดไปทีละคนอีก
เด็กน้อยดวงตาสีเขียวมรกตและบุรุษอาภรณ์สีฟ้านั่นแทบจะไม่ใช่คนแล้ว พลังของคนทั้งสองแข็งแกร่งจนน่าตกใจ ผู้มีพลังแกร่งกล้าของสำนักเล่ออันเองก็ยังไม่อาจต่อกรด้วยได้แม้แต่น้อย!
ท่านผู้เฒ่า! ท่านผู้เฒ่า!
ตอนนี้คงทำได้เพียงรั้งรอให้ท่านผู้เฒ่าของพวกเขาออกมาเท่านั้น และทันใดนั้นท่านผู้เฒ่าของพวกเขาก็ปรากฎตัวออกมาจริง ๆ
แต่ยังไม่ทันจะได้สำแดงฤทธิ์เดชอันใด จากท่านผู้เฒ่าก็กลับกลายเป็นเด็กน้อยไปในทันที!
“อ้า อ้า อ้า…”
“สัตว์ประหลาด! สัตว์ประหลาด!” เจ้าสำนักสวี่ตกใจจนใบหน้าซีดเผือดไร้สีชาด
ขณะกำลังโบกมือไปมา ท่านผู้เฒ่า…ท่านผู้เฒ่าของพวกเขาก็กลายเป็นเด็กน้อยไปเสียแล้ว
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ใช้ป้ายหยกแต่อย่างใด แม้กระทั่งจะส่งสารขอความช่วยเหลือจากสำนักหลินเยว่ก็ยังไม่ทันจะได้ส่ง สำนักเล่ออันของพวกเขาก็พังทลายลงเสียแล้ว และไร้ทางต้านทานได้อีก
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังอาถิงและมังกรวารีแล้วกล่าว “อืม! พวกเจ้าคนใดมีวิธีทำให้สำนักเล่ออันพังทลายเหมือนประสบภัยพิบัติได้บ้าง!”
การที่จิ่วเยี่ยทำลายสำนักฉางฮวนจนราบเป็นหน้ากลองก็ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจมาก ๆ อยู่แล้ว มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจว่าจะทำลายสำนักเล่ออันอย่างเงียบ ๆ
อาถิงกล่าว “ข้าสามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงที่สำนักเล่ออันยังไม่ก่อตั้งขึ้นได้”
“นายท่านอย่าไปฟังที่อาถิงพูดเลย แบบนั้นเป็นการสิ้นเปลืองพลังไปเสียเปล่า ๆ! ข้าสามารถทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นได้ อย่างไรเสียสำนักแห่งนี้ก็อาศัยน้ำในการก่อตัวขึ้นมา เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาสลายไปกับสายน้ำเลยก็แล้วกัน”
เจ้าสำนักสวี่ที่กำลังฟังอยู่ก็อดตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างเสียมิได้ แต่ละคนยิ่งพูดก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่กล่าวมานั้นมนุษย์ธรรมดาไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ยกให้เป็นหน้าที่ของมังกรวารีก็แล้วกัน!”
มังกรวารีเผยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นออกมา แล้วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “การแบ่งเบาภาระของนายท่านถือว่าเป็นเกียรติของมังกรวารี!”
เสี่ยวโม่โม่สยายปีกอันสง่างามออกท่ามกลางท้องนภาอันกว้างใหญ่ เพลิงหงส์อมตะร่อนลงมาอย่างช้าๆ แล้วเผาทั้งสำนักจนวอดวาย เป็นการดับลมหายใจเจ้าสำนักสวี่ อีกทั้งยังเป็นการดับลมหายใจสวี่ฝูที่เส้นชะตาชีวิตกำลังจะขาดสะบั้นลงอีกด้วย
หลังจากที่เปลวเพลิงก็กลืนกินไปทั่วทั้งสำนักอย่างรวดเร็วแล้ว ทันใดนั้นก็มีพายุฝนถาโถมลงมาจากฟากฟ้าในทันที
มังกรวารีกล่าว “อีกไม่นานน้ำก็จะท่วมแล้ว นายท่านรีบออกจากที่นี่จะดีกว่า นายท่านจะได้ไม่ตกใจ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “อื้ม!”
ว่าแล้วมู่เฉียนซีก็ออกจากบริเวณนั้น แล้วไปยังกำแพงเมืองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากสำนักเล่ออันมากนัก
อาถิงกล่าวว่าเขาต้องการหลับลึกเพื่อฟื้นฟูพลัง เศษเสี้ยวของสุ่ยจิงอิ๋งได้ตกไปอยู่ในมือของเทพจักรพรรดิแล้ว ซึ่งมันทำให้เขาเจ็บใจและโกรธแค้นมาโดยตลอด
ดังนั้นเขาจึงอยากฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งในวันวานให้กลับมาโดยเร็ววัน แล้วช่วงชิงเศษเสี้ยวของสุ่ยจิงอิ๋งกลับมาจากเทพจักรพรรดิให้ได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ดี!”
การที่บันดาลให้เกิดน้ำท่วม มังกรวารีก็ได้ใช้พลังไปเป็นจำนวนมาก อีกอย่างยามอยู่ในแดนมังกร เขาก็ได้สร้างผนึกแบบนั้นออกมาแล้วเช่นกัน
“มังกรวารีอยู่เคียงข้างนายท่านไม่ได้อีกแล้ว ช่างไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเลยจริง ๆ นายท่านโปรดให้อภัยด้วย” มังกรวารีคุกเข่าลงเบื้องหน้ามู่เฉียนซี พลางแสดงท่าทีสำนึกผิดด้วยความจริงใจ
จิ่วเยี่ยกล่าว “ซีไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาอยู่เคียงข้าง”
ราวกับว่ามังกรวารีไม่ได้ยินในสิ่งที่จิ่วเยี่ยกล่าวก็มิปาน ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องไปยังมู่เฉียนซีอย่างไม่ลดละ
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่เป็นไร! มังกรวารี เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษข้าเพราะเรื่องนี้หรอกนะ ข้าไม่อาจเร่งให้พวกเจ้าฟื้นฟูพลังขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน คนที่ควรขอโทษคือข้าต่างหาก”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของนายท่าน นายท่านอย่าได้กล่าวโทษตัวเองเลย”
จิ่วเยี่ยกล่าว “เจ้าควรไสหัวกลับไปอยู่ในแหวนมังกรเทพวารีได้แล้ว”
มังกรวารีกล่าว “หากนายท่านต้องการสิ่งใด ไม่ว่ามังกรวารีจะอยู่ในสถานการณ์ไหน มังกรวารีจะปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้านายท่านเสมอ”
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรวารี เจ้าไปฟื้นฟูร่างกายอย่างสบายใจเถอะ!”
“รับทราบ!” มังกรวารีพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหายวับไปพร้อมแสงสีน้ำเงินอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดเมื่อเจ้าตัวป่วนสองตัวไม่อยู่เป็นก้างขวางคอแล้ว จิ่วเยี่ยก็สามารถโอบกอดมู่เฉียนซีได้อย่างสบายใจแล้ว
“หลังจากนี้ข้าจะไปฝึกฝนและคอยสืบข่าวที่แดนซวนเทียน ท่านยังไม่รีบไปสืบข่าวของเผ่าปีศาจอีกหรือ ไหนจะข่าวของมายานิรันดร์อีกล่ะ…”
จิ่วเยี่ยใช้ริมฝีปากขบเม้มติ่งหูของมู่เฉียนซีเบา ๆ แล้วกล่าว “ข้าจะอยู่ที่นี่อีกคืน”
“ไม่ได้!”
“ได้!”
ที่จิ่วเยี่ยกล่าวว่าต้องการอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคืน แน่นอนว่าเขาต้องการเสพสุขไออุ่นในคืนนี้
ค่ำคืนที่เร้าร้อนและถูกก่อกวนจากบุรุษนามว่าจิ่วเยี่ย ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ไม่น้อย
“หากไม่มีข่าวสาร ตอนที่ท่านมาเกาะแกะข้า ระวังเถอะข้าจะทำให้น้องชายท่านไม่ขัน คุณชายจิ่วเยี่ย”
“ซีทำไม่ลงหรอก!”
“อย่าใช้ลูกไม้นี้กับข้าเลย ข้าไม่ใช่คนใจอ่อนหรอกนะ”
“ข้าคิดถึงซีจะตายอยู่แล้ว ข้ามาหาเจ้าไม่ได้หรือ?” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“หากข้าป่วย ข้าจะมาให้ซีช่วยรักษาไม่ได้หรือ!”
“ซีจะต้องคิดถึงข้าแน่!”
เมื่อจูบอันแสนเร่าร้อนเริ่มบรรเลง ร่างบางของมู่เฉียนซีก็อ่อนระทวยไปในทันที ภายใต้การรุกคืบของจิ่วเยี่ย วาจาข่มขู่ทั้งหลายของนางก่อนหน้านี้ก็ไร้ซึ่งความหมายไปโดยปริยาย
มู่เฉียนซีหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย บุรุษรูปงามที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ก็ค่อย ๆ หายลับไปอย่างช้า ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “แล้วเจอกันใหม่นะจิ่วเยี่ย ข้าจะคิดถึงท่าน พวกเรามาแก้คำสาปนั้นไปด้วยกันเถอะ!”
จุมพิตบางเบาเคล้าความทะนุถนอมประกบลงบนใบหน้ามนของมู่เฉียนซี “อื้ม! ข้าจะรอให้ซีรักษาข้า แล้วทำให้ข้ากลายเป็นของเจ้า!”
ทั้งเหนื่อยล้าทั้งง่วง เปลือกตาของมู่เฉียนซีค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ แล้วก้าวสู่ห้วงความฝันไปในที่สุด
เที่ยงวันของวันรุ่งขึ้นมู่เฉียนซีจึงจะตื่น เมื่อเดินลงมาจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมแล้ว นางก็ได้ยินกลุ่มคนกำลังถกเถียงถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอยู่
“เจ้าว่าสำนักอันเล่อประสบภัยใช่หรือไม่! น้ำท่วมครั้งใหญ่ทำเอาทั้งสำนักราบเป็นหน้ากลองไปเลย”
“สำนักเล่ออันทำเรื่องไร้คุณธรรมไปไม่น้อย หากจะประสบภัยพิบัติก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
“เทพมังกรวารีลงมาจากสวรรค์แล้วบรรดาลน้ำให้พัดพาสำนักเล่ออันไป จะว่าไปแล้วก็แปลก สำนักเล่ออันมียอดฝีมือตั้งหลายคน แต่กลับไม่มีใครหนีออกมาได้เลยสักคน”
“บางทีเมื่อคืนพวกเขาอาจจะหลับลึกก็ได้ อีกอย่างนั่นก็เป็นภัยพิบัตินะ! ไม่ว่าจะมีพลังแกร่งกล้าแค่ไหนก็หนีได้ยากอยู่ดี”
อย่างไรเสียสำนักเล่ออันก็ถูกน้ำชะล้างไปหมดแล้ว เรื่องที่สำนักเล่ออันสาบสูญไปจากแดงซวนเทียนก็จะต้องเล่าลือกันไปจนกลายเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจนเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวนางได้
ข่าวคราวเรื่องที่สำนักเล่ออันหายสาบสูญได้แพร่ไปถึงสำนักลั่วเยว่แล้ว เจ้าสำนักฉู่กล่าวด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “ฉู่หลี ฉู่หลี ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สำนักเล่ออันทำเรื่องผิดบาปมามากเสียจนฟ้าดินลงโทษแล้ว ทั้งสำนักถูกน้ำซัดจนราบเป็นหน้ากลองไปเลย”
ฉู่หลีกล่าว “ถึงแม้จะเป็นน้ำท่วม แต่ก็คงไม่ทำให้ทั้งสำนักหายไปได้หรอก ต้องเป็นฝีมือคนอย่างแน่นอน”
“เป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง! ใครจะไปทำแบบนั้นได้”
“คนทำไม่ได้ แต่…”
จักรพรรดิผู้ควบคุมธาตุวารีสามารถทำได้อย่างไม่ต้องสงสัย
สัญชาตญาณของฉู่หลีบอกเขาว่าศิษย์น้องหญิงของเขากลับมาแล้ว
เขาจะต้องพัฒนาพลังของเขาให้เร็วขึ้นกว่านี้ ข่าวดีเช่นนี้ฉู่หลีก็ไม่คิดจะบอกเล่าให้อาจารย์ของตัวเองได้รับรู้
เขาเพียงแค่กล่าวว่า “ข้าจะปลีกวิเวกไปบำเพ็ญตนแล้ว” จากนั้นเขาก็ไปบำเพ็ญตนอีกครั้ง
“เจ้านี่เป็นอะไรของเจ้า สำนักเล่ออันล่มสลายแล้ว อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ต้องไปดื่มฉลองกับอาจารย์แล้วค่อยไปบำเพ็ญตนสิ!” เจ้าสำนักฉู่กล่าวโทษ
เมื่อโม่ซวนได้รับข่าวสารที่สำนักเล่ออันล่มสลายลงอย่างแปลกประหลาดแล้ว เขาเองก็รู้สึกคับข้องใจอยู่เล็กน้อย นี่เป็นเหตุผลการล่มสลายของสำนักที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยรับรู้มา
ทว่าเหลิ่งหนิงจือที่รับรู้ข่าวสารแล้วก็กลับมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่ตลอดวัน จะต้องเป็นฝีมือของเจ้านายอย่างแน่นอน เจ้านายกลับมาแล้ว
โม่ซวนกล่าว “แม่นางเหลิ่ง มีเรื่องอะไรให้ดีใจหรือ?”