ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1784 อาจารย์ชี้แนะ
เมื่อพบว่าคนอื่น ๆ ต่างก็สุขสบายกันดี ทว่าพวกเขาเหล่านี้กลับต้องมาลำบากตรากตรำ แล้วเหตุใดพวกเขาจะต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อผู้นำเกาะที่แสนใจแคบนี้ด้วย!
ท่านผู้อาวุโสอวี๋กล่าว “ผู้อาวุโสมู่ ข้ามาช่วยท่าน”
ขณะนี้มู่เฉียนซี อู๋ตี้ เสี่ยวหง รวมไปถึงเสี่ยวโม่โม่ได้ร่วมมือกันต่อสู้กับผู้นำเกาะ อย่างไรเสียผู้นำเกาะก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ หากจะกล่าวกันตามความจริงแล้ว พลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าพวกของมู่เฉียนซีทั้งสี่คนเสียอีก
ท่านผู้นำเกาะรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง เขาพยายามฆ่ามู่เฉียนซีอย่างสุดกำลัง ดังนั้นถึงแม้จะเป็นการที่สี่รุมหนึ่ง ทว่าพวกของมู่เฉียนซีก็ไม่ได้อยู่ในฝ่ายที่ได้เปรียบแต่อย่างใด ผู้อาวุโสอวี๋จึงคิดจะช่วยสมทบกำลังกับมู่เฉียนซีอีกแรง
วาจาของผู้อาวุโสอวี๋ทำให้โทสะของผู้นำเกาะระเบิดออกมาจนฉุดไม่อยู่
“เจ้ามันชั่วช้านัก! ชั่วช้าจริง ๆ! เมื่อข้าฆ่าเจ้าเด็กนั่นแล้ว คนทรยศหักหลังเช่นเจ้าก็จะเป็นรายต่อไป”
ในขณะที่ท่านผู้นำเกาะระเบิดโทสะออกมานั้น เขาก็ได้ระเบิดเปลวเพลิงอันแรงกล้าออกมาด้วย เขาเป็นนักปรุงยา และเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคีด้วยเช่นกัน
เปลวไฟได้กลายร่างเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ แล้วพุ่งไปยังท้ายทอยของมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าข้าจัดการกับเจ้าไม่ได้อย่างนั้นรึ? ตายซะเถอะ!”
พลังโจมตีของสายฟ้าฟาดทำให้ทุก ๆ คนตกใจเป็นอย่างยิ่ง พลังวิญญาณมิติของมู่เฉียนซีได้เปิดขึ้นแล้ว นางจึงขับเคลื่อนธาตุวายุได้อย่างรวดเร็ว ครั้นฝ่ามืออัคคีพุ่งเข้าใส่ นางจึงสามารถหลบหลีกไปได้อย่างทันท่วงที
หากมีพลังวิญญาณธาตุเพียงประเภทเดียว การโจมตีในครานี้คงหลบหลีกไม่พ้นเป็นแน่
ถึงแม้พลังและความแข็งแกร่งของนางจะไม่ถึงกับทำให้นางต้องถูกสังหาร ทว่าก็ยากนักที่จะหลบหลีกได้
ท่านผู้นำเกาะตกตะลึงไปในทันที “ยังหลบหลีกได้อีกรึ!”
มู่เฉียนซีกล่าวกับผู้อาวุโสอวี๋ “คนอื่น ๆ ข้าขอยกให้ผู้อาวุโสอวี๋จัดการก็แล้วกัน ส่วนผู้นำเกาะยกให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
การเคลื่อนที่ของมู่เฉียนซีรวดเร็วดั่งลมวายุ เพลิงหงส์อมตะของเสี่ยวโม่โม่ก็พัดโหมกระหน่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว อู๋ตี้ได้แปลงร่างเป็นแมวยักษ์ขนาดใหญ่มหึมา ส่วนแววตาของเสี่ยวหงก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ครืน ครืน!
เมื่อเกิดศึกสงครามครั้งใหญ่ขึ้น จึงทำให้วังของผู้นำเกาะอันแสนหรูหราและสวยงามพังทลายลงจนกลายเป็นซากปรักหักพัง ตามพื้นดินก็เกิดเป็นรอยแยกที่ไม่ต่างอันใดจากเหวลึก
วันนี้มู่เฉียนซีรับหน้าที่จัดการกับท่านผู้นำเกาะแล้ว จูเชว่จึงทำได้เพียงหาอะไรทำแก้เบื่อไปก็เท่านั้น
“อย่าหนีสิ! อย่าหลบสิ! ข้าน่ะอ่อนโยนจะตายไป” จูเชว่ไล่ตามผู้อาวุโสคนหนึ่งไป
อ่อนโยนหรือ ครั้นธาตุอัคคีอันน่าตกใจพุ่งเข้าประชิด พลังทำลายล้างของมันก็สามารถทำให้คนทั้งคนหลอมละลายจนไม่เหลือเศษซากได้อย่างง่ายดาย เช่นนี้แล้วยังจะกล่าวว่าอ่อนโยนอีกหรือ?
โครม!
ทางฝั่งของท่านผู้นำเกาะตอนนี้ก็มิได้อยู่ในฐานะฝ่ายที่เป็นต่อแต่อย่างใด นอกจากท่านผู้นำเกาะที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้แล้วนั้น คนอื่น ๆ ถ้าไม่ถูกจัดการก็ถูกจับเป็น
ขณะที่ท่านผู้นำเกาะกำลังบัญชาการการสู้รบอยู่ตามลำพังนั้น เมื่อพวกเขาคิดว่าจะสามารถโค่นล้มท่านผู้นำเกาะลงได้แล้วนั้น บรรดาคนที่หักหลังผู้นำเกาะเหล่านั้น ก็เริ่มรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาโดยพลัน
“ท่านผู้อาวุโสอวี๋! พวกเราเองก็ควรออกไปสู้ด้วยดีหรือไม่! ช่วยผู้อาวุโสมู่โค่นล้มผู้นำเกาะ”
ผู้อาวุโสอวี๋ที่ถูกปฏิเสธมาแล้วคราหนึ่ง ก็ไม่อาจตัดสินใจได้ง่าย ๆ ถึงแม้เขาจะอยากกำจัดเจ้าตัวหายนะออกไปให้เร็ว ๆ เพื่อที่ตนเองจะได้สบายใจก็ตาม
จูเชว่กล่าว “หากซีซีต้องการสังหารผู้นำเกาะให้เร็วขึ้นละก็ นางก็มีวิธีอีกมากมายที่จะจัดการเขาได้ แต่ที่นางยังไม่จบสงครามในครั้งนี้ลง ก็เป็นเพราะนางยังฝึกฝีมือไม่พอก็เท่านั้น”
“อะไรนะ?” พวกเขาทอดมองไปยังคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันอยู่เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง
จูเชว่กล่าวได้ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง มู่เฉียนซีกำลังใช้ประโยชน์จากผู้นำเกาะที่พอจะมีพลังและความสามารถอยู่บ้าง ฝึกฝนความสามารถและพลังในการต่อสู้ของตนเอง นางจะได้มีความมั่นคงในการนำพลังวิญญาณธาตุวายุออกมาใช้
ถึงแม้นิรันดร์จะไม่ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคน ทว่าเขาก็ยังใช้กระแสจิตในการชี้แนะวิธีการใช้พลังวิญญาณธาตุวายุแก่มู่เฉียนซีอยู่ตลอด
เขาคอยชี้แนะว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถเพิ่มความเร็วได้ ทำอย่างไรจึงจะทำให้พลังวิญญาณธาตุวายุเพิ่มอำนาจการทำลายล้างในขณะที่กำลังต่อสู้ได้ และทำอย่างไร…
ถึงแม้นางจะยังสัมผัสและคลุกคลีกับพลังวิญญาณธาตุวายุได้ไม่นาน ทว่านางก็รู้สึกว่านางสามารถควบคุมความเร็วของพลังวิญญาณธาตุวายุได้ดีพอ ๆ กับธาตุวารีและธาตุอัคคีแล้ว
การผูกพันธสัญญาณกับมังกรวารี และกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ เป็นเพียงการได้รับสืบทอดทักษะวิญญาณเท่านั้น มังกรวารีกำลังหลับใหลอยู่ ส่วนพิฆาตวิญญาณก็ไม่อาจหวังให้เขามีความอดทนเฉกเช่นนิรันดร์ได้ ดังนั้นนางจึงต้องสืบเสาะค้นหาด้วยตนเอง
ทว่าตอนนี้มันแตกต่างกันออกไป ถึงแม้นิรันดร์จะทำตัวเจ้าชู้ไก่แจ้ ไม่ค่อยสำรวมกิริยามากนัก ทว่าความสามารถในการชี้แนะและสั่งสอนก็นับว่าเป็นเลิศ
นี่เป็นข้อดีของอาจารย์ผู้คอยชี้แนะสั่งสอน ทำให้ศิษย์สามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องออกนอกลู่นอกทางให้เสียเวลา
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
จูเชว่เป็นคนที่ละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงสังเกตุเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย
“ซีซียอดเยี่ยมไปเลย”
นี่เป็นสงครามที่ทำให้ท่านผู้นำเกาะรู้สึกแตกสลายยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทว่าเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
เมื่อใช้พลังไปไม่น้อย เขาที่เป็นนักปรุงยาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากเขามียาลูกกลอนอยู่มากมาย
และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็มียาลูกกลอนไม่ขาดมือเช่นเดียวกัน การต่อสู้ของทั้งสองยังคงดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน และเนื่องจากการต่อสู้อันแสนยืดเยื้อนี้ ทำให้วังของท่านผู้นำเกาะราบเป็นหน้ากลองจนไม่เหลือหลอ
การต่อสู้ของคนทั้งสองดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย “สวรรค์! มีคนกำลังต่อสู้กับท่านผู้นำเกาะอยู่ด้วย!”
“สาวน้อยคนนั้นไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้อาวุโสระดับสองเมื่อไม่นานมานี้หรอกหรือ? เหตุใดนางถึงต่อสู้กับท่านผู้นำเกาะล่ะ แล้วสัตว์วิญญาณสามตัวที่มีพลังแกร่งกล้านั่นคืออะไรกัน? ”
“พลังนั่นน่าจะเป็นสัตว์เทพ สัตว์เทพสามตัว!”
“……”
ถึงแม้จะมียาลูกกลอนที่คอยช่วยเสริมพลังวิญญาณ ทว่าสำหรับผู้นำเกาะที่ไม่ค่อยได้ลงสนามรบจริง ๆ มาเป็นเวลานาน ก็เป็นอะไรที่ยากลำบากอยู่ไม่น้อย
จะให้หนีรึ ไม่มีทาง!
“ไปตายซะ! ไปตายซะ!” ท่านผู้นำเกาะโจมตีใส่มู่เฉียนซีด้วยความบ้าคลั่ง
ในขณะนั้นเองเสียงของนิรันดร์ก็ได้ดังขึ้นในหูของมู่เฉียนซี
“ศิษย์ที่รัก วันนี้ฝึกฝนพอสมควรแล้ว หากเจ้ายังต่อสู้ต่อไป ข้าคงต้องปวดใจเป็นแน่”
มู่เฉียนซีเองก็ได้ประเมินตนเองแล้ว ตอนนี้นางได้ฝึกฝนธาตุวายุมาพอสมควรแล้ว หากยังฝึกฝนต่อไปผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะไม่ดีอย่างที่คิด ในทางกลับกันก็ยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังไปอย่างไม่จำเป็นอีกด้วย
ไม่นานนักกลยุทธ์ในการสู้รบก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำเกาะไล่ตามมู่เฉียนซีไปอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับพบเสี่ยวหง อู๋ตี้และเสี่ยวโม่โม่ที่เข้ามาล้อมรอบเขาไว้แทน
ทันใดนั้นเขาก็ต้องรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง มู่เฉียนซีหายไปที่ใดแล้ว?
พลังวิญญาณได้จางหายไปแล้ว เขาไม่อาจจับตัวมู่เฉียนซีได้
ตอนนี้มู่เฉียนซีหายไปอยู่ที่ใด อย่าว่าแต่ท่านผู้นำเกาะที่ต่อสู้จนเหนื่อยล้าเลย แม้กระทั่งคนอื่น ๆ ที่ได้ยืนมองการต่อสู้ของคนทั้งสองอยู่ไม่ไกลก็ไม่ทันได้สังเกตเช่นกัน
เมื่อวังของท่านผู้นำเกาะพังทลายลง ทั่วบริเวณก็เต็มไปด้วยเศษดินหินที่แตกละเอียด แม้คิดจะหลบซ่อนตัวก็ทำไม่ได้
ท่านผู้นำเกาะอยากจะตามหาไล่ล่ามู่เฉียนซี ทว่ากลับถูกพวกของอู๋ตี้ล้อมเอาไว้ แล้วเขาจะออกไปไล่ล่าตามหามู่เฉียนซีได้อย่างไร?
เขารู้สึกหวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเขาเกือบถูกธาตุอัคคีของเสี่ยวหงและเสี่ยวโม่โม่เผาร่างมาหลายคราแล้ว
ครืน ครืน!
พลังอัคคีของพวกอู๋ตี้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสามล้อมรอบผู้นำเกาะไว้ ทำให้เขาไม่อาจหันเหไปคิดเรื่องอื่นได้
ฟึ่บ! เสียงบางสิ่งบางอย่างพุ่งผ่านอากาศแว่วดังขึ้น เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังท่านผู้นำเกาะ แล้วแฉลบผ่านต้นคอของผู้นำเกาะไปอย่างรวดเร็ว
ท่านผู้นำเกาะไม่ได้เชื่องช้าเหมือนผู้อาวุโสระดับสองที่โชคร้ายคนนั้น เขาตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว
เขาลูบปากแผลเล็ก ๆ บริเวณต้นคอ ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าเขาก็กลับรู้สึกผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง
เขากล่าวด้วยความโกรธแค้น “เจ้ามันน่าไม่อาย สู้ข้าไม่ได้ก็แอบลอบโจมตีวางยาข้า”
“พูดอย่างกับท่านมันมีศักดิ์ศรีเสียเหลือเกิน เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แต่กลับมารังแกข้าที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกเท่านั้น” มู่เฉียนซีกล่าวกระแนะกระแหน
“เจ้าวางยาข้าจริง ๆ รึ!” ผู้นำเกาะรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากตอนนี้เขายังไม่สัมผัสได้ถึงพิษในร่างกาย ดังนั้นเขาจึงจงใจกล่าวออกไปเช่นนั้น ผลปรากฏว่าเขาก็ได้รู้ความจริงจากปากมู่เฉียนซีเอง “เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าอย่าได้ใจไปนัก! ข้าเป็นถึงนักปรุงยาขั้นสวรรค์เชียวนะ! เจ้าวางยาข้าเพียงแค่นี้ ไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก” ผู้นำเกาะตะคอกออกไปด้วยความโกรธแค้น