ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1770 จูเชว่ดาบปีศาจ
ในช่วงที่กำลังอยู่ในความโกลาหล จูเชว่ก็ได้โอกาศพุ่งเข้าไปคว้ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นไว้
ดาบเล่มนี้ถึงจะดูเหมือนทื่อ แต่ในตอนที่จูเชว่เข้าไปใกล้มัน เขาก็ได้ถูกดาบนั้นทำให้ได้รับบาดเจ็บ จนเลือดสด ๆ ไหลรินออกมา
หลังจากที่เลือดเปื้อนลงไปบนมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แล้ว สนิมที่เคยมีอยู่ก็ได้จางหายไป และทันใดนั้นเปลวเพลิงที่พร่างพราวก็ระเบิดออกมา ราวกับหงส์อัคคีตัวหนึ่งที่กรีดร้องอยู่ในสนามรมที่โกลาหลวุ่นวายนี้อย่างไรอย่างนั้น
“เอ๊ะ!” นิรันดร์กล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“ศิษย์ที่รัก นั่นคือดาบปีศาจนี่! และเมื่อดาบปีศาจถูกเลือดของจูเชว่รดลงไปแล้ว ดาบปีศาจเล่มนี้ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเลือดของเจ้าเด็กหนุ่มผู้นั้น นี่มันช่างน่าสนใจจริง ๆ!”
เปลวเพลิงนั้นดึงดูดสายตาเป็นอย่างยิ่ง และมันก็ทำให้คนของสำนักหลางซิงจ้องมองไปที่ชายชุดแดงที่อยู่ในเปลวเพลิงผู้นั้นอย่างโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
“บัดซบเอ๊ย! ถึงกับกล้าโจมตีพวกข้าแล้วยังมาแย่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของข้าไปอีก รนหาที่ตายเสียจริง!”
จูเชว่กล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “ข้ารู้สึกว่า คนที่รนหาที่ตายน่าจะเป็นคนเลวทรามอย่างพวกเจ้ามากกว่า! พวกเจ้าว่าอย่างไรล่ะ!”
ในเวลานี้พวกเขาพึ่งจะได้เห็นรูปร่างของชายชุดแดงนั้นอย่างชัดเจน และจิตสังหารของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นพุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น
“ข้าก็แปลกใจอยู่เช่นกัน ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใดที่ไม่กลัวตายจนถึงขนาดมาตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราสำนักหลางซิงได้ แต่ที่แท้ก็เป็นคุณชายจูเชว่นี่เอง นับถือ นับถือ!”
คนอื่นต่างพากันกระซิบกระซาบ “ที่แท้เขาก็คือคุณชายจูเชว่ ดูเหมือนว่าจะเด็กกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก ศิษย์พี่ท่านแน่ใจนะว่าเป็นเขา”
“ข้ายอมที่จะสังหารคนผิดเป็นหมื่นคน ดีกว่าจะปล่อยคนคนหนึ่งรอดไปได้ วันนี้สิ่งที่เขาทำมันเลวร้ายเกินให้อภัยแล้ว จัดการเขาซะ!”
“ขอรับ!”
คุณชายจูเชว่เป็นผู้มีชื่อเสียงที่ถูกแขวนอยู่ในรายชื่อที่ต้องสังหารของสำนักหลางซิง คนผู้นี้มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ ถึงด้านหนึ่งจะดูเป็นคนดีแต่อีกด้านกลับเป็นคนเลว ทั้งยังมีความเชี่ยวชาญในด้านข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และยังมีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นภัยคุกคามไปถึงความปลอดภัยของราชวงศ์ตงหวงด้วย
ก่อนหน้านี้ไม่นานองค์หญิงหลินหลางได้มีคำสั่งลงมาแล้วว่า คุณชายจูเชว่ผู้นี้ มีความจำเป็นที่ต้องกำจัดทิ้ง
“จะฆ่าข้า แล้วข้าจะให้พวกเจ้าได้รู้ว่าดาบของข้าเก่งกาจเพียงใด!”
จูเชว่แบกเอาดาบปีศาจเล่มนั้นพุ่งไปยังคนของสำนักหลางซิงเหล่านั้น จนเกิดแสงประกายไฟที่บินว่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ตูมมม!
คนของสำนักหลางซิงไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับจูเชว่อย่างไรดี แล้วยังต้องจัดการกับพวกวิญญาณปีศาจโลหิตที่แอบเข้ามาลอบโจมตีพวกเขาตลอดเวลาด้วย หากมีใครสักคนไม่ทันระวังตัวจนถูกเจ้าพวกนี้ควบคุมเอาได้ พวกเขาคงจะต้องโจมตีพวกเดียวกันเป็นแน่
คนของสำนักหลางซิงร้องตะโกนคำขวัญออกมาด้วยเสียงอันดังก้อง แต่ทว่าการเผชิญหน้ากับการโจมตีของจูเชว่เพียงคนเดียวกลับทำให้พวกเขาหมดหนทางที่จะต่อสู้ได้
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ดีในการโจมตี พวกเราถอยกันก่อน! ล่อคุณชายจูเชว่ไปยังสถานที่ที่เหมาะสมที่จะจัดการเขาได้”
สำหรับพวกเขาแล้วสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่สะดวกเท่าไรนัก จึงจำต้องเปลี่ยนสถานที่!
แต่ทว่าในตอนที่พวกเขากำลังพุ่งตัวออกไป กลับต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉียนซี
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
พัดที่บางราวกับกระดาษอันหนึ่งวาดผ่านต้นคอของศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำไป เขาล่าถอยอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหงื่อเย็นที่ไหลท่วมร่าง ศีรษะของเขาเกือบจะขาดออกจากกันเสียแล้ว
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า “เจ้าเป็นผู้ช่วยของคุณชายจูเชว่หรือ!”
มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นไปยืนอยู่กลางอากาศ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านจูเชว่ด้วย ดูเหมือนว่าจะได้รับอาวุธที่ไม่เลวเลยทีเดียว พวกเราตีโอบทั้งหน้าหลัง และจัดการให้ไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียวเถอะ”
“ข้าก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน จัดการเจ้าสารเลวพวกนี้ แน่นอนว่าจะต้องไม่ให้เหลือไว้เลยแม้แต่คนเดียว ฆ่ามัน!” จูเชว่ตอบกลับ
“อาศัยพวกเจ้าเพียงแค่สองคนคิดจะมาฆ่าพวกข้า จะคุยโวโอ้อวดเกินไปแล้ว!” พวกเขายิ้มเยาะอย่างเย็นชา
“จัดขบวนเพื่อโต้กลับ ให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความเก่งกาจของพวกเราสำนักหลางซิงเสียหน่อย”
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างหลายร่างที่คาดเดาไม่ได้ มีกลิ่นอายปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน
จูเชว่พุ่งเข้าไปปะทะโดยตรงอย่างรุนแรง “ในเมื่อมาเจอกับข้าแล้ว วันนี้พวกเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่”
ตูมม!
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
“……”
พลังวิญญาณธาตุวายุของมู่เฉียนซีที่หมุนวนจนถึงขีดสุด ได้ผนวกเข้ากับธาตุอัคคีที่ระเบิดขึ้นมาของจูเชว่ พุ่งเข้าโจมตีพวกเขา
พวกเขาต้องรับการโจมตีจากทั้งสามด้าน ถึงแม้ว่าขบวนที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นจะถือได้ว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก แต่มันก็ทำให้พวกเขาประคับประคองไว้ได้ยากอยู่ดี
“ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกันแน่? ด้วยการโจมตีที่บ้าบิ่นเช่นนี้ของนาง ไม่กลัวว่าวิญญาณปีศาจโลหิตจะฉวยโอกาสนี้ในการโจมตีเข้ามาเลยหรืออย่างไร?”
พวกเขากล้าใช้พลังเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะต้องนำมาใช้ในการป้องกันวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านั้นด้วย
จูเชว่นั้นมีเสื้อเกาะจึงทำให้ไร้ความกังวล ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาพอจะสามารถเข้าใจได้ แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นที่จริงแล้วเป็นอะไรกันแน่?
ตูมม!
ภายใต้การโจมตีที่แข็งแกร่ง กลยุทธ์ก็เป็นได้แค่เพียงการคุยโวโอ้อวดเท่านั้น
กระบี่ยาววาดผ่านไปในกลางอากาศ และคนที่เป็นผู้นำก็ได้นำทักษะการใช้กระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักหลางซิงฟาดฟันไปทางมู่เฉียนซี
ถึงกระบี่นี้ค่อนข้างที่จะเฉียบคม แต่ทว่าไม่มีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย และพัดวิหคเฟิงหลิงที่อยู่ในมือของนาง ก็ได้เปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวที่มีเกาะป้องกันสีขาวขึ้นมาแทน
เกาะป้องกันได้สกัดกั้นการโจมตีของเขาเอาไว้ และร่างของมู่เฉียนซีก็ได้หาบวับไปทันที
หลังจากที่ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าฝ่ายตรงข้าม ในตอนที่ผู้นำผู้นั้นกำลังผายมือออกมา กระบี่หยกของมู่เฉียนซีก็ได้ทำให้บนต้นคอของเขามีเลือดหยดออกมาเสียแล้ว
พรึ่บ! เลือดทะลักออกมา และมู่เฉียนซีก็ถูกโจมตีจนลอยละลิ่วออกไป
ถึงแม้ว่าฝ่ามือนั้นจะแข็งแกร่งเพียงไหน แต่ทว่ามันก็ยังคงอยู่ภายใต้ขอบเขตความสามารถในการป้องกันทางกายภาพของนางอยู่ดี และมันก็ไม่ได้ทำให้นางได้รับบาดเจ็บมากเท่าไรนัก
“ศิษย์พี่!” ชายผู้นี้ล้มลงอยู่ในกองเลือด การที่ศิษย์พี่คนหนึ่งถูกฆ่าตายมันได้ทำให้คนของสำนักหลางซิงเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา
และในเวลานี้จูเชว่ก็กล่าวขึ้นมาว่า “เฮ้! ซีซีเจ้าจะเร็วมากเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะจัดการเพียงคนเดียวเช่นนี้ ข้าเองก็ต้องพยายามขึ้นบ้างแล้วสินะ!”
จูเชว่เหวี่ยงดาบปีศาจออกไป จนเสียงแหวกอากาศดังออกมาจากทั่วทุกทิศทาง และอีกฝ่ายก็ไม่รู้เลยว่าดาบเล่มนี้ถูกเหวี่ยงมาจากที่ใด ซึ่งมันก็ทำให้สับสนเล็กน้อย
ในการต่อสู้ถึงชีวิตเช่นนี้หากไม่มีการตัดสินใจที่ถูกต้อง ความตายก็คงอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอน
แสงสว่างของดาบที่ยุ่งเหยิงราวกับสายอสุนีบาตอย่างไรอย่างนั้น ดาบปีศาจสีแดงเลือดเปรียบเสมือนดาบของมัจจุราชก็มิปาน ไม่ว่าจะผ่านไปยังแห่งหนใด สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็ต้องกลายเป็นซากศพในบัดดล
บนใบหน้าของคนจากสำนักหลางซิงปรากฏความสยดสยองออกมา คู่ต่อสู้มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น แต่กลับเป็นคนบ้าบิ่นอย่างไม่ธรรมดาเลย
ศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำคนหนึ่งกล่าวว่า “ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อพุ่งออกไปจากวงล้อมนี้ให้ได้ และไปขอความช่วยเหลือจากสำนัก!”
“เร็วเข้า!”
น้ำเสียงของเขาเเสดงความโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง ส่วนคนอื่นต่างก็คิดว่าไม่อาจจะจัดการกับคนวิปริตทั้งสองคนนี้ได้จึงต้องรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวโม่โม่ ไปขวางพวกเขาเอาไว้!”
“เจ้าค่ะ! นายท่าน!”
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ได้มืดมิดลงทันที “นะ…นั่นมันคืออะไร?”
“สัตว์เทพหงส์! ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสัตว์เทพ!”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดร่วงหล่นลงมา และทุกเส้นทางที่พวกเขาสามารถหลบหนีได้ต่างเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีดำสนิท
กองกำลังขนาดเล็กนี้เป็นที่กองกำลังที่สำนักหลางซิงปลุกปั้นออกมา ด้านบนมีผู้บำเพ็ญพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำ ส่วนด้านล่างมีผู้บำเพ็ญพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ซึ่งความสามารถก็ถือได้ว่ายอดเยี่ยมมาก แต่ทว่าเมื่อต้องมาเจอกับพวกของมู่เฉียนซี โชคชะตาของพวกเขากลับแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียอย่างนั้น
“ศิษย์น้องทุกท่าน ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ข้าจำเป็นที่จะต้องกลับไปรายงานการปฏิบัติภารกิจ! เพื่อที่จะทำให้ข้ามีโอกาสกลับไปรายงานการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ พวกเจ้าคงรู้ว่าควรจะต้องทำเช่นไร! แม้ว่าจะต้องสละชีวิต พวกเราก็จะต้องจงรักภักดีต่อองค์หญิงหลินหลางตลอดไป ถวายชีวิตเพื่อรับใช้องค์หญิงหลินหลาง!” เขากล่าวออกมา
“ใช่แล้ว! แม้ว่าจะต้องสละชีวิต ข้าก็จะทำตามคำสั่งขององค์หญิงหลินหลาง!”
“ถวายชีวิตเพื่อรับใช้องค์หญิงหลินหลาง!”
ทุกคนต่างพูดคำพูดนี้ต่อเนื่องกันไป และพลังทั่วทั้งร่างกายก็เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งขึ้นมา ศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำคนนั้นพุ่งทะยานออกไปจากวงล้อม และคนเหล่านี้ก็ได้อุทิศตนเพื่อสกัดกั้นพวกเขาเอาไว้
“ในที่สุดก็หนีออกมาได้แล้ว!” ศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำคนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก และเพียงไม่นานด้านหลังของเขาก็มีเสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องขึ้นมา
ตูมมม!
กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว และเมื่อเขามองกลับไป ก็คิดว่าคุณชายจูเชว่และผู้หญิงคนนั้นคงจะต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน
และถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถนำเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์มาได้ แต่ก็สามารถทำภารกิจการสังหารคุณชายจูเชว่ได้สำเร็จแล้ว อีกทั้งยังสามารถครองความสำเร็จในการทำภารกิจนี้ไว้เพียงผู้เดียว เช่นนั้นคงจะได้รับรางวัลที่ดีเลยทีเดียว และทันใดนั้น นัยน์ตาของเขาก็หดตัวลงอย่างกะทันหัน ร่างสีดำร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมาราวกับอสุนีบาตอย่างไรอย่างนั้น นั่นไม่ใช่สัตว์เทพหงส์สีนิลตัวนั้นหรอกหรือ?