ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1800 เป็นฝ่ายท้าประลอง
เมื่อการประลองเริ่มขึ้น กระบี่ของไป๋จิ่งเยว่ก็ถูกชักออกมาจากฝัก ทั่วทั้งลานประลองล้วนแต่ถูกควบแน่นกลายเป็นน้ำแข็ง กลิ่นอายความเย็นยะเยือกพัดกระโชกมาอย่างท่วมท้น
ไม่นานนัก ไป๋จิ่งเยว่ก็เริ่มใช้ทักษะวิญญาณระดับสูง
“จันทราสังหาร!”
พลังวิญญาณธาตุน้ำแข็งทำให้อุณหภูมิบริเวณรอบ ๆ ลดต่ำลงอย่างกะทันหัน คลื่นพายุพัดกระโชก มีดจันทราอันเย็นยะเยือกนั้นพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ทุกคนต่างตกอยู่ในความโกลาหลแตกตื่นทันที “เพียงแค่เริ่ม คุณชายจิ่งเยว่ก็ใช้กระบวนท่าสังหารอันยอดเยี่ยมขึ้นแล้ว! แม่นางมู่อันตรายแล้ว”
คนของสำนักหลินเยว่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณชายจิ่งเยว่เข้ามาขวางทำไมกัน! พวกเราต้องจัดการมู่เฉินซีด้วยมือของเราเองถึงจะบรรเทาความแค้นในใจของพวกเราได้”
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
พลังวิญญาณธาตุวายุต้านทานอย่างรวดเร็ว ปัง! การต้านทานของกระบวนท่านี้ถูกน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกฉีกออกในทันที และกระบี่เล่มนั้นก็โจมตีมาตรงหน้ามู่เฉียนซีโดยตรง
เข้ามาใกล้มากเกินไปแล้ว หากพุ่งเข้ามาเร็วกว่านี้เกรงว่าคงจะไม่อาจหลบหลีกได้ทัน
เมื่อคุณชายจิ่งเยว่ตั้งใจขึ้นมาแล้วนั้น เขาก็ช่างแข็งแกร่งและน่ากลัวยิ่งนัก!
ทว่า มู่เฉียนซีกลับหลบหลีกได้ทันในเสี้ยวอึดใจสุดท้าย
ความเร็วนั้นช่างรวดเร็วยิ่งนัก ทุกคนล้วนแต่มองการเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีได้ไม่ชัดเลยสักนิด ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็โจมตีมาจากทางด้านหลัง
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซี ไป๋จิ่งเยว่ทำได้เพียงเคลื่อนไหวหลบหลีกไปในทันที
คมกระบี่ยาวกวัดแกว่งตัดผ่านอากาศ ดอกบัวน้ำแข็งหลายดอกบานสะพรั่งกลางอากาศอย่างงดงาม งดงามอย่างมิอาจเปรียบได้!
แม้ว่าดอกบัวน้ำแข็งจะงดงามมากเพียงใด แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวนั้นกลับทำให้พวกมันพลันเปลี่ยนเป็นอาวุธอันแหลมคมที่สามารถคร่าชีวิตได้ ช่างอันตรายยิ่งนัก!
ฟึ่บ!
เสียงตัดผ่านอากาศนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปใกล้มู่เฉียนซี ทันใดนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงของมู่เฉียนซีก็พลันเปลี่ยนเป็นใบพัดนับไม่ถ้วนพุ่งไปที่ดอกบัวน้ำแข็งเหล่านั้น
ปัง ปัง ปัง!
เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงดังสนั่นขึ้น ดอกบัวน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นผลึกน้ำแข็งร่วงตกลงมาจากกลางอากาศ
นึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะทำลายการโจมตีของคุณชายจิ่งเยว่ลงได้
ทว่า สนามประลองนี้แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิบริเวณรอบ ๆ ผันเปลี่ยนไปอีกครั้ง น้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เหล่านั้นพลันเปลี่ยนเป็นกระบี่เล่มบางขนาดเล็ก
“ลำแสงดาราทำลาย!” ไป๋จิ่งเยว่ตะโกนหกคำนี้ออกมา
มู่เฉียนซีเข้าสู่วงล้อม การโจมตีที่อันตรายมากมายพุ่งเข้าไปใกล้ตัวนาง
“พระเจ้าช่วย! นึกไม่ถึงเลยว่าคุณชายจิ่งเยว่จะมีช่วงเวลาที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ด้วย”
“คมกระบี่น้ำแข็งมากมายเพียงนี้จะหลบหลีกได้อย่างไรกัน ต่อให้มีทักษะร่างที่รวดเร็วมากก็เถอะ”
พัดวิหคเฟิงหลิงเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พัดวิหคสะบัดขน!”
ขนนกสีขาวนับไม่ถ้วนห่อหุ้มร่างกายของมู่เฉียนซีเอาไว้ และพุ่งทะลุท่ามกลางคมกระบี่น้ำแข็งนับไม่ถ้วนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นไป๋จิ่งเยว่ก็เคลื่อนไหวไปทางด้านหลังของมู่เฉียนซี และโจมตีนางต่อ!
ทว่า จู่ ๆ ร่างของหญิงสาวตรงหน้าก็ได้อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาเขา และไปปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือศีรษะเขาแทน
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ตูมมม!
ไป๋จิ่งเยว่ต้านทานการโจมตีนี้ได้ จากนั้นก็โจมตีนางกลับ
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
พลังวิญญาณธาตุน้ำแข็งกับพลังวิญญาณธาตุวายุปะทะกันอย่างรุนแรง ไป๋จิ่งเยว่พุ่งตัวเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีอีกครั้ง
มู่เฉียนซีแข็งแกร่งยิ่งนัก!
มู่เฉียนซีแอบคิดในใจว่า ‘ไป๋จิ่งเยว่ผู้นี้สมกับที่เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงแห่งแดนซวนเทียนจริง ๆ การป้องกันและการโจมตีล้วนแต่สมบูรณ์แบบมาก คนเหล่านั้นของสำนักหลินเยว่ไม่อาจเทียบเขาได้เลย!’
ต่อมา การปะทะกันนับไม่ถ้วนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างของทั้งสองแยกออกจากกัน ร่นตัวถอยหลังไปถึงขอบลานประลอง
ทั้งสองกระโจนตัวขึ้นกลางอากาศอีกครั้งและต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“นี่มันจะร้อยกระบวนท่าแล้ว ยังดูไม่ออกเลยว่าผู้ใดจะแพ้ผู้ใดจะชนะ”
“จอมภูตพลังวิญญาณระดับเดียวกัน ส่วนน้อยมากที่จะรับมือกับคุณชายจิ่งเยว่ได้ถึงร้อยกว่ากระบวนท่าโดยที่ไม่แพ้เช่นนี้ มู่เฉินซีผู้นี้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก นึกไม่ถึงเลยว่ามหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกจะยืนหยัดต่อสู้ได้นานถึงเพียงนี้ ช่างวิปริตยิ่งนัก!”
พลังของทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง เมื่อไป๋จิ่งเยว่อาศัยความได้เปรียบโจมตีมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็หลบหลีกได้อีกเช่นเคย
“ความเร็วนี้มีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับการโกงก็ว่าได้! ข้ารู้สึกว่าการต่อสู้สนามนี้จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียพลังไปในที่สุดได้ นอกเสียจากว่าคุณชายจิ่งเยว่จะมีความเร็วที่เร็วกว่ามู่เฉินซี”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุมานักต่อนักแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่มีความเร็วมากถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”
“แม้ระดับพลังวิญญาณของมู่เฉินซีจะอ่อนแอ แต่หากนางจะใช้ความเร็วของนางทำให้คุณชายจิ่งเยว่สิ้นเปลืองพลัง ข้าว่านางทำได้”
แน่นอนว่านางทำได้ แต่มู่เฉียนซีคงไม่ทำเช่นนั้น หากใช้ความเร็วทำให้ไป๋จิ่งเยว่สิ้นเปลืองพลังไปจริง ๆ การประลองในครั้งนี้ก็คงจะไร้ความหมาย
ต่อสู้กันอย่างตัวต่อตัว นางต้องการใช้การต่อสู้ในครั้งนี้เพื่อทะลวงพลังวิญญาณ และนางก็รู้สึกว่าตนเองกำลังจะทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว
มู่เฉียนซีพุ่งตัวเคลื่อนไหวไปข้างกายไป๋จิ่งเยว่ นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ขอบใจเจ้ามาก!”
พลังวิญญาณระดับเจ็ดไหลพรั่งพรูเข้าสู่ร่างของนางอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนเห็นนางหลบหลีกการโจมตีพลังธาตุน้ำแข็งของไป๋จิ่งเยว่ไปด้วยพลางทะลวงพลังวิญญาณได้ ก็พากันตกตะลึงไปในทันที
พลังของมู่เฉียนซีทวีความแข็งแกร่งขึ้น นางทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว!
มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด!
หากเห็นคนอื่นทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด พวกเขาคงจะคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ทว่า นี่คือมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ นั่นหมายถึงนางสามารถต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดได้นั่นเอง
อีกอย่างอายุยังน้อยเช่นนี้ แต่กลับมีความแข็งแกร่งถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด ในแดนซวนเทียนนั้นนับว่าเป็นอัจฉริยะผู้ยอดเยี่ยมแล้ว
ไป๋จิ่งเยว่ยิ้มพลางกล่าว “ยินดีด้วย!”
มู่เฉียนซีถือพัดวิหคเฟิงหลิงอยู่ในมือ นางยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้ากำลังจะแพ้แล้ว ยังจะมายินดีกับข้าอีก”
“มันคนละเรื่องกัน!”
“ตั้งรับกระบวนท่าข้าให้ดีล่ะ”
ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีที่เพิ่งจะทะลวงพลังวิญญาณได้ในเมื่อครู่ก็ประมือกับไป๋จิ่งเยว่อีกครั้ง ตอนนี้นางเสียเปรียบที่ขั้นพลังวิญญาณของนางต่ำกว่าเขา แต่นางได้เปรียบในความรวดเร็ว และสิ่งนี้ก็ทำให้แรงกดดันของไป๋จิ่งเยว่ทวีคูณมากขึ้น
ทั้งสองต่อสู้ประมือกันอีกยี่สิบกว่ากระบวนท่า พัดวิหคเฟิงหลิงในมือมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
“ระวังให้ดีล่ะ!” นางกล่าวกับไป๋จิ่งเยว่
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
กลิ่นอายกระบี่กับพลังธาตุวายุหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทำให้การโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีเป็นการโจมตีที่คร่าชีวิตได้เลย
พลังธาตุวายุพรั่งพรูออกมาดุจดั่งกระแสน้ำ ไป๋จิ่งเยว่ได้เตรียมการป้องกันเอาไว้แล้ว ทว่า…
เขาประเมินการโจมตีของมู่เฉียนซีต่ำเกินไป และประเมินพลังในการป้องกันของตนเองสูงเกินไปเช่นกัน!
ปัง!
การป้องกันของไป๋จิ่งเยว่พังทลายลง พลังจันทราอันเย็นยะเยือกที่ไร้ความปรานีนั้นโจมตีเข้ามา!
ฉึก!
ชุดคลุมยาวถูกจันทราหนาวเหน็บตัดขาด ไป๋จิ่งเยว่ร่นตัวถอยหลังหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง เขาถูกบีบให้ร่นตัวถอยหลังไปจนลงไปจากลานประลองโดยไม่รู้ตัว
บรรยากาศบริเวณโดยรอบเงียบสงัดลงในบัดดล คุณชายจิ่งเยว่พ่ายแพ้แล้ว พ่ายแพ้ให้แก่มู่เฉินซีแล้ว
มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก…ไม่ใช่สิ มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด
ไป๋จิ่งเยว่ผู้พ่ายแพ้ตอนนี้ยังคงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขากล่าว “แม่นางมู่แข็งแกร่งจริง ๆ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ”
ตอนนี้มู่เฉียนซียืนอยู่บนลานประลองพลางกัดกินยาลูกกลอนราวกับลูกกวาดเคลือบน้ำตาลเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ
สายตานางกวาดมองไปที่ผู้เข้าร่วมประลอง ก่อนจะกล่าวว่า “อืม! คนของสำนักหลินเยว่ ยังมีใครกล้าประลองกับข้าอีกหรือไม่?”
ซี๊ด! พวกเขาสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดด้วยความตกใจ “นึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะเป็นฝ่ายท้าประลองสำนักหลินเยว่”
“นางเพิ่งจะประลองกับคุณชายจิ่งเยว่ไปเมื่อครู่ สูญเสียพลังวิญญาณไปมาก นี่นางจะประลองต่อโดยไม่หยุดพักเลยเหรอ?”
“ตั้งแต่ชั้นที่หนึ่ง สำนักหลินเยว่ก็ส่งคนไปต่อสู้กับมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง ทว่าตอนนี้กลับถูกมู่เฉียนซีเป็นฝ่ายท้าประลองเองแล้ว”
หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ของมู่เฉียนซีและไป๋จิ่งเยว่แล้ว อันที่จริงคนของสำนักหลินเยว่ก็หวาดกลัวมู่เฉียนซีอยู่ไม่ยอา และคิดหาวิธีอื่นเพื่อรับมือกับมู่เฉียนซี
ทว่า ตอนนี้กลับถูกท้าประลองต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากพวกเขาไม่กล้าตอบรับการท้าประลอง คนอื่นจะคิดว่าสำนักหลินเยว่กลัวมู่เฉียนซีผู้ขนี้
หญิงสาวชุดสีขาวผู้หนึ่งพุ่งตัวขึ้นไปบนลานประลอง “ข้าจะประลองกับเจ้าเอง!”
สูญเสียพลังวิญาณไปมากมายเพียงนั้นยังกล้าที่จะท้าประลองอีก นางจะทำให้มู่เฉินซีผู้นี้ได้เจอกับความน่าอนาถเอง
ตูม!
แต่ทันทีที่ประมือกัน สีหน้าของหญิงสาวชุดสีขาวก็พลันเปลี่ยนไปทันที “เจ้า…นี่พลังวิญญาณของเจ้าฟื้นฟูกลับมาแล้ว เหตุใดถึงได้รวดเร็วเช่นนี้!”
.
.