ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1765 ฝ่าบาทมีรับสั่ง
มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย “วิชาลับเผ่าสวรรค์”
จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านผู้สูงส่งท่านนี้ก็มีความรู้กว้างขวางลึกซึ้งเสียจริง ๆ! แม้แต่วิชาลับเผ่าสวรรค์ท่านก็รู้จักด้วย เยี่ยมยอดจริง ๆ! ข้าชื่นชมท่านเหลือเกิน”
นิรันดร์ขมวดคิ้วด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่ง
“ในเมื่อเจ้าชื่นชม เช่นนั้นยังไม่คุกเข่าให้ข้าอีก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจูเชว่แข็งทื่อไปทันที เมื่อต้องมาพบเจอกับจิ้งจอกเฒ่าผู้ช่ำชองเช่นนี้ มันยากมากที่จะรับมือมือได้
“ต้องหาคนที่ใช้วิชาลับและให้นางมาแก้ไข หรือไม่ก็หาคนของเผ่าสวรรค์ เพียงแต่ข้าไม่อยากให้ศิษย์ที่รักของข้าไปหนักใจเพื่อเจ้าหมอนั่นถึงเพียงนี้” ดวงตาของนิรันดร์หรี่เล็กลง ทั้งยังฉายแววอันตรายออกมาอีกด้วย
ยาของมู่เฉียนซีนั้นให้ผลรับที่ดีเป็นอย่างมาก เพียงไม่นานเฟิงอวิ๋นซิวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
เรื่องแรกที่เขาทำทันทีที่ฟื้นขึ้นมา ก็คือการโจมตี ซึ่งเป้าหมายก็คือจูเชว่
ชุดสีแดงเพลิงของจูเชว่ปลิวไสวราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชน เดิมทีคิดว่าเจ้าหมอนี่จะต่อสู้กับเฟิงอวิ๋นซิวอย่างสุดกำลัง แต่ผลก็คือเขาร้องตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ช่วยด้วย! ข้าเป็นคนป่วยของเจ้า เจ้ารับเงินค่ารักษาไปตั้งมากมายถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าคงจะไม่ปล่อยให้ข้าถูกฆ่าตายภายในชั่วพริบตาหรอกใช่หรือไม่!”
“นั่นมันก็ไม่แน่หรอก! ข้าช่วยเหลือเจ้าไปแล้ว และตอนนี้ถือว่าชดใช้หนี้ไปเรียบร้อยแล้วด้วย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
“เจ้าอย่าโหดร้ายถึงเพียงนี้เลย!”
เขาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าพลังธาตุวายุกลับล้อมรอบเขาเอาไว้
มู่เฉียนซีไม่อาจปล่อยให้คนที่นางเคยช่วยไว้ต้องถูกเฟิงอวิ๋นซิวฆ่าตายได้จริง ๆ นางจึงได้รวบรวมพลังธาตุวายุแล้วเข้าไปสกัดกั้นเขาไว้
“เฟิงอวิ๋นซิว หยุดเดี๋ยวนี้!”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฝ่าบาทมีรับสั่ง จูเชว่ต้องถูกกำจัด! หากมีคนมาขัดขวาง ก็ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดซะ!”
จูเชว่กล่าวว่า ” เฟิงอวิ๋นซิว เจ้ามันงี่เง่าเกินไปแล้ว! แม้แต่ชีวิตของผู้มีพระคุณเจ้ายังจะฆ่าได้ นางตั้งใจช่วยเหลือเจ้ามากกว่าข้าเสียอีก”
ดวงตาสีเหลืองอำพันของเฟิงอวิ๋นซิวยังคงเย็นชาอยู่ เขารู้ดีว่าความสามารถในการควบคุมพลังธาตุวายุของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้สามารถยับยั้งพลังธาตุวายุของเขาได้ ดังนั้นจึงได้ระเบิดพลังธาตุอัคคีและพุ่งเข้าโจมตีจูเชว่แทน
นอกจากนี้ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือ เงาลอบสังหาร
ร่างของนางสว่างวาบขึ้น และมู่เฉียนซีก็ยื่นมือออกมาขวางเงานั้นเอาไว้
ร่างสีดำนั้น มีความเหมือนกับเฟิงอวิ๋นซิวทุกประการและในตอนที่กำลังจะสัมผัสมู่เฉียนซี ก็เป็นอีกครั้งที่ลงมือสังหารไม่สำเร็จ
บางทีครั้งนี้อาจจะเป็นเพียงความบังเอิญ แต่ทว่าในเวลานี้มันก็ทำให้เฟิงอวิ๋นซิวชะงักงันไปแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาจำความได้
ปัง!
จูเชว่โจมตีเฟิงอวิ๋นซิวที่กำลังมึนงงอยู่จนลอยละลิ่วออกไป เขากล่าวว่า “ผู้มีพระคุณผู้ช่วยชีวิตของข้า เจ้าต้องการที่จะมัดตัวเจ้าหมอนั่นเอาไว้หรือไม่”
บาดแผลของเฟิงอวิ๋นซิวเปิดออกอีกครั้ง มู่เฉียนซีส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องมัดเอาไว้แล้ว เฟิงอวิ๋นซิวเจ้าไปซะเถอะ!”
“มีข้าอยู่เจ้าฆ่าจูเชว่ไม่ได้หรอก แทนที่จะต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์อยู่ที่นี่ ไม่สู้รีบกลับไปรายงานฝ่าบาทของเจ้าโดยเร็วที่สุด และให้ฝ่าบาทของเจ้าส่งคนที่เก่งกาจมากกว่านี้มาสังหารจูเชว่แทนจะดีกว่า เจ้าว่าข้าพูดถูกต้องหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างราบเรียบ
“เจ้า…ข้ากับเจ้าไม่ได้มีความแค้นกันนะ!” จูเชว่กล่าวด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เฟิงอวิ๋นซิวมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้านี้ ปฎิบัติต่อเขาด้วยท่าทางคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ทั้งยังปฎิบัติต่อเขาราวกับว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่า เงานั้นไม่มีทางที่จะมีเพื่อนได้
“อยากรู้ว่าข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ?” มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก แต่เจ้าก็สามารถถามเงาของเจ้าได้นะ! เขาน่าจะรู้!” ดวงตาสีดำสนิท จ้องมองไปที่ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นซิว
เฟิงอวิ๋นซิวขมวดคิ้วมุ่น มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เมื่อเจอกันครั้งหน้า พวกเราน่าจะยังคงเป็นศัตรูกันอยู่ ฉะนั้นอย่าได้ออมมือจนเกือบที่จะเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้อีก ไปเสียเถอะ!”
ภายในใจนั้นยังคงมีความสงสัยอยู่มากมาย แต่ไม่ง่ายเลยที่เขาจะห้ามตนเองไม่ให้คิดมากจนเกินไปได้
ด้วยฐานะที่เขาเป็นเงาขององค์หญิงหลินหลาง ความนึกคิดทั้งหมดเป็นของเจ้านายของตนเองเพียงเท่านั้น
เฟิงอวิ๋นซิวรู้ว่าในเวลานี้เขาไม่สามารถที่จะทำภารกิจให้สำเร็จได้แล้ว และเมื่อมองไปที่ใบหน้านั้นของมู่เฉียนซีก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่ารูปร่างหน้าตาของนางไม่ควรที่จะเป็นเช่นนี้?
เขามองไม่ออกว่ามีการแปลงโฉมใด ๆ หรือไม่ และเฟิงอวิ๋นซิวทำได้เพียงละทิ้งความสงสัยนั้นไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจเท่านั้น
ร่างสีดำนั้นได้หายไปจากเบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และเขาก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีมองไปทางจูเชว่แล้วกล่าวว่า “เจ้าก็ควรที่จะไปได้แล้วไม่ใช่หรือ”
“เจ้าอย่าได้คิดที่จะดูถูกเฟิงอวิ๋นซิวเชียวนะ! หากว่าเจ้าหมอนั่นแสร้งทำเป็นว่าจากไป แล้วแอบกลับมาลอบโจมตีข้าจะทำอย่างไร? เช่นนั้นมันน่าจะปลอดภัยกว่าหากข้าอยู่ด้วยกันกับพวกเจ้า และอาการบาดเจ็บของข้าก็ยังไม่หายดีด้วย ฉะนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุดสิ!” จูเชว่ไม่อยากที่จะจากไปเร็วเช่นนี้
“ตามใจเจ้า!”
นิรันดร์เข้าไปใกล้มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ศิษย์ที่รัก ยังเป็นกังวลเรื่องเจ้าหมอนั่นอยู่เช่นนั้นหรือ! พวกเราจะอยู่เคียงข้างเจ้า ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนหรือเวลาใดก็ตาม”
มู่เฉียนซีมองไปทางนิรันดร์พลางกล่าวว่า “นิรันดร์ ขอบใจเจ้ามาก!”
“หากอยากจะขอบคุณ เหตุใดถึงไม่มอบจุมพิตแสนหวานให้ข้าสักครั้งล่ะ!” หลังจากนั้นนิรันดร์ก็โน้มใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเขาเข้าไปใกล้
จุมพิตแสนหวานคงจะไม่มี จะมีก็แต่ฝ่ามือเท่านั้น
นิรันดร์ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด และเขาก็กล่าวว่า “ประสบการณ์ในการต่อสู้จริงที่ศิษย์ที่รักสั่งสมมาในช่วงนี้ดีมากเลยทีเดียว สภาพแวดล้อมก็ไม่เลว ในเมื่อเงียบสงบแล้วก็สามารถฝึกฝนด้วยจิตใจที่สงบได้ และยังทำให้ลืมเรื่องราวที่ไม่ดีไปได้อีกด้วย”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”
มู่เฉียนซีฝึกฝนต่อไปอย่างเงียบสงบ และจูเชว่ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนนาง
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นยารักษาบาดแผลที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ใช้เวลาเพียงสามวันบาดแผลบนร่างกายของเขาก็ไม่เหลือร่องรอยเลยแม้แต่น้อย
เมื่ออาการบาดเจ็บหายดีแล้วความกล้าหาญของจูเชว่ก็มีมากขึ้นด้วย เขาถามว่า “ผู้มีพระคุณที่ชีวิตของข้า เจ้ามีชื่อว่าอะไรหรือ? หากต้องเรียกว่าผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตอยู่ตลอดคงจะแปลกประหลาดมากเลยทีเดียว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าชื่อว่ามู่เฉินซี”
“มู่เฉินซีหรือ? ใช่เฉินซีที่แปลว่าแสงอรุณรุ่งหรือไม่?” จูเชว่ผงะไปครู่หนึ่ง
“ไม่ใช่” ทันใดนั้น สายลมก็ได้สลักสองคำนี้ลงไปบนกำแพง
จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลายมือสื่อตัวตนจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะว่าข้าได้มอบหัวใจให้ใครบางคนไปแล้ว เกรงว่าข้าคงจะต้องตกอยู่ภายใต้อาณัติของซีซี…”
“อ๊าก!” เขายังพูดกันไม่ทันจบ แต่ผลที่ได้ก็คือถูกใบมีดของสายลมพุ่งเข้าโจมตีเสียแล้ว
“เรื่องการพูดจาแทะโลมศิษย์ที่รัก มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถทำได้ เจ้าหนูนี่ไปไกล ๆ เลย”
ชายชุดขาวที่ดูป่าเถื่อนและไร้การควบคุมผู้นั้น บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม จนทำให้คนต้องตื่นตกใจเล็กน้อย
มู่เฉียนซีคว้านิรันดร์เอาไว้พลางกล่าวว่า “นิรันดร์ เจ้าก็ไม่ได้เช่นกัน ทำตัวให้ดีหน่อยเถอะ”
“หยุดพักอยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้ว เดินทางต่อกันเถอะ!” นิรันดร์กล่าว
“ออกเดินทาง พวกเจ้าต้องการจะไปที่ใดกัน? อยากเดินทางสะดวกหรือไม่? ข้าสามารถติดตามไปปกป้องเจ้าได้นะ! ซีซี!”
จูเชว่เป็นคนที่หน้าด้านมากเลยทีเดียว และยังทำตัวสนิทสนมทั้งที่พึ่งเคยเจอหน้ากันอีกด้วย
นิรันดร์กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าลองเรียกแบบนั้นดูอีกครั้งสิ?”
“เดิมทีแล้วชื่อมันก็มีเอาไว้ให้คนเรียกนี่นา!”
และมู่เฉียนซีก็ไม่สนใจผู้ชายทั้งสองคนนี้และเดินออกไป ทันทีที่ออกมาจากฐานที่มั่นก็ต้องเผชิญหน้าเข้ากับแรงกดดันที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
“แม่นางน้อย เจ้าน่าจะได้ของจากที่นี่ไปไม่น้อยเลยใช่หรือไม่! รีบนำของทั้งหมดออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วข้าผู้มีจิตใจที่กว้างขวางผู้นี้จะปล่อยพวกเจ้าไปก็ได้”
ทันทีที่ออกมาจากจุดนั้นแล้วก็มีคนเข้ามาหาเรื่อง และเห็นได้ชัดว่าจับตาดูพวกเขามานานมากแล้ว
จูเชว่กล่าวว่า “ซีซี ตอนนี้เจ้าอยากที่จะให้โอกาสวีรบุรษอย่างข้าได้ช่วยสาวงามหรือไม่?”
“ไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นหรอก!” ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ นางก็ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของพวกเขาเหล่านั้นอย่างกะทันหัน
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
มีกลิ่นอายของจิตสังหารโชยอยู่ในอากาศ มู่เฉียนซีได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะลงมืออย่างรวดเร็ว แต่ทว่าพวกเขาเหล่านี้ต่างก็มีประสบการณ์ต่อสู้มามากมายเช่นกัน อีกทั้งความความสามารถก็ไม่เลวเลยด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถหลบหลีกไปได้อย่างรวดเร็ว “แม่สาวน้อยเป็นเพียงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ข้าก็คิดว่าเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว!”