ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1764 ลาก่อนคนไม่รู้จัก
เสียงกรีดร้องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างน่าเวทนานั้นทำให้คนต้องแสบแก้วหู และถึงสุดท้ายแล้วคนผู้นั้นจะไม่ตาย แต่ก็ทำได้เพียงดิ้นรนเพื่อให้ชีวิตรอดอยู่ในเหวลึกเท่านั้น
คนอื่นได้ค้นพบว่า พวกของมู่เฉียนซีนั้นหาเรื่องด้วยไม่ง่ายเลย
หนุ่มหล่ออะไรกัน นี่เป็นสัตว์ประหลาดต่างหาก!
ชายในชุดสีแดงผู้นั้นฟื้นขึ้นมาเร็วกว่าเฟิงอวิ๋นซิว เขาหัวเราะคิกคักพลางกล่าวว่า “ข้าตกใจแทบตาย ข้าคิดว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกับเฟิงอวิ๋นซิวเสียอีก! ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะช่วยเหลือข้าเช่นนี้”
“แม่นางท่านช่างงดงามและเก่งกาจถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะหัวใจของข้าเป็นของคุณหนูที่ตระกูลของพวกข้าแล้วละก็ ข้าคงจะมอบหัวใจให้เจ้าแน่นอน!”
นิรันดร์เหลือบมองไปทางเขาพลางกล่าวว่า “คนหยาบช้าเช่นเจ้า อย่าแม้แต่จะคิดที่จะมอบหัวใจให้กับศิษย์ที่รักของข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อย่าได้คิดที่จะมอบหัวใจให้ข้าเลย! เจ้าเพียงแค่ตอบคำถามข้าสักข้อสองข้อก็เพียงพอแล้ว”
“เจ้าพูดมาสิ!”
“คำถามแรกก็คือ เจ้าเป็นใครกัน?”
“คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีมาก ข้าก็คือคุณชายหงส์ไฟในตำนาน ข้าคือผู้ประสบความสำเร็จที่มีอายุน้อยที่สุดของราชวงศ์ตงหวง ทั้งยังหล่อเหลามากที่สุด และเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานที่หาได้ยากยิ่งในสหัสวรรษนี้ แล้วยัง…”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย “หยุด!”
“ต่อไปคำถามข้อที่สอง เจ้าปะทะกับเฟิงอวิ๋นซิวได้อย่างไร แล้วเหตุใดถึงต้องต่อสู้กันถึงตายขนาดนี้”
“ข้าไม่เคยคิดที่จะสังหารเขามาก่อนเลย! ภารกิจของข้ามีเพียงแค่การเชิญเขาไปเป็นแขกเท่านั้น แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าหมอนั่นจะได้รับภารกิจให้มากำจัดข้า และหลังจากนั้นพวกเราก็ต่อสู้กัน”
มู่เฉียนซีชะงักไปครู่หนึ่ง “เจ้าได้รับภารกิจจากผู้ใด?”
“เจ้ารู้จักเขาไม่ใช่หรือ? หรือเจ้าไม่รู้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวเป็นร่างเงาของ ตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวง แน่นอนว่าร่างเงาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายอยู่แล้ว! เฮ้อ ไม่รู้เลยว่ามีเชื้อพระวงศ์คนใดที่อิจฉาในรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของผู้มีพรสวรรค์อย่างข้า จนถึงขั้นยอมส่งนายน้อยจากตระกูลเฟิงมาไล่ล่าข้าเช่นนี้” จูเชว่กล่าว
เขาจ้องมองไปทางมู่เฉียนซี “เจ้ามีคำถามอะไรที่อยากจะถามข้าอีกหรือไม่?”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เจ้าจะต้องจ่ายค่ายาที่ใช้ในการรักษาเจ้ามาด้วย ข้าไม่ได้ช่วยชีวิตผู้ใดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรอกนะ”
“ต้องการเท่าไร พวกเงินทองข้าไม่เคยขาดอยู่แล้ว บอกเลยว่าข้ามีมากมายนัก”
“ข้าต้องการสมุนไพรวิญญาณที่อยู่ในตัวของเจ้าทั้งหมด!”
ตาของจูเชว่เบิกโพล่งพลางกล่าวว่า “เจ้านี่จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ!”
“หรือว่ามันเป็นราคาที่ไม่คุ้มค่าต่อชีวิตของเจ้าเช่นนั้นหรือ? หากเจ้ารู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแล้วละก็ ข้าเอามันคืนมาก็แล้วกัน”
“รอเดี๋ยวก่อน! ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะต้องไปขออภัยคุณหนูเสียก่อน ข้ามอบหัวใจให้เจ้าดีหรือไม่?” จูเชว่ขยิบตาให้กับมู่เฉียนซีทีหนึ่ง
“จ่ายมา!” มู่เฉียนซีได้เอาเข็มยาเล่มหนึ่งออกมาเล่น
“การเอาชีวิตที่ข้าช่วยเหลือเอาไว้คืนมา มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เพียงแค่เข็มเดียวเท่านั้นแหละ!”
“อย่าเล่นของที่อันตรายเช่นนั้นสิ! เอามาให้ข้า ถึงให้ข้าก็ใช้ประโยชน์มันไม่ได้หรอก”
คำพูดที่ยกหางตนเองของจูเชว่ก่อนหน้านี้เหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่คำคุยโวโอ้อวดแต่อย่างใด เนื่องจากว่าตระกูลของผู้ชายคนนี้ร่ำรวยมากจริง ๆ สมุนไพรวิญญาณที่หยิบออกมานั้นทำให้มู่เฉียนซีพึงพอใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
จูเชว่กล่าวว่า “ข้าต้องบอกเลยว่า การที่ข้าบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ไม่ว่านักปรุงยาอายุน้อยที่ข้ารู้จักทั้งเก่งกาจและทั้งมีพรสวรรค์มากเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางที่จะรักษาข้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ เจ้าช่างยอดเยี่ยมมากเลยจริง ๆ เจ้าเป็นกองกำลังไหนกัน? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องของเจ้ามาก่อนเลย”
นิรันดร์เดินมาอยู่ด้านข้างของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ลูกศิษย์ที่รักของข้าที่ข้าสอนมาเองกับมือ จะต้องเก่งกาจแน่นอนอยู่แล้ว! ในโลกใบนี้ไม่มีกองกำลังใด ที่สามารถบ่มเพาะนักปรุงยาอย่างศิษย์ที่รักของข้าได้หรอก”
ดวงตาที่น่าหลงใหลและสง่างามคู่นั้นฉายแววเย็นยะเยือกออกมา “การแสดงความอ่อนแอของเจ้า และการหยั่งเชิงของเจ้า ให้หยุดเอาไว้เพียงเท่านี้ เพราะในสายตาของข้าเป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น”
การแสดงของจูเชว่ทั้งหมดนั้นดูโง่เง่าเล็กน้อย ซึ่งเขาก็มีเป้าหมายที่จะทำให้คนอื่นคลายความระมัดระวังลง และหลังจากนั้นก็เริ่มที่จะหยั่งเชิงตัวตนของพวกเขา
เหมือนจิ้งจอกน้อยได้มาพบเจอจิ้งจอกเฒ่า ทำให้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่างไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าของจูเชว่แข็งทื่อไปในทันที เขากล่าวอย่างเขินอายว่า “คราวนี้ข้ามาเจอคู่ต่อสู้เสียแล้ว!”
มู่เฉียนซีชำเลืองมองไปทางจูเชว่แล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีฝีมือในการตรวจสอบข้อมูล เพียงแต่อย่าใช้ความพยายามนั้นกับข้าเลย มันไม่มีประโชน์หรอก”
จูเชว่หยุดพูดลงอย่างเชื่อฟัง และเฟิงอวิ๋นซิวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ด้วยอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ใบหน้าของเขาขาวซีด มู่เฉียนซีจึงฝังเข็มสกัดความเจ็บปวดให้กับเขาอีกครั้ง
“อวิ๋นซิว เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวพลางจ้องมองไปทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีนำเข็มขึ้นมาเล่นแล้วกล่าวว่า “เจ้าเห็นสิ่งนี้ แล้วยังไม่รู้ว่าข้าคือผู้ใดอีกเช่นนั้นหรือ?”
เขาส่ายหน้า!
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีจึงได้ยัดยาลูกกลอนเข้าไปจนเต็มปากของเฟิงอวิ๋นซิว และจูเชว่ก็กล่าวขึ้นว่า “นะ…นี่กำลังทำอะไรน่ะ? ยัดยาเข้าไปขนาดนี้ มันจะสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”
“ข้าชอบที่จะทำเช่นไรก็จะทำเช่นนั้น และเต็มใจที่จะสิ้นเปลืองด้วย!”
“ข้าได้จ่ายค่าตอบแทนไปแล้ว เหตุใดถึงไม่มีเช่นนี้บ้างล่ะ?”
“อวิ๋นซิวเป็นชายหนุ่มหน้าตางดงามที่หาได้ยากยิ่ง เจ้ารู้สึกด้อยค่าในตนเองจนไม่ยอมเผยใบหน้า เช่นนั้นก็ต้องแตกต่างกันแน่นอนอยู่แล้ว”
เฟิงอวิ๋นซิวที่กลืนยาเข้าไปมากมาย ก็แทบจะสำลักออกมาหลังจากที่ได้ยินมู่เฉียนซีกับจูเชว่ปะทะคารมกัน
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ตอนนี้ เจ้าก็ยังไม่รู้อะไรอีกเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่รู้!”
“นิรันดร์ ข้าว่าเขามีปัญหาแล้ว เจ้ามาดูหน่อยสิ!” มู่เฉียนซีกล่าว
นิรันดร์กล่าวว่า “ข้ารังเกียจผู้ชาย ไม่รักษาให้หรอก!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นิรันดร์ อวิ๋นซิวเป็นเพื่อนของข้า!”
นิรันดร์รู้ว่า ที่รักต้องการที่จะให้เขาลงมือ
ถึงกฎจะเป็นสิ่งที่เขากำหนดเอาไว้ แต่เพื่อที่รักเขาก็สามารถที่จะทำลายกฎเกณฑ์นั้นได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาอยากที่จะควักดวงตาคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวออกมามากกว่าอยู่ดี
นิรันดร์กำลังจะทำลายกฎเกณฑ์เพื่อช่วยคนอยู่แล้ว แต่ผลสุดท้ายเฟิงอวิ๋นซิวกลับกล่าวว่า “ข้าไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน!”
จูเชว่ยิ้มขึ้นมาพลางกล่าวว่า “ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของข้า เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ เงาของตระกูลมู่จะไปมีเพื่อนได้อย่างไรกัน ภายในสายตาของพวกเขาที่เติบโตขึ้นมา มองเพียงแค่เจ้านายของพวกเขาเท่านั้น และมองไม่เห็นผู้อื่นอีกเลย”
เฟิงอวิ๋นซิวที่มีท่าทางเช่นนี้ต่อมู่เฉียนซี ยิ่งทำให้นิรันดร์รู้สึกเกลียดเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
“ศิษย์ที่รัก เขาพูดมาแล้วว่าเจ้าไม่ได้เป็นเพื่อนของเขา เช่นนั้นก็ถือว่าไม่ใช่ ข้าไม่ช่วยหรอก!”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “ข้าไม่มีปัญหาหรอก!”
“นิรันดร์ เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว มาดูเขาก่อนว่ามีสถานการณ์เช่นไรกันแน่ สุดท้ายแล้วอาจจะมีเหตุบางอย่างที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับข้าในตอนแรกก็ได้ ในเมื่อตอนนี้ข้าเจอตัวแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำให้มันชัดเจน” มู่เฉียนซีกล่าว
“ศิษย์ที่รัก เช่นนั้นเจ้าต้องตอบคำถามข้ามาสองสามข้อ เมื่อทำให้ข้าพอใจแล้ว ข้าจะช่วยดูเขาให้”
“ตกลง!”
นิรันดร์ถามว่า “ข้ากับเจ้าหมอนี่ ผู้ใดหล่อกว่ากัน!”
“แน่นอนว่าต้องเป็นนิรันดร์อยู่แล้ว”
“ข้ากับเจ้าหมอนี่ ศิษย์ที่รักใส่ใจผู้ใดมากกว่ากัน?”
“ต้องเป็นเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว!”
นิรันดร์ยิ้มออกมาอย่างสดใส “คำตอบของศิษย์ที่รักนั้นทำให้ข้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าหมอนี่ดูก็แล้วกัน!”
ปึก! ก่อนที่จะดูอาการคนไข้ นิรันดร์ได้ทำให้เฟิงอวิ๋นซิวที่พึ่งจะฟื้นตัวขึ้นมาสลบลงไปอีกครั้ง
หากว่ามู่เฉียนซีไม่อยู่แล้วละก็ บางทีเขาคงจะลงไม้ลงมือ และหลังจากนั้นก็ทำให้เขากลายเป็นคนพิการไปเลย
ในตอนที่อยู่ดินแดนทั้งสี่ทิศ ส่วนใหญ่แล้วเขากำลังอยู่ในช่วงที่หลับไหล ฉะนั้นจึงได้ไม่รู้เรื่องระหว่างมู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิวได้ชัดเจนมากเท่าไรนัก
แต่ทว่าเจ้าหมอนี่ทำให้ที่รักสนใจถึงเพียงนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเกลียดไปจนตายแล้ว
นิรันดร์กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กน้อยเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส ศิษย์ที่รัก เจ้าพิฆาตวิญญาณไม่เคยสอนเจ้าฆ่าคนเลยหรือ? มันยังมีความแม่นยำไม่พอเลย”
“ร่างกายไม่มีปัญหา แต่ความทรงจำถูกผนึกเอาไว้ และสิ่งที่ใช้ก็คือวิชาลับเผ่าสวรรค์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถแก้ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังตายไม่ได้อยู่ดี” หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว นิรันดร์ก็ได้สรุปผลออกมาเช่นนี้ มีคนที่คิดถึงศิษย์ที่รักของเขาน้อยลงไปคนหนึ่ง นี่ช่างเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว!