ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1786 อยากแย่งพาหนะ
“อะไรมาถึงแล้ว ซีซีนี่เจ้ากำลังรอพายุฝนเช่นนั้นหรือ เจ้าจะรอมันทำไมกันเล่า?” จูเชว่กล่าวพลางจับเอาไว้แน่น
ในเวลานี้มู่เฉียนซีได้หมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวายุของตนเอง และพุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศพลางกล่าวว่า “จูเชว่ หากว่าเจ้าอยากจะออกไปแล้วละก็ให้ตามข้ามา แต่หากไม่อยากออกไป เช่นนั้นก็เชิญตามสบายเถอะ”
แน่นอนว่าจูเชว่อยากจะออกไปจากสถานที่บ้า ๆ นี่เสียที เช่นนั้นจึงติดตามมู่เฉียนซีไปโดยไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกมากมาย แต่ผลที่ได้กลับทำให้เขาต้องตกใจเป็นอย่างมาก
“อ๊ากกก! ซีซี จะ…เจ้า เจ้าเหาะผ่านดงอสุนีบาตพวกนั้นทำไมกันเล่า? พวกเราอาจจะถูกฟ้าผ่าจนเป็นเถ้าถ่านไปเลยก็ได้นะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อยากมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต้องพูดมาก และอยู่ใกล้กับข้าเอาไว้ มิเช่นนั้นหากเจ้าตายไป ข้าคงจะไปเก็บศพให้เจ้าไม่ได้”
การเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีนั้นอันตรายเกินไปแล้ว ราวกับต้องการจะไปตายอย่างไรอย่างนั้น
จูเชว่ค่อนข้างที่จะลังเลเล็กน้อย แต่ก็ต้องกัดฟันพูดอย่างรวดเร็วว่า “ซีซีไม่กลัว แล้วข้าจะกลัวไปทำไม? วันนี้ข้าจะเสี่ยงชีวิตเพื่ออยู่เป็นเพื่อนสาวงามก็แล้วกัน”
จูเชว่พยายามไล่ตามมู่เฉียนซีอย่างเต็มกำลัง และหลังจากนั้นไม่นานก็ปะทะเข้ากับอสุนีบาตเข้าจนได้
ตูม!
อสุนีบาตนั้นฟาดลงมาที่ร่างกายของเขาทั้งสอง และจูเชว่ก็รู้สึกว่าตนเองใกล้จะจบเห่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มัวแต่ตกตะลึงอะไรอยู่? ตามมาสิ”
ถึงจะถูกอสุนีบาตฟาดผ่าลงมา แต่จูเชว่ก็ได้ค้นพบแล้วว่า มู่เฉียนซีไม่เป็นอะไรเลย และดูเหมือนว่าเขาก็ไม่เป็นอะไรด้วยเช่นกัน
พลังแห่งอสุนีบาตเมื่อครู่นี้ดูเหมือนว่าจะถูกสิ่งของบางอย่างดึงดูดไปอย่างไรอย่างนั้น ราวกับว่าบนร่างกายของตนเองนั้นจะมีเกาะอ่อนปกคลุมอยู่
จูเชว่ชะงักงันไป นี่คงจะไม่ใช่อาวุธวิญญาณที่ซีซีมอบให้เขาหรอกใช่หรือไม่?
ที่แท้ซีซีก็ได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เช่นนั้นเขายังจะต้องกลัวอะไรอีก ดังนั้นจูเชว่จึงเร่งความเร็วในการติดตามมู่เฉียนซีไปมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ครืนนน!
แต่ทว่าหลังจากนั้นมันก็ไม่สามารถปกป้องได้ดีเช่นนั้นอีกแล้ว
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะนำอาวุธวิญญาณมาปรับปรุงให้สามารถดูดซับพลังของอสุนีบาตได้ออกมา ทว่าก็ไม่อาจต้านสวรรค์ถึงขั้นที่จะสามารถดูดซับพลังอสุนีบาตทั้งหมดของสายฟ้าได้
“อ๊ากก!” จูเชว่ยังต้องได้รับความทุกข์ทรมาน ทั้งยังมีความยากลำบากมากอีกด้วย
ทั่วทั้งร่างของเขาราวกับถูกแยกออกเป็นนับพันนับหมื่นชิ้น และเขาก็เจ็บปวดรวดร้าวจนแทบอยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป ทว่าจูเชว่กลับค้นพบว่ามู่เฉียนซีไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
พวกเขากำลังพุ่งทะยานเข้าไปใกล้พื้นที่ที่มีพลังอสุนีบาตแข็งแกร่งมากที่สุด และทั่วทั้งร่างของจูเชว่ใกล้ที่จะแหลกสลายเต็มทีแล้ว มู่เฉียนซีจึงกล่าวขึ้นมาว่า “จูเชว่ เจ้ายังไหวอยู่หรือไม่?”
เส้นเลือดบนมือและบนใบหน้าของจูเชว่กระตุกเต้นอย่างรุนแรง และเขาก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ซีซีวางใจเถิด ข้าทำได้แน่นอน!”
จูเชว่เร่งติดตามไป แต่ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ใกล้ที่จะยืนหยัดเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ได้ดูดซับอสุนีบาตบางส่วนมาจากร่างกายของเขา เพื่อที่ทำให้จูเชว่รู้สึกดีขึ้นมาสักเล็กน้อย
ภายใต้การปกคลุมของอสุนีบาต พวกเขาก็ได้พุ่งทะยานสูงขึ้นไปในอากาศ
ครืนนนน!
สายฟ้าก็ยังคงฟาดผ่ามาอย่างไม่ลดละ จูเชว่รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างของเขากำลังจะสลายเต็มทีแล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้มู่เฉียนซีกลับเหมือนกำลังฝึกฝนอยู่
สายฟ้านี่ธรรมดามาก มันเทียบกับอัสนีทองของเผ่ามังกรอัสนีเหล่านั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ จงออกมา!”
นางหิ้วจูเชว่ไว้ จากนั้นก็ยืนอยู่บนตัวของเสี่ยวโม่โม่ และมู่เฉียนซีก็กล่าวกับเสี่ยวโม่โม่ว่า “เสี่ยวโม่โม่ เจ้าบินตามทางไปทางทิศใต้เสีย”
เสี่ยวโม่โม่พยักหน้าพลางกล่าวว่า “เจ้าค่ะ! นายท่าน”
จูเชว่หมดสติไป และมู่เฉียนซีก็ได้ยัดสมุนไพรวิญญาณให้เขากินไปมากมาย จนไม่อาจที่จะตายได้
เมื่อจูเชว่ฟื้นขึ้นมาอย่างอ่อนแรง และเมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นยังมีชีวิตอยู่ก็ตื่นเต้นจนอยากที่จะกระโดดขึ้นมาเลยทีเดียว และในเวลานี้เกราะอ่อนบนร่างกายของเขาก็ได้ดูดซับพลังอสุนีบาตไปมากเพียงพอ จนมันดูดีขึ้นมาก
จูเชว่กล่าวว่า “นี่คือเกราะอ่อนก่อนหน้านี้จริง ๆ หรือ?”
นิรันดร์กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อย่าเพิ่งพูดว่ามีเกาะหรือไม่มีเกาะอะไรเลย เจ้าสวมเสื้อผ้าเสียก่อนจะได้หรือไม่!”
ใช่แล้ว เสื้อผ้าชิ้นอื่นบนร่างกายของจูเชว่ได้ถูดตัดออกจนไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่แกราะอ่อนนี้
ถึงแม้ว่าศิษย์ที่รักจะไม่ได้สนใจ แต่เขาทนเห็นผู้ชายคนหนึ่งมาล่อนจ้อนอยู่ต่อหน้าที่รักขอเขาไม่ได้ หากต้องมีคนล่อนจ้อนก็มีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถล่อนจ้อนได้!
ใบหน้าของจูเชว่แดงระเรื่อ เขาก็รีบร้อนหยิบชุดคลุมสีแดงเพลิงออกมาแล้วสวมใส่อย่างรวดเร็ว และความเร็วก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
จูเชว่กล่าวว่า “ในเวลาเช่นนี้ ความจริงแล้วข้าควรจะถามหาความรับผิดชอบจากซีซี! ทว่าข้าได้เป็นคนของคุณหนูใหญ่ไปแล้ว จึงไม่อาจติดตามซีซีได้ น่าเสียดาย! ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
นิรันดร์อยากที่จะเตะจูเชว่ให้ลอยละลิ่วออกไปจริง ๆ “ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นคนของผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ไม่มีวันของเจ้าหนูเช่นเจ้าหรอก! หากยังกล้าพูดจาไร้สาระ ข้าก็ไม่ถือสาที่จะเปลี่ยนให้เจ้ากลายเป็นหญิงสาวหรอกนะ”
จูเชว่ตัวสั่นสะท้านอย่างอธิบายไม่ถูก สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่า เรื่องที่ท่านผู้นี้พูดนั้นถึงแม้จะไม่สมเหตุสมผล แต่เขาก็สามารถที่จะทำได้อย่างแน่นอน
ชายผู้ที่มีชื่อว่านิรันดร์ผู้นี้ มีความสามารถที่ลึกล้ำเกินจะหยั่งถึง และทำให้ผู้คนไม่อาจมองออกได้เลย!
จูเชว่ฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว จึงกล่าวถามว่า “ซีซี เจ้า…ก่อนหน้านี้เหตุใตเจ้าถึงทำเช่นนั้น?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อสุนีบาตนั้นสามารถแยกหมอกเหล่านี้ได้ ดังนั้นหากขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับอสุนีบาต บางทีอาจจะสามารถออกไปจากพื้นที่ของเกาะไม่หวนคืนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกนั้นได้”
“เช่นนั้นพวกเราออกมาจากสถานที่บ้า ๆ นั้นได้แล้วใช่หรือไม่?” จูเชว่กล่าวถาม
“ยังไม่แน่ใจเช่นกัน ข้าให้เสี่ยวโม่โม่บินออกมาไกลสักหน่อย รอดูว่าจะพบคนอื่นบ้างหรือไม่ แล้วลองถามดูคงได้รู้แล้ว”
“อื้ม!”
จูเชว่กล่าวว่า “ซีซี ข้าถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นเช่นนั้น แต่เหตุใดเจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าสงสัยว่าเพราะเหตุใดร่างกายของข้าถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น และออกมาจากสายฟ้าผ่าได้หรอกหรือ! เพราะอสุนีบาตที่ธรรมดาเช่นนี้มีผลกระทบต่อข้าไม่มากนักนะสิ” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“ซีซี เจ้าแข็งแกร่งจริง ๆ!”
ทันใดนั้นก็มีกลิ่นอายหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา ความสามารถของฝ่ายตรงข้ามไม่แข็งแกร่งมากเท่าไรนัก เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงเท่านั้น และเพียงไม่นานพวกเขาก็มองเห็นจุดเล็ก ๆ สีดำกำลังเข้ามาใกล้
ชายชราที่สวมชุดสีดำผู้นั้น รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อมองเห็นมู่เฉียนซีและจูเชว่
“เจ้าเด็กน้อยทั้งสอง ไม่คิดเลยว่าจะมีพาหนะที่บินได้ไว้ในครอบครองด้วย เช่นนั้นพวกเจ้าก็นำพาหนะนี้มาให้ชายชราอย่างข้าได้ยืมก่อนสักหน่อยสิ!” กล่าวจบเขาก็พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หมายที่จะแย่งพาหนะที่บินได้นี้
เนื่องจากเสี่ยวโม่โม่ได้ซ่อนกลิ่นอายของสัตว์เทพเอาไว้ มิเช่นนั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตคนใดจะกล้าเข้ามาแย่งมันกันล่ะ!
และในตอนที่เสี่ยวโม่โม่กำลังเตรียมที่จะจัดการกับชายที่รนหาที่ตายผู้นี้ มู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ ข้าต้องการหลบหนี!”
“เด็กน้อย ข้ามีเรื่องด่วน นำพาหนะบินได้นี้มาให้ข้าได้ยืมก่อนเถิด” ชายชรากล่าว
“ไม่ให้ยืม!”
“ข้ารีบมากจริง ๆ พวกเจ้าไม่ชอบให้พูดดี ๆ แต่ชอบให้บังคับเช่นนั้นสินะ” ชายชรากล่าวอย่างโมโห
เหตุที่ชายชราคนนั้นรีบร้อน นั่นก็เป็นเพราะว่ามีใครบางคนกำลังไล่ตามหลังเขามาอยู่นั่นเอง
และความสามารถของคนที่ไล่ตามเขามานั้นไม่ต่างจากเขามากนัก แต่ทว่าอายุน้อยกว่าเขามากเลยทีเดียว
“โจรเฒ่า อย่าได้คิดจะทำร้ายผู้อื่น ตายซะเถอะ!”
ผู้ที่มานั้นแต่งกายด้วยชุดสีขาวที่พริ้วไหว เขาเดินถือกระบี่เข้ามา ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา และเมื่อได้มองดูแล้วก็เป็นชายหนุ่มที่มีความเคร่งขรึมที่โดดเด่นคนหนึ่ง
จากนั้นไม่นานเข้าก็ได้เข้าต่อสู้กับชายชราชุดดำผู้นั้น แต่จูเชว่กลับกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ซีซี พวกเราออกมาแล้ว พวกเราออกมาจากที่แห่งนั้นได้แล้วจริง ๆ!”
หลังจากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาวผู้นั้นแล้วกล่าวว่า “ซีซีรู้หรือไม่ว่าชายผู้นั้นคือใคร? เขาก็คือหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ที่เป็นบุตรแห่งสวรรค์ผู้โดดเด่นในตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นตงหวง และไป๋จิ่งเยว่ผู้นี้ก็ถูกขนานนามว่าเป็นต้นแบบทางศีลธรรมเลยทีเดียว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของข้าจะไม่ผิดพลาด”
“ซีซียอดเยี่ยมมาก ข้าคิดวิธีเช่นนี้ไม่ออกเลย! แต่ทว่าวิธีการเช่นนี้มีเพียงซีซีเท่านั้นที่กล้าลอง ถึงคนอื่นจะคิดได้ แต่ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าที่จะต้านทานอัสนีแห่งสวรรค์เช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้นคาดว่ายังไม่ทันที่จะได้ออกมาก็คงถูกอสุนีบาตฟาดใส่จนกลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียก่อนแล้ว ซีซีข้าไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าข้าควรจะตอบแทนเจ้าเช่นไรดี หากสักวันหนึ่งที่ข้าได้รับอิสรภาพคืนมาแล้ว ข้าค่อยมอบทั้งหัวใจให้เจ้าดีหรือไม่?” จูเชว่กล่าวพลางจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยตาปริบ ๆ